ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเผยให้เห็นว่า ประเทศไทยมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เป็น ‘โครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ’ มากถึง 3,248 โครงการ / กิจกรรม กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
เป้าประสงค์หลักของโครงการพระราชดำริด้านแหล่งน้ำ มุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งด้านเกษตรกรรม อุปโภคบริโภค และการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างยั่งยืน หลายโครงการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทและสร้างความอุดมสมบูรณ์แก่พื้นที่ทั่วประเทศ
ซึ่งโครงการลักษณะนี้เป็นโครงการที่ทรงวางแผนพัฒนาและทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลอย่าง ‘กรมชลประทาน’ ที่เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ ป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาแหล่งน้ำ โดยมีหน่วยงานภายใต้สังกัดทั่วประเทศที่ทำงานประสานและรับผิดชอบดูแลพื้นที่นั้นๆ
และหนึ่งในหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านแหล่งน้ำที่อยากจะพาผู้อ่านไปรู้จักคือ ‘สำนักงานชลประทานที่ 3’ หน่วยงานระดับจังหวัด ซึ่งมีหน้าที่พัฒนาแหล่งน้ำตามศักยภาพของลุ่มน้ำควบคู่ไปกับบริหารจัดการน้ำให้กับผู้ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และยั่งยืน ทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาและบริหารจัดการน้ำ ซึ่งดูแลรับผิดชอบครอบคลุมจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ ปัจจุบันมีโครงการที่รับผิดชอบ ได้แก่ โครงการชลประทาน 4 โครงการ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา 7 โครงการ และโครงการก่อสร้าง รวมทั้งสิ้น 12 โครงการ
ในบรรดา 12 โครงการที่สำนักงานชลประทานที่ 3 ดูแลรับผิดชอบ มี 3 โครงการที่ THE STANDARD อยากจะนำมาถอดบทเรียนความสำเร็จ ได้แก่
- โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะหุ่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์
เดิมทีพื้นที่ตำบลนาขุม อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ ประสบความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคมาอย่างยาวนาน คนในพื้นที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้ จึงนำไปสู่การขอพระราชทานโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะหุ่งไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และให้ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมระบบส่งน้ำและงานระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยมะหุ่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ความจุ 650,000 ลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับน้ำ 4.76 ตารางกิโลเมตร เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคของราษฎรและปศุสัตว์ เสริมการเพาะปลูกในฤดูฝน ช่วงฝนทิ้งช่วงและการเพาะปลูกในฤดูแล้ง
โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยมะหุ่งพร้อมระบบส่งน้ำดำเนินการแล้วเสร็จปี 2565 สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และเป็นแหล่งน้ำไว้ใช้เพาะปลูกในฤดูฝน 950 ไร่ ช่วงฝนทิ้งช่วงและการเพาะปลูกในฤดูแล้ง 200 ไร่ ของราษฎรตำบลนาขุม อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์
- โครงการขุดลอกแก้มลิงดอนยาวพร้อมอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครสวรรค์
เนื่องจากเกษตรกรตำบลบางแก้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรในฤดูแล้งและประสบอุทกภัยในฤดูฝน จึงขอพระราชทานโครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการขุดลอกแก้มลิงดอนยาวพร้อมอาคารประกอบไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โดยกรมชลประทานดำเนินการขุดดินแก้มลิง พื้นที่ 80 ไร่ ลึก 4 เมตร พร้อมก่อสร้างอาคารประกอบ 3 แห่ง ได้แก่ อาคารบังคับน้ำรับน้ำเข้า อาคารบังคับน้ำปากเหมือง และอาคารบังคับน้ำระบายน้ำ โดยก่อสร้างเสร็จไปเมื่อปี 2564 สามารถกักเก็บน้ำได้ประมาณ 512,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนที่อยู่ในเขตโครงการและบริเวณใกล้เคียง จำนวน 285 ครัวเรือน 950 คน อีกทั้งสามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรได้ประมาณ 1,000 ไร่
- โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2500 ภายหลังการก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ที่บ้านผาซ่อม ตำบลผาเลือด อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ กรมประชาสงเคราะห์ (กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในปัจจุบัน) จัดเตรียมพื้นที่ประมาณ 143,000 ไร่ เพื่อรองรับประชาชนที่อพยพจากบริเวณพื้นที่น้ำท่วมของอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ บริเวณท้ายน้ำของเขื่อนดินปิดช่องเขาต่ำ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์
แม้จะมีการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำจากอาคารระบายน้ำของเขื่อนดินปิดช่องเขาต่ำของเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อส่งน้ำให้แปลงอพยพตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 แต่พื้นที่แปลงอพยพมีสภาพสูง ต่ำ สลับกับเนินเขา ทำให้ระบบท่อส่งน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ส่งน้ำได้ไม่ครอบคลุมพื้นที่ ประชาชนส่วนใหญ่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและน้ำในการทำการเกษตร โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง
27 มกราคม 2546 ตัวแทนราษฎรสมาชิกนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านจึงยื่นหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ ขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทางราชการดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี
29 กันยายน 2548 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี พร้อมระบบผันน้ำ ระบบส่งน้ำ และอาคารประกอบไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
กรมชลประทานจึงดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมอาคารประกอบและระบบส่งน้ำ บริเวณหมู่ที่ 12 บ้านกิ่วเคียน เทศบาลตำบลจริม อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ระยะเวลาดำเนินโครงการ 15 ปี (ปี 2554-2568 )
โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมอาคารประกอบและระบบส่งน้ำ มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน ความสูง 55 เมตร ยาว 440 เมตร ความจุ 73.70 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมอุโมงค์ส่งน้ำความยาว 1,831.59 เมตร และระบบส่งน้ำด้วยท่อความยาวรวมมากกว่า 250 กิโลเมตร
เมื่อก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์จะสามารถส่งน้ำครอบคลุมพื้นที่ในอำเภอท่าปลา 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลจริม ตำบลหาดล้า ตำบลท่าปลา ตำบลร่วมจิต ตำบลน้ำหมัน และอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ 1 ตำบล ได้แก่ ตำบลวังดิน คิดเป็นพื้นที่ชลประทานฤดูฝน 53,500 ไร่ ฤดูแล้ง 39,920 ไร่ ราษฎรได้รับประโยชน์รวม 60 หมู่บ้าน 6,856 ครอบครัว ประชากรรวม 24,501 คน สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคของราษฎรบริเวณพื้นที่แปลงอพยพของเขื่อนสิริกิติ์มานานกว่า 40 ปี อีกทั้งยังช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำน่านได้อีกทาง การันตีด้วยรางวัล EIA Monitoring Awards ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างดีเยี่ยม
ความมั่นคงทางด้านน้ำที่เกิดจากโครงการฯ ยังเหมือนเป็นการ ‘คืนทรัพย์ในดิน สินในน้ำ’ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนจังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อน้ำถึง ดินดี จะเพาะปลูกอะไรก็งอกงาม ทำเกษตรได้ทุกฤดู และยังมีแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดให้คนในพื้นที่นำมาบริโภคหรือประกอบอาชีพประมงเป็นรายได้เสริม
คนในพื้นที่เล่าว่า “เมื่อก่อนปลูกกล้วยแล้วผลไม่งาม ยิ่งในฤดูแล้งจะได้กล้วยเนื้อแข็งเพราะน้ำไม่ถึง แต่หลังจากได้น้ำจากโครงการฯ ทำให้สวนกล้วยได้รับน้ำเพียงพอ ผลผลิตก็ดี กล้วยเนื้อเยอะ สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กล้วยตากที่มีคุณภาพ สร้างรายได้เสริม ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น”
หลายพื้นที่ที่เคยแห้งแล้ง ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งข้าว แหล่งน้ำ แหล่งทำมาหากินของคนในครอบครัว “เมื่อก่อนพื้นที่แห้งแล้งไปหมด ปลูกข้าวก็ไม่ได้ ปลูกอะไรก็ตาย น้ำจะกินก็ไม่มี ต้องรอฝนอย่างเดียว แต่พอมีอ่างเก็บน้ำและมีน้ำเข้ามา ดินก็ดี ตอนนี้ปลูกข้าวก็งาม เลี้ยงปลาก็ได้ มีกิน มีใช้ มีรายได้ ก็มีความสุข”
นอกจากจะเป็นโครงการฯ ที่ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืน ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงาม มี ‘สกายวอล์ก’ สะพานคอนกรีตกลางหุบเขา ความยาว 730 เมตร ให้นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวมุมสูงของอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีพร้อมกับความงามของทิวเขาเขียวขจี กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดอุตรดิตถ์
จะเห็นได้ว่าโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริสร้างประโยชน์ในหลากหลายมิติให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องไปกับพระราชปณิธานในการดำเนินโครงการพระราชดำริด้านแหล่งน้ำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการพัฒนาแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เมื่อน้ำดี ดินดี ประชาชนก็มีรายได้ มีอาหาร จากการทำไร่ ทำสวน เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ ไปจนถึงการทำปศุสัตว์
เมื่อการบริหารจัดการน้ำทำได้ดีและมีระบบ ก็สามารถส่งต่อองค์ความรู้ให้กับคนในพื้นที่และคนที่สนใจนำไปปรับใช้ เหนือสิ่งอื่นใด โครงการพระราชดำริยังเป็นต้นแบบของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับประเทศ
อ้างอิง: