ในความผิดหวังของแฟนลิเวอร์พูลทั่วโลกที่ทีมพลาดการเก็บ 3 คะแนนเต็มอีกครั้งในเกมที่ต้องไล่ตามตีเสมอแอสตัน วิลลา ชนิดที่เกือบพังพาบด้วยในช่วงท้ายเกม
คนที่ถูกวิจารณ์หนักที่สุดคือ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกหมายเลข 9 ของทีม ผู้พลาด 2 โอกาสสำคัญหลังได้โอกาสลงสนามมาในช่วงครึ่งเวลาหลัง
โอกาสครั้งแรกที่เป็นโอกาสทองฝังเพชรคือจังหวะที่ได้บอลไหลใส่พานมาให้จาก โดมินิก โซโบสไล โดยที่เหลือเพียงประตูกับตาข่ายโล่งๆ แต่ซัดเต็มแรงข้ามคานออกไป และอีกครั้งเมื่อได้โอกาสทะลุไปดวลเดี่ยวกับ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ประตูทีมชาติอาร์เจนตินาของวิลลา นูนเญซไม่สามารถแตะบอลหลบได้พ้น
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ตำนานหัวหอกแห่งแอนฟิลด์ ออกมาวิพากษ์นูนเญซที่ใส่เสื้อหมายเลขเดียวกันอย่างรุนแรง “ผู้คนต่างเป็นกังวลเกี่ยวกับ ดาร์วิน นูนเญซ ดูเหมือนเขาจะไม่ใช้ความคิดมากพอเวลาลงเล่นฟุตบอล
“มันเป็นการพลาดที่แย่มาก เป็นไปได้ที่จะเป็นการพลาดที่เลวร้ายที่สุดที่ได้เห็นในปีนี้ ผมพยายามคิดช่วยเขาแล้วนะว่าโซโบสไลน่าจะยิงเองมากกว่า แต่ก็ไหลบอลมาให้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนเขายิงพลาดในระยะแค่ 7-8 หลาที่ไม่ควรจะพลาดเลย”
ขณะที่บอสใหญ่ลิเวอร์พูลเปิดเผยว่า “คุณน่าจะเข้าใจได้ว่าในห้องแต่งตัวจะมีคนหนึ่งที่รู้สึกแย่มากกว่าคนอื่น และผมคิดว่าคุณก็น่าจะรู้ว่าหมายถึงใคร”
คำถามที่น่าสนใจคือ การพลาดทำคะแนนหล่นหายของลิเวอร์พูลในเกมนี้และช่วงที่ผ่านมา ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือฟอร์มการเล่นของ ดาร์วิน นูนเญซ หรือไม่?
คำถามที่ไม่เคยมีคำตอบ
ถึงแม้ว่านูนเญซจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลลิเวอร์พูลจำนวนไม่น้อยชื่นชอบ และพยายามเอาใจช่วยมาโดยตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาจากเบนฟิกาในฤดูกาล 2022/23 ด้วยค่าตัวมหาศาลร่วม 100 ล้านยูโร
แต่ดูเหมือนว่ากำลังใจที่ส่งไปนั้นมันไม่ได้ช่วยให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
โดยเฉพาะนับตั้งแต่ที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแอนฟิลด์ เมื่อ เจอร์เกน คล็อปป์ ตัดสินใจวางมือจากตำแหน่งเมื่อจบฤดูกาลที่แล้ว และส่งไม้ต่อให้ อาร์เน สลอต บอสคนใหม่ที่ย้ายมาจากฟเยนอร์ดเมื่อช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ชีวิตของนูนเญซก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย
ด้วยระบบการเล่น 4-2-3-1 และสไตล์ที่เน้นการคอนโทรลเกมเยอะขึ้นของสลอต ทำให้บทบาทของผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าลิเวอร์พูลแตกต่างไปจากในยุคของคล็อปป์ในช่วงหลังที่จะเล่นฟุตบอลแบบ Direct และนั่นทำให้ดาวยิงอุรุกวัยมีปัญหา
‘ดาร์วิโน’ ไม่ได้รับการสนับสนุนโอกาสจากเพื่อนร่วมทีมมากเท่าที่เคยได้ เพราะระบบจะเน้นการเข้าทำทางปีก ซึ่งจะเห็นได้จากผลงานของทั้ง โม ซาลาห์ และ โคดี กักโป ที่โดดเด่นกว่าคนอื่นในฤดูกาลนี้
แต่โดยส่วนตัวแล้วนูนเญซก็มีปัญหาของตัวเอง เพราะไม่สามารถพักบอลหรือมีส่วนร่วมกับเกมได้ดีนัก ขาดความเข้าใจในแท็กติกการเล่น ทำให้จะมีความพยายามจากทั้งของตัวเองและสลอตที่จะหาทางจูนให้เข้ากับทีมให้ได้ แต่ดูเหมือนความพยายามนั้นจะไม่สำเร็จ
จากที่เคยร้อนแรง มีส่วนสำคัญกับทีมไม่น้อยในฤดูกาลที่แล้ว ด้วยการมีส่วนร่วมกับประตู (Goal Involvement) มากถึง 31 ลูก (18 ประตู 13 แอสซิสต์)
ในฤดูกาลนี้ดาร์วินทำได้แค่ 6 ประตู กับ 5 แอสซิสต์เท่านั้น
ความอดทน vs. ความเชื่อใจ
อย่างไรก็ดี นูนเญซไม่ได้ทำตัวมีปัญหาแต่อย่างใด ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาพยายามฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ และสู้ในสนามในแบบของตัวเองทุกครั้งที่ได้รับโอกาส
โดยเฉพาะการเล่นแบบวิ่งสู้ฟัดของเขาที่ได้รับความชื่นชอบและชื่นชมจากแฟนๆ เป็นอย่างมาก เสียงเชียร์ในสนาม “Nuñez Nuñez Nuñez” ดังกระหึ่มเสมอไม่ว่าจะเป็นที่แอนฟิลด์หรือสนามไหนก็ตามหากขวัญใจของทุกคนได้ลงเล่น
แต่ปัญหาใหญ่ก็คือการที่เขาปรับตัวกับระบบการเล่นของสลอตไม่ได้สักที ปัญหาที่ตามมาคือการสูญเสียความเชื่อมั่นจากนายใหญ่
นูนเญซมีช่วงเวลาที่ได้ออกสตาร์ทเป็นกองหน้าตัวจริงอยู่นานพอสมควรภายหลังจากที่ ดีโอโก โชตา ซึ่งเป็นศูนย์หน้าตัวหลักของทีม ในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ไม่สามารถทำผลงานได้เป็นที่น่าประทับใจเท่าไรนัก
จนทำให้สลอตทดลองวิทยาศาสตร์ลูกหนังด้วยการเปลี่ยนมาใช้ หลุยส์ ดิอาซ ปีกจอมเลื้อยชาวโคลอมเบีย มาเล่นในตำแหน่งนี้ในบท False 9 หรือศูนย์หน้าตัวหลอกแทน และกลายเป็นดิอาซที่ยึดตำแหน่งนี้ไปครองอยู่นาน โดยที่ทางกราบซ้าย กักโปยกระดับผลงานขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ จนกลายเป็นตัวหลักแทนที่เรียบร้อย
ความมั่นใจของนูนเญซก็ยิ่งลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ จนในระยะหลังเมื่อได้โอกาสลงสนามในฐานะตัวสำรองก็แทบไม่ได้ช่วยทีมได้มากนัก
มีเพียงแค่เกมกับเบรนท์ฟอร์ดที่ลงมาทำ 2 ประตู แต่ก็ไม่สามารถต่อยอดได้
ข่าวเขย่าหัวใจ?
สิ่งที่น่าสนใจคือ ฟอร์มการเล่นและสมาธิของนูนเญซดูจะแตกต่างไปหลังพ้นเดือนมกราคม
เรื่องนี้เดาได้ไม่ยากว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระแสข่าวลือเรื่องความสนใจจากซาอุดีอาระเบีย ที่ติดต่อลิเวอร์พูลเข้ามาว่าพร้อมที่จะปล่อยตัวกองหน้ารายนี้ออกไปจากทีมเพื่อแลกกับค่าตัว 70 ล้านปอนด์หรือไม่
ลิเวอร์พูลตกเป็นข่าวว่าปฏิเสธข้อเสนอไป แม้ว่าตัวของนูนเญซจะสนใจที่จะย้ายไปเล่นในตะวันออกกลางก็ตาม
โดยที่หลังจากนั้นมีคลิปวิดีโอที่นูนเญซนั่งตอบคำถามกับ หลุยส์ ดิอาซ ซึ่งมีการแซวกันในเรื่องจำนวนรถที่มีครอบครอง และกองหน้าวัย 25 ปีหยอกเอินกับเพื่อนว่า “ซาอุมาเลยๆ ผมต้องการเงิน”
เรื่องนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าเป็นแค่การล้อกันเล่นหรือไม่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานของนูนเญซตกลงอย่างน่าใจหาย แม้กระทั่งความมุ่งมั่นทุ่มเทในระหว่างเกมที่ปกติจะวิ่งพล่านไปทั่ว คอยช่วยเหลือทีมโดยเฉพาะในยามตกเป็นฝ่ายรับ (แม้ว่าบางครั้งจะโดนเอ็ดจากสลอต เพราะไม่รักษาตำแหน่งและบทบาทของตัวเอง) ก็พลอยจะหายไปด้วย
หรือจะเป็นเพราะหัวใจสลายจากการอดย้ายไปซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเลือก จอห์น ดูราน กองหน้าดาวรุ่งชาวโคลอมเบียจากแอสตัน วิลลา ไปแทนที่ โดยได้รับเงินค่าตอบแทนมหาศาลถึงหลัก 3 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ มากเท่ากับนักเตะในระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก และมากกว่านูนเญซถึง 2 เท่า
แต่ในขณะเดียวกันหากมองอีกมุมหนึ่ง สำหรับนักฟุตบอลที่ใช้หัวใจนำทาง การต้องเล่นโดยที่ถูกทำนายอนาคตว่าจะไม่ได้ไปต่อก็เป็นเรื่องที่ทำใจได้ลำบาก
สิ่งรบกวนทางจิตใจเหล่านี้ ไม่นับกระแสวิพากษ์วิจารณ์โจมตีจากฝ่ายต่างๆ ทั้งอดีตนักฟุตบอลที่ผันตัวมาเป็นนักวิเคราะห์อย่างฟาวเลอร์ หรือแฟนบอลที่พร้อมถล่มซ้ำในโซเชียลมีเดีย (นูนเญซเคยน้อยใจถึงขั้นลบทุกอย่างเกี่ยวกับลิเวอร์พูลออกใน Instagram) อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจได้
ความมั่นใจที่น้อยอยู่แล้วยิ่งไม่เหลือ และนั่นเป็นผลทำให้ลูกยิงที่ควรจะได้ก็กลับเป็นไม่ได้
โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าลูกยิงข้ามคานของเขาในเกมที่วิลลาพาร์กจะส่งผลอย่างไรต่อการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
พลาดคนเดียว?
อย่างไรก็ดี หากมองย้อนกลับไปในจังหวะดังกล่าว ให้ความเห็นใจแก่นูนเญซได้นิดหน่อย เพราะจังหวะนั้น โดมินิก โซโบสไล บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปแล้ว แต่ลังเลไม่ยอมยิงประตูด้วยตัวเอง และเลือกการเล่นที่ยากกว่าด้วยการไหลไปให้นูนเญซที่วิ่งเติมมาที่เสาไกล
ด้วยน้ำหนักและทิศทางของบอล แม้จะถึงเพื่อนอยู่ แต่นูนเญซสับเต็มฝีเท้ามาไกล โดยมีกองหลัง อักเซล ดิซาซี ตามประกบอยู่ และพยายามสไลด์เพื่อขวาง บวกกับการตัดสินใจเลือกจะใช้เท้าซ้ายซึ่งเป็นข้างไม่ถนัดยิง ทำให้บอลเหินข้ามคานออกไป
ขณะที่อีกจังหวะที่นูนเญซปั๊มแย่งบอลได้จาก ไทรอน มิงส์ บอลพุ่งไปข้างหน้าค่อนข้างไกลและไปเร็ว นูนเญซวิ่งไปเต็มฝีเท้าแล้ว แต่ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ประตูวิลลา ซึ่งเป็นนายทวารระดับโลก อ่านจังหวะขาด ปรี่ออกมาขวางอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในจังหวะนี้นูนเญซตัดสินใจจิ้มบอลหนีซึ่งสุดปลายเท้าพอดี และติดขาของมาร์ติเนซ ซึ่งหากเป็นกองหน้าที่มีเทคนิคการเล่นสูง ยกตัวอย่างเช่น อเล็กซานเดอร์ อิซัค หรือแม้แต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด อาจจะยกบอลหลบหรือหาวิธีหลบได้ดีกว่านี้
แต่นี่คือดาร์วิน ซึ่งไม่ใช่ผู้เล่นที่มีทักษะความสามารถเฉพาะตัวสูงมากนัก จุดเด่นของเขาคือพลังและความเร็ว
โดยที่ความผิดพลาดนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในสนาม ในเกมเดียวกันแม้แต่กองหน้าที่แฟนลิเวอร์พูลคิดว่าชัวร์ที่สุดอย่างโชตาเองก็มีจังหวะหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับมาร์ติเนซ ซึ่งเป็นจังหวะที่ง่ายกว่านูนเญซด้วย เพราะมุมเปิดกว้างกว่าและบิดตัวเปิดหน้ายิงได้ดีแล้ว แต่ก็ยิงเบี้ยวหลุดออกไปแบบน่าเกลียด
ไม่นับจังหวะอื่นๆ ในระหว่างเกมที่ลิเวอร์พูลมีแต่ทำไม่ได้เอง
ปัญหาอีกด้านของสนามที่ใหญ่กว่า?
ในขณะที่เกมรุกของลิเวอร์พูลถูกตั้งคำถาม โดยเฉพาะตัวของนูนเญซ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ถูกมองว่าล้มเหลว แต่ปัญหาที่แท้จริงของลิเวอร์พูลอาจไม่ใช่เรื่องของเกมรุก
เกมรับของพวกเขาต่างหากที่น่าเป็นกังวลใจ
ย้อนกลับไปในเกมที่วิลลาพาร์ก ลิเวอร์พูลมีค่า Expected Goals (xG) สูงถึง 3.15 หรือควรจะยิงได้ 3 ประตูเป็นอย่างน้อย ขณะที่แอสตัน วิลลา มีค่า xG แค่ 0.80 หรือยิงได้ไม่ถึงประตู แต่ทีมของ อูไน เอเมรี ก็ทำได้ 2 ประตูจากโอกาสที่มีไม่มากนัก
นี่เป็นอีกเกมที่ลิเวอร์พูลเสียถึง 2 ประตู ต่อจากเกมที่เสมอเอฟเวอร์ตัน 2-2, แพ้พีเอสวี 3-2 และเสมอแมนฯ ยูไนเต็ด 2-2
14 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ ลิเวอร์พูลเสียไปถึง 15 ประตู โดยเก็บคลีนชีตได้แค่ 4 นัดเท่านั้นในเกมกับแอคคริงตัน สแตนลีย์ (4-0, เอฟเอคัพ), เบรนท์ฟอร์ด (2-0, พรีเมียร์ลีก), บอร์นมัธ (2-0, พรีเมียร์ลีก) และท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (4-0, ลีกคัพ)
จุดเริ่มต้นของเกมรับที่อ่อนแอลงถูกมองว่าเกิดจากการบาดเจ็บของ อิบราฮิมา โกนาเต ในเกมแชมเปียนส์ลีกกับเรอัล มาดริด ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งแม้จะกลับมาลงสนามได้ในอีก 1 เดือนหลังจากนั้น เจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นการรีบเร่งกลับมาโดยที่ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก
แต่อีกจุดหนึ่งที่กำลังเริ่มถูกจับตามองคือฟอร์มการเล่นที่ตกลงของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก กองกลางห้องเครื่องคนสำคัญ ที่ดูอ่อนแรงลงไปมากในหลายนัดที่ผ่านมา หลังจากที่กรำศึกหนักมาตลอดและแทบไม่ได้พักเลย ไม่นับที่คู่แข่งเองก็เริ่มหาทางจับตายกองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์ได้สนิท ซึ่งเป็นการปิดทางไม่ให้ลิเวอร์พูลขึ้นเกมการเล่นได้เหมือนที่ผ่านมา
เกมรับที่มีปัญหาเปราะบางเหมือนนักมวยคางเปราะ เสียประตูง่ายส่งผลเสียอย่างร้ายกาจต่อเกมของลิเวอร์พูล ซึ่งแม้จะยังคงไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่แพ้น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เมื่อต้นฤดูกาลแค่นัดเดียว แต่พวกเขาไม่ได้ดูแข็งแกร่งเกินต้านเหมือนที่ผ่านมา
ปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นที่เริ่มวนเวียนเข้ามา ล่าสุดแบรดลีย์ แบ็กขวาตัวสำรอง เจ็บไปอีกคน ขณะที่ โจ โกเมซ ตัวทดแทนที่ไว้ใจได้คนสำคัญ บาดเจ็บหนักและอาจปิดฉากฤดูกาลไปเรียบร้อย ก็เป็นเรื่องที่สลอตต้องหาทางจัดการเช่นกัน
เพราะอย่างที่บอกกัน เกมรุกจะทำให้ชนะ แต่เกมรับต่างหากที่จะทำให้ทีมได้แชมป์
มองแบบนี้ ดาร์วิน นูนเญซ จึงไม่ใช่คนเดียวที่ทำให้ลิเวอร์พูลเริ่มออกอาการสะดุดในตอนนี้
แต่คำถามคือ นับจากนี้ไปจนจบฤดูกาล ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ตาม นูนเญซจะทำอย่างไรกับตัวเองดี
ระหว่างการตั้งใจกลับมาเพื่อแก้ไข และทำให้ดีที่สุดในทุกนัดนับจากนี้
หรือเล่นแบบปล่อยจอยไม่สนอะไรไปแบบนี้
เขาเลือกได้และไม่ต้องพูดอะไร แค่ตอบด้วยผลงานในสนามก็พอ
อ้างอิง:
- https://www.thetimes.com/sport/football/article/aston-villa-liverpool-match-report-fksj6hgrq
- https://talksport.com/football/2945492/robbie-fowler-darwin-nunez-miss-liverpool-aston-villa/
- https://www.theguardian.com/football/2024/nov/29/ibrahima-konate-injury-liverpool-fears-long-absence-manchester-city