วานนี้ (12 กุมภาพันธ์) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เป็นประธานประชุมติดตามการปฏิบัติงานภาพรวม และการแก้ปัญหาการปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ อาชญากรรมไซเบอร์ การเปิดบัญชีม้า จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สระแก้วขอ ‘กำหนดความสูงเสา สัญญาณ-ทำรั้วชายแดน-ตั้งสถานกงสุล’
ปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ระบุว่า สถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว มีปริมาณการส่งออกและนำเข้าสินค้า สร้างมูลค่าการค้าชายแดน ประมาณ 1 แสนล้านบาท ขณะที่การข้ามแดนตามข้อตกลงไทย-กัมพูชา ได้ติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยมีรายงานว่าขณะนี้คนไทยอยู่ในพื้นที่ปอยเปต กว่า 3 หมื่นคน
นอกจากนี้ยังได้รายงาน 3 เรื่อง คือ 1.เสาสัญญาณบริเวณชายแดน ที่อยากขอให้ กสทช.และหน่วยงานความมั่นคง แจ้งให้ทราบถึงระยะห่างจากชายแดน เพื่อกำหนดระยะความสูงของเสาในการอนุญาตให้ก่อสร้างและไม่เกินความสูงที่กำหนด 2.การทำรั้วแนวชายแดนระยะทาง 55 กิโลเมตร งบประมาณ 385 ล้านบาท พร้อมกล้องซีซีทีวี ป้องกันการลักลอบข้ามแดน และ 3.ขอให้ติดตามความคืบหน้าการตั้งสถานกงสุล ที่มีแนวคิดตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพื่อดูแลช่วยเหลือคนไทยใน 8 จังหวัดของกัมพูชาให้การดำเนินการช่วยเหลือและแก้ปัญหาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
ด้านไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า กสทช.จะประสานให้ลดความสูง และกำหนดระยะห่างของเสาที่ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรให้ล้มหมด และจะกำหนดกำลังส่งและกำหนดสายส่งที่จะเข้าไปดำเนินการใหม่ หันเสาและตัดกำลังส่งลง จะทำให้ลดสัญญาณที่ไปทางกัมพูชา และจะตั้งกำลังส่งต่ำกว่ามาตรฐาน
ขณะที่ซิมการ์ดที่ใช้กับโทรศัพท์และ SMS จะกำหนดให้จดเลขหมายประจำเครื่อง รวมถึงกำหนดให้ลงทะเบียน e-SIM จากเดิมสามารถลงทะเบียนด้วยตัวเองได้ ให้ไปลงทะเบียนที่ตั้ง และกำหนดให้ส่งได้แค่ภายในประเทศไทย
หวัง 6 เดือนเห็นผลซีลชายแดน
ด้านภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลคิกออฟเรื่องซีลชายแดนและหวังว่าจะใช้เวลา 6 เดือน ให้เห็นผลในการดำเนินการ โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สกัดกั้นยาเสพติด ป้องกันการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้ประสานงาน พร้อมรับข้อเสนอของจังหวัดนำกลับไปหารือ
“นายกฯ สั่งการเรื่องนี้ว่า 6 เดือน ต้องเห็นผล มีข้อสรุป อะไรที่เฉยชาหรือไม่ปฏิบัติตามอย่างแข็งขันมีจุดโหว่ที่เกิดขึ้นได้มีมาตรการตกลงกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทุกหน่วย หากเพิกเฉยต้องดึงออกมาก่อน เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะชายแดนกว้าง ช่องทางธรรมชาติมาก มีความยากลำบากในการทำงาน จึงตัดสินใจเพิ่มกำลังพลให้เป็นการชั่วคราว ส่วนมาตรการชายแดน เช่น ตัดไฟและอินเทอร์เน็ต เป็นเรื่องเฉพาะหน้า เพื่อให้หน่วยงานและประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเอาจริง เป็นจุดเริ่มต้นกวาดบ้านให้สะอาด” ภูมิธรรมกล่าว
สั่งทุกหน่วยห้ามละเลย ขู่สมรู้ร่วมคิดโดยดำเนินการถึงที่สุด
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า อยากให้ทุกหน่วยงานตั้งใจและเชื่อว่าหากร่วมมือกัน จะรับมือและแก้ไขได้ จึงขอสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่คุมพื้นที่อย่างเข้มงวด หากใครที่มีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นให้ปัญหาบานปลาย ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย พร้อมกำชับทุกหน่วยงานทั้งฝ่ายปกครอง ต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกทั้ง การเฝ้าระวังในชุมชน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแส
สำหรับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ให้เตรียมความพร้อมหากจำเป็นต้องดำเนินการตัดสินใจงดการจ่ายกระแสไฟฟ้า
กสทช.ให้หันเสาส่งสัญญาณ หรือตัดสัญญาณในพื้นที่ชายแดนที่มีการนำสัญญาณโทรคมนาคมไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
กรมศุลกากรให้เข้มงวดในการตรวจสอบ ควบคุม และป้องกันการลักลอบนำเข้าส่งออกสินค้าผิดกฎหมาย และสมช.ติดตามความคืบหน้าของพื้นที่ชายแดนไทย -กัมพูชา เพื่อเสนอรัฐบาลพิจารณาสั่งการยกระดับมาตรการ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา และเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
“ขอให้เชื่อมั่นว่าภารกิจของท่านมีความหมายและมีคุณค่า ส่วนผู้ที่ปล่อยปละละเลย ละเว้นหน้าที่ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ละเลยต่อหน้าที่หรือปล่อยให้ขบวนการผิดกฎหมาย ดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ ไม่เพียงทำลายความมั่นคงของชาติ แต่ยังเป็นการทำลายเกียรติของตนเองและองค์กร หากพบว่ามีผู้ใดกระทำผิด ละเลยหรือสมรู้ร่วมคิด จะต้องถูกดำเนินการอย่างถึงที่สุด ไม่มีข้อยกเว้น ขอให้ทุกท่านทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง” ภูมิธรรมกล่าว
เจ้าของสัญญาณไม่แสดงตัวเสี่ยงเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด
จากนั้นภูมิธรรม พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ตรวจการใช้ยุทโธปกรณ์โดรน เพื่อใช้ในการช่วยลาดตระเวน และตรวจตราสิ่งผิดปกติของกองกำลังบูรพา
ก่อนจะเดินทางไปตรวจเสาส่งสัญญาณผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่บ้านโคกสะแบง โดยจุดนี้จะมีการลดความสูงของเสาลง และออกแบบเสาไม่ให้หันไปทางฝั่งกัมพูชา จากนั้นได้ไปติดตามการดำเนินงานของชุดเครื่องมือตรวจสอบสถานีวิทยุคมนาคม สำหรับตรวจสอบสถานีโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ กสทช. ที่ตลาดเบ็ญจวรรณ ตำบลป่าไร่ และตรวจจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก
ภูมิธรรมยังกำชับว่า หากไม่สามารถหาเจ้าของได้ และเชื่อว่าสายที่ตัดต่อไปยังอาคาร 25 ชั้น ที่มีขบวนการไม่ถูกกฎหมายให้ตัดเลย เบื้องต้นได้ตัดสายไปแล้ว 3 เส้น จาก 32 เส้น หากรู้ว่ามีบริษัทที่ขายสัญญาณต่อไปในพื้นที่ผิดกฎหมายก็ว่าไปตามกฎหมาย เราต้องถอนใบอนุญาตหรือหากไปถึงขั้นสมรู้ร่วมคิดในการกระทำผิด ต้องว่าไปตามกฎหมาย ไม่มีเห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น
“ที่สระแก้วต้องเน้นเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้าอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ เนื่องจากกัมพูชาก็มีไฟฟ้าที่ผลิตเองส่วนหนึ่ง การจัดการต้องดูแต่ละพื้นที่ไป” ภูมิธรรมกล่าว
เมียนมาเตรียมส่งเหยื่อกลับประเทศ รอบละ 500 คน
ภูมิธรรมเปิดเผยด้วยว่า ทางเมียนมาระบุจะส่งผู้บริสุทธิ์และผู้ที่ถูกหลอก ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมียนมาให้ไทย 20 รอบ รอบละประมาณ 500 คน หรือประมาณ 7,000 คนที่กำลังรออยู่ เราจึงบอกว่าขอให้ประเทศต้นทางของคนที่ถูกหลอกไปประสานมาก่อนเพื่อให้มารับทันที หากประเทศใดที่มีจำนวนมากให้นำเครื่องบินมารับทีเดียว เพราะเราไม่อยากมาสร้างค่ายอพยพที่ไทย พร้อมย้ำว่ามาตรการของไทย จะประสานประเทศปลายทางให้มารับตัวกลับได้โดยตรง ไม่ต้องตกค้างอยู่ที่จังหวัดตาก
และขณะนี้ทางจีนมีรัฐมนตรีเดินทางไปที่เนปิดอว์ไปคุยกับรัฐมนตรีมหาดไทยเมียนมา และได้นัดหารือกับตนถึงมาตรการร่วมมือกัน
ล่ากลุ่มหลอกลวงดาราชาวจีนได้แล้ว
ภูมิธรรมยังเปิดเผยด้วยว่า ได้รับการประสานกับกลุ่มกองกำลังต่างๆ กรณีตามล่ากลุ่มหลอกลวงนักแสดงชาวจีนที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ว่าสามารถจับกุมตัวหัวหน้าแก๊งได้ทั้งหมดแล้ว และจะส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะเดียวกันผลสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากมาตรการซีลชายแดน และการประสานงานในทางปฏิบัติ ซึ่งทางการจีนได้ขอบคุณไทยที่ใช้มาตรการนี้แก้ปัญหาอย่างได้ผล และเตรียมที่จะมารับพลเมืองที่ถูกหลอกกลับไป
ส่วนวานนี้ (12 กุมภาพันธ์) ที่ได้รับตัวผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทั้ง 260 คน กลับมา ก็ได้รับการประสานและดูแลทั้งหมดโดยจเรตำรวจ ทั้งนี้จะรีบรายงานนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด