“ผมแพ้นัดชิงชนะเลิศ 9 ครั้ง ทั้งที่ อเบอร์ดีน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคุณรู้ไหมว่า เช้าวันต่อมามันทำให้ผมเป็นผู้จัดการทีมที่ดีขึ้น
“คุณต้องรับมือกับความพ่ายแพ้ในแนวทางที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้กลายมาเป็นผู้ชนะ คุณต้องยอมรับว่าความพ่ายแพ้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ แต่คุณสามารถแก้ไขมันได้ในวันต่อมา
“ดังนั้นนักเตะหนุ่มๆ ทั้งหลายต้องรับมือกับความพ่ายแพ้ในวิธีที่ถูกต้อง มั่นใจว่าคุณจะเป็นผู้ชนะในวันต่อไป ซึ่งผมทำได้สำเร็จ และชนะในนัดชิงชนะเลิศ 32 ครั้ง”
ประโยคดังกล่าวปรากฏในคลิปวิดีโอสั้นๆ ความยาวเพียง 36 วินาที ที่สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อัปโหลดมาถึงแฟนๆ
ประโยคดังกล่าวนอกจากจะมีความหมายในโลกฟุตบอลถึงการเรียนรู้จากความล้มเหลวแล้ว ยังเป็นข้อความที่สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตหลังจากความล้มเหลวได้เป็นอย่างดี
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แบ่งปันคำแนะนำอันล้ำค่าแก่กลุ่มนักฟุตบอลดาวรุ่งในช่วงถาม-ตอบ ในงานอีเวนต์ของ Manchester United Youth Academy
คำพูดดังกล่าวเขายอมรับว่าความล้มเหลวไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางที่จำเป็นในชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการหล่อหลอมผู้ชนะอีกด้วย
แน่นอนว่าประโยคด้านบนมีพลังในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่มันทรงพลังอย่างมากเมื่อออกมาจากปากคนที่พิสูจน์แล้วว่าแนวคิดนี้ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นคนที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกุนซือที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอลอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
หากเราถอดประโยคสั้นๆ 36 วินาทีข้างบนออกมาเป็นบทเรียนง่ายๆ เราจะได้บทเรียนที่น่าสนใจดังนี้
ความล้มเหลวเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จ
ข้อความที่ชัดเจนที่สุดในประโยคที่เกิดขึ้น คือการที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกว่า ก่อนที่เขาจะเป็นแบบปัจจุบัน ซึ่งแฟนๆ อาจจะนิยามว่า ‘ผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล’ เขาเคยเป็นผู้พ่ายแพ้และเจ็บปวดมากก่อน
ไม่ใช่แค่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเขาที่อเบอร์ดีน เขาพาทีมแพ้ใน สก็อตติชลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2 ครั้ง ในฤดูกาล 1978/79 และ 1979/80
ขณะที่ในช่วงที่บรมกุนซือรายนี้คุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาพาปีศาจแดงพ่ายในรอบชิงฯ ฟุตบอลถ้วยในประเทศอีกหลายครั้ง ไล่ตั้งแต่ เอฟเอคัพฤดูกาล 1994/95, 2004/05 และ 2006/07 ขณะที่ในลีกคัพ (คาราบาวคัพ) ความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศของเขาเกิดขึ้นในฤดูกาล 1990/91, 1993/94 และ 2002/03 ส่วนอีก 2 ครั้งเกิดขึ้นในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2008/09 และ 2010/11
จะเห็นว่าความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นแค่เฉพาะช่วงแรกของการคุมทีม แต่เซอร์อเล็กซ์ต้องเจอกับความผิดหวังในตลอดเส้นทางการเป็นโค้ชแบบเป็นระยะ
เขาบอกว่า “และคุณรู้ไหมว่า เช้าวันต่อมามันทำให้ผมเป็นผู้จัดการทีมที่ดีขึ้น” นั่นหมายความว่าความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเขามาตลอดอาชีพ
ความล้มเหลวจึงเป็นเสมือนแรงผลักดันสำคัญ และเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดัน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แม้ในวันที่เขาประสบความสำเร็จ และได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดโค้ชแล้วก็ตาม
เชื่อมั่นในกระบวนการ
อีกสิ่งหนึ่งที่ถอดบทเรียนออกมาได้จากประโยคสั้นๆ ที่เซอร์อเล็กซ์กล่าวในครั้งนี้ คือความเชื่อมั่นในกระบวนการในการพัฒนาทีม หรือสิ่งที่กำลังทำอยู่
เมื่อเชื่อว่าความพ่ายแพ้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จแล้ว ความอดทนและการเรียนรู้จากความพ่ายแพ้หรือล้มเหลว จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการไปสู่ความสำเร็จอีกครั้ง
ประโยคที่ว่า “คุณต้องรับมือกับความพ่ายแพ้ในแนวทางที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้กลายมาเป็นผู้ชนะ คุณต้องยอมรับว่าความพ่ายแพ้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ แต่คุณสามารถแก้ไขมันได้ในวันต่อมา”
นั่นหมายความว่าคุณจะสามารถเรียนรู้จากความล้มเหลวนั้นได้ แต่ต้องเรียนรู้จากมันในแนวทางที่ถูกต้อง แล้วมันจะสามารถทำให้ผู้แพ้กลายเป็นผู้ชนะได้
การเรียนรู้จากความล้มเหลว ผิดพลาด หรือพ่ายแพ้ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนาตัวเอง แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำคือการยอมรับ ถอดบทเรียน และปฏิบัติ
นั่นเป็นสิ่งที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำมาตลอดชีวิตการเป็นผู้จัดการทีมของเขา เพราะแม้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของเขาจะครองความยิ่งใหญ่ยาวนาน แต่ไม่ใช่ว่าทีมของเขาจะชนะตลอดเวลา
อย่างที่เรียนไว้ในข้อมูลด้านบนว่า ความพ่ายแพ้ในนัดชิงฯ ของเซอร์อเล็กซ์เกิดขึ้นตลอดอาชีพ ไม่ได้เกิดขึ้นช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง นั่นหมายความว่าชัยชนะของเขาก็เกิดขึ้นสลับกับความล้มเหลวเช่นกัน
แต่การที่กลับมาคว้าชัยชนะ หรือคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง มันเกิดจากกระบวนการการยอมรับ ถอดบทเรียน และปฏิบัติตามสิ่งที่ถอดบทเรียนออกมาได้
นั่นคือกระบวนการที่ทำให้เขากลายเป็นผู้ชนะ และเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในท้ายที่สุด
ผู้คนจะจดจำความสำเร็จเรียนรู้จากความล้มเหลว เฟอร์กูสัน
คำพูดของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในช่วงต้น จะไม่มีน้ำหนักขนาดนี้เลย ถ้าเขาไม่ใช่กุนซือที่ประสบความสำเร็จระดับท็อปของวงการฟุตบอล
แม้จะพ่ายแพ้หลายครั้งในรอบชิงชนะเลิศรายการต่างๆ แต่ถ้าเขาไม่ได้พูดมันออกมาจากปากตัวเอง เชื่อว่ามีไม่กี่คนที่จำได้หรือรับรู้
ความพ่ายแพ้สำหรับเขาจึงไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องพบเจอเพื่อก้าวหน้าและเติบโต
และเมื่อคุณปฏิบัติตามกระบวนการที่คุณเชื่อมั่น และทำมันจนประสบความสำเร็จอีกครั้ง ผู้คนจะจดจำความสำเร็จของคุณ ไม่ใช่ว่าคุณล้มเหลวมากี่ครั้ง
เพราะเชื่อว่าตลอด 25 ปีในฐานะกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้คนจดจำเขาได้ในฐานะกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด จากการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย, เอฟเอคัพ 5 สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย คว้าชัยรวมกัน 528 เกมในพรีเมียร์ลีก, คว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมประจำเดือน 27 ครั้ง และโทรฟีต่างๆ อีก 32 รายการ
สถิติเหล่านั้นมีคนจำได้มากกว่าการที่เขาพาทีมพ่ายแพ้ในรอบชิงฯ ฟุตบอลถ้วยรายการต่างๆ…อย่างแน่นอน
ภาพ: Mike Egerton – EMPICS / Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.facebook.com/watch/?mibextid=wwXIfr&v=1112283037575625&rdid=isCN1u4eJfX3HT6Z
- https://www.manchesterunitedfcnews.co.uk/manchester-united-news/i-lost-9-finals-and-you-know-what-happened-the-message-from-alex-ferguson-that-left-everyone-speechless-20250220-10806.html
- https://www.transfermarkt.com/alex-ferguson/leistungsdatenPokaleNational/trainer/4
- https://www.transfermarkt.com/alex-ferguson/leistungsdatenInternational/trainer/4
- https://www.premierleague.com/managers/344/Alex-Ferguson/overview