×

การกลับมาของราชาสองล้อทางเรียบอย่าง มาร์ค มาร์เกซ

02.03.2025
  • LOADING...
marquez-comeback

‘กวาดเรียบ’ อาจเป็นคำจำกัดความง่ายๆ ของการแข่งขันสนามแรกในศึก โมโตจีพี ฤดูกาล 2025 รายการ ‘พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์’ ที่เพิ่งจบลงไป

 

และสำหรับคนที่ได้ติดตามคงทราบดีว่า คำว่า ‘กวาดเรียบ’ จะเป็นของใครอื่นไปไม่ได้ นอกจาก มาร์ค มาร์เกซ นักบิดชาวสเปน จากดูคาติ เลโนโว ที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมชนิด ‘กวาดเรียบ’ ได้จริงๆ

 

ไม่ใช่แค่กวาดเรียบในการแข่งขันรอบเมนเรซเท่านั้น แต่ตลอด 3 วันในการแข่งขัน โมโตจีพีสัปดาห์แรกในประเทศไทย เขาแสดงให้เห็นศักยภาพระดับแชมป์โลกโมโตจีพี 6 สมัยอย่างชัดเจน ทั้งการทำเวลานำในรอบซ้อม คว้าตำแหน่งโพลในรอบควอลิฟาย และคว้าชัยในรอบสปรินท์

 

ในวัย 32 ปี ไม่ใช่ตัวเลขที่มากเกินไป ถ้าเขาจะกลับมามีชื่อเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง และถ้ามันเกิดขึ้น ก็จะเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 7 ของเจ้าตัว ซึ่งจะขึ้นไปเทียบเท่ากับนักบิดรุ่นพี่ชาวอิตาเลียนอย่าง วาเลนติโน รอสซี ที่รีไทร์ไปด้วยตัวเลขแชมป์โลก 7 สมัย

 

มาร์เกซ ก้าวขึ้นมาเป็นราชาในรุ่นโมโตจีพีกับทีม เรปโซล ฮอนด้า หลังคว้าแชมป์โมโตจีพีได้ตั้งแต่ปีแรกที่ก้าวขึ้นมาขับในรุ่นนี้ เมื่อปี 2013 และคว้าแชมป์มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้แชมป์ 6 สมัย จาก 7 ฤดูกาล ระหว่างปี 2013-2019

 

ทว่าจุดเปลี่ยนสำคัญ คือการได้รับบาดเจ็บตั้งแต่สนามแรกที่เฆเรซ ในฤดูกาล 2020 เพราะล้มจนแขนขวาหักเนื่องจากพยายามไล่ทวงอันดับคืนจากท้ายแถว แม้เจ้าตัวจะพยายามกลับมาลงสนามอีกครั้งอย่างเต็มที่ แต่สิ่งนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นตลอดฤดูกาล

 

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของขาลงที่เราไม่ได้คิดว่าจะเห็นจากราชาหมายเลข 93 รายนี้ เพราะแม้จะกลับมาได้ในปี 2021 แต่เขาก็จบเพียงอันดับ 7 ก่อนที่จะจบอันดับ 13 และ 14 ในอีก 2 ฤดูกาลถัดมา

 

ณ จุดนั้นคงมีไม่กี่คนที่จะคิดว่าเขาจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง แต่เมื่อปีก่อนการโยกย้ายครั้งสำคัญเปลี่ยนให้เขาย้ายมาอยู่กับทีมเกรซินี เรซซิง ที่ซึ่งทำให้เราเห็นว่าเขายังมีศักยภาพอย่างเต็มเปี่ยมอยู่

 

มาร์เกรซ ได้มาขับรถที่ดีที่สุดในการแข่งขัน อย่าง รถของดูคาติ แม้จะไม่ได้เป็นรุ่นล่าสุดในปีก่อนอย่าง Desmosedici GP24 แต่การได้ขับ Desmosedici GP23 ก็เพียงพอให้อดีตแชมป์โลกรายนี้ แสดงความร้ายกาจออกมาให้เราได้เห็นอีกครั้ง

 

ผลที่เกิดขึ้นคือ การไต่อันดับขึ้นมาจบที่ 3 ในตารางชิงแชมป์โลกประเภทบุคคล และได้ก้าวขึ้นสู่ทีมโรงงานของดูคาติ อย่าง ดูคาติ เลโนโว

 

การย้ายมายังทีมโรงงานของดูคาติ หมายความว่า มาร์เกซจะได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดของรถที่เร็วที่สุดในการแข่งขันปีนี้ อย่างรถรุ่นล่าสุดของดูคาติ

 

ที่เหนือไปกว่านั้น นั่นคือการที่ทีมอันดับ 1 ของการแข่งขันอย่าง ดูคาติ เลโนโว จะมีนักขับระดับแชมป์โลกในทีมอยู่ร่วมกันถึง 2 คน โดยนอกจากมาร์คแล้ว ทุกคนก็ต่างทราบกันดีว่า ฟรานเชสโก ‘เป็กโก’ บัญญายา เป็นนักขับระดับพระกาฬไม่แพ้กัน

 

การย้ายมาอยู่ร่วมกันที่ดูคาติของมาร์เกซและเป็กโก นอกจากจะทำให้หลายคนมองภาพการเป็นแชมป์โลกประเภททีมของดูคาติ เลโนโว ได้อย่างชัดเจนขึ้นแม้จะยังไม่เริ่มต้นฤดูกาลแล้ว แต่อีกกระแสที่ถูกพูดถึง คือเรื่องราวของ ‘เสือสองตัวในถ้ำเดียวกัน’

 

มีการพูดคุยถกเถียงกันระหว่างแฟนๆ ทั่วโลก ว่าทีมโรงงานของดูคาติในปีนี้ “จะเป็นทีมของใครกันแน่?” 

 

คำตอบที่แท้จริง น่าจะยังไม่มีใครรู้ เพราะสิ่งที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ได้คือผลงานในสนามของทั้งคู่ แต่จากที่ THE STANDARD SPORT ได้ติดตามการแข่งขันโมโตจีพีในปีนี้มาตั้งแต่ช่วงพรีซีซันเทสต์จนมาถึงสนามแรกที่บุรีรัมย์ อาจจะต้องยอมรับว่ามาร์ค ทำได้ดีกว่าเป็กโก

 

แน่นอนว่ามาร์เกซอาจจะเป็นแชมป์โลกมามากครั้งกว่าเป็กโก และอยู่ในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกมายาวนานกว่า แต่จากจุดที่ เป็กโก ประสบความสำเร็จมาในช่วงหลายปีหลัง ก็ต้องยอมรับว่า ประสบการณ์ของทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันนัก

 

สิ่งที่แตกต่างอาจจะเหลือเพียงแค่การปรับตัวกับรถและทีมงาน ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เป็นมาร์เกซที่ทำได้ดีกว่าจริงๆ และนั่นก็นำมาซึ่งแชมป์ทั้งสปรินท์เรซและเมนเรซที่บุรีรัมย์

 

โดยเฉพาะในรอบเมนเรซ เราได้เห็นมาร์คขับเคี่ยวกับ อเล็กซ์ มาร์เกซ น้องชายของเขาจากทีมเกรซินี อีกหนึ่งนักขับที่ควบรถของดูคาติเช่นกัน 

 

เรซที่ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เราเห็นการวัดเหลี่ยมกันของ 2 พี่น้องชาวสเปน และเป็นพี่ชายที่เก๋ากว่า ขณะที่ เป็กโก ทำได้แค่เพียงรอบคุมสถานการณ์หาโอกาสอยู่ห่างๆ เท่านั้น และมันก็ไม่มีโอกาสนั้นให้เขาแซงขึ้นไปจนสูงกว่าที่ 3 เลยตลอดเรซ

 

ผลที่ออกมาจึงกลายเป็นการจบด้วยตำแหน่งแชมป์ของมาร์เกซคนพี่ โดยมีรองแชมป์เป็นมาร์เกซคนน้อง และเป็กโกจบแค่ที่ 3 เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงเรซแรกของการแข่งขันอันยาวนานในฤดูกาล 2025 เท่านั้น และยังมีคะแนนอีกมากให้ทั้ง 2 คู่หูจากดูคาติไล่ล่า เพื่อคว้าแชมป์โลก ซึ่งนั่นยังรวมถือผู้ท้าชิงคนอื่นๆ ที่น่าสนใจ ทั้ง อเล็กซ์ มาร์เกซ หรือแชมป์เก่าที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บอย่าง ฆอร์เก มาร์ติน ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ผู้ที่ได้เปรียบเมื่อโมโตจีพีออกตัวและขึ้นนำไปก่อนนั่นคือ มาร์ค มาร์เกซ คนนี้ ซึ่งเขาอาจจะกลับมาทวงบัลลังก์ที่เคยเป็นของเขากลับมาอีกครั้งก็เป็นได้

 

ขอบคุณผู้สนับสนุนอุปกรณ์การถ่ายภาพ Canon Imaging Thailand

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising