×

Entertainment Complex โจทย์ใหญ่เดิมพันสูง ทำไมไทยต้องมี?

11.02.2025
  • LOADING...
ภาพจำลองโครงการ Entertainment Complex ในประเทศไทย แสดงให้เห็นสถานบันเทิงครบวงจร

Entertainment Complex ฝันใหญ่ พลิกเกมเศรษฐกิจไทย? 

 

Entertainment Complex เมกะโปรเจกต์แสนล้าน โจทย์ใหญ่ที่มีเดิมพันสูง ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่ดึงเม็ดเงินลงทุนมหาศาลเข้าประเทศ หรือจะเข้ามาเปลี่ยนโฉมไทยให้กลายเป็นฮับสีเทา

 

แล้วเพราะอะไรกัน ทำไมรัฐบาลถึงดันขึ้นเป็นนโยบายเร่งด่วน ทำไมไทยต้องมีเมกะโปรเจกต์แสนล้านนี้?

 

ประเทศไทยเคยมีอัตราการเติบโตของ GDP สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนอยู่ที่ 11% แต่หลังจากวิกฤตต้มยำกุ้ง อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเริ่มลดลงและต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน และเติบโตต่ำมานานเกือบ 10 ปี ถ้าหากไล่ดูตั้งแต่ปี 2557-2566 GDP ของไทยเติบโตเพียง 1.8% ขณะที่อาเซียนมีการเติบโตมากกว่า 3.7% เท่ากับว่าไทยเรารั้งท้ายเพื่อนมากที่สุด 

 

ทว่าเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเดียวของไทยที่ยังคงติดอยู่เรื่อยมานั่นคือการท่องเที่ยว เมื่อปี 2567 ไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ 35 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.8 ล้านล้านบาท จากขุมทรัพย์ทางภูมิศาสตร์ที่เรามีอย่างแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หรือ Natural Make Destination 

 

ในขณะเดียวกันโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลคือจะต้องฟื้นเศรษฐกิจไทยท่ามกลางมรสุมความผันผวนของโลก คำถามคือรัฐจะทำอย่างไร

 

รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร เลือกที่จะแก้โจทย์เศรษฐกิจไทยด้วยการเดินหน้าสร้าง ‘Entertainment Complex’ หรือสถานบันเทิงครบวงจร ตามที่บรรจุเอาไว้ในแพ็กนโยบายเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 

 

หลังจากมีข่าวมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ครม. เพิ่งเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอไปเป็นที่เรียบร้อย โดยผ่านการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนแล้วเมื่อช่วงวันที่ 2-18 สิงหาคม 2567 

 

ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

 

กลายเป็นฝันใหญ่ นโยบายเรือธงที่รัฐหวังยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว นกตัวแรกคือเศรษฐกิจนอกระบบ หรือเศรษฐกิจใต้ดิน ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 50% ของ GDP เข้าสู่ระบบภาษี โดยคาดหวังให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นไว้ใช้ในการพัฒนาประเทศ

 

ส่วนนกตัวที่ 2 คือตัดวงจรอบายมุข โดยการทำให้การพนันถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ลดภาระของเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามการพนันเถื่อน ปัญหาผู้มีอิทธิพล และปัญหาเงินไหลออกนอกประเทศ

 

นกตัวที่ 3 คือสร้างแลนด์มาร์กแม่เหล็กใหม่ให้ไทย โดยการสร้าง Man Made Destination หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น หน้าที่ของมันคือดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาไทย และทำให้นักท่องเที่ยวอยู่ในนั้นให้ได้นานที่สุด

 

ส่วนการจะไปถึงเป้าหมายเหล่านั้นได้ ตามร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ให้ความหมายสถานบันเทิงครบวงจรเอาไว้ว่า การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อย 4 ประเภทร่วมกับคาสิโน

 

เท่ากับว่า Entertainment Complex จะประกอบร่างขึ้นมาจาก 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือ Non-gaming Area ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ และเปิดเป็นสาธารณะให้คนเข้าไปใช้บริการได้ 

 

อย่างโรงแรมหรูระดับ 5-6 ดาว ร้านอาหาร MICHELIN Star, ไนต์คลับ, สนามกอล์ฟ ท่าจอดเรือเรือยอชต์ ส่วนนี้มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนคือ เอาไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง

 

อีกหนึ่งหมุดหมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวไปได้มหาศาลนั่นก็คือสวนน้ำและสวนสนุกขนาดใหญ่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็อย่าง Universal Studios ที่สิงคโปร์ 

 

นอกจากนี้ยังมีลิสต์คอนเสิร์ตฮอลล์และสนามกีฬาอยู่ด้วย รัฐบาลบอกว่าที่ผ่านมาคนไทยไม่มีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกหรืออีเวนต์เทศกาลใหญ่ ๆ อย่างปีที่แล้ว Taylor Swift คนไทยหลายคนที่ต้องไปแย่งชิงกดบัตรคอนเสิร์ตที่แพงขึ้นที่สิงคโปร์ เพราะเราไม่มีสเตเดียมที่จะรองรับคอนเสิร์ตระดับโลกเหล่านี้ได้ 

 

พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์ก็ถูกบรรจุไว้ในบัญชีแนบท้ายด้วย เนื่องจากต้องการสร้างแหล่งเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชนได้เปิดประสบการณ์ทางการเรียนรู้ใหม่ๆ ให้ทันโลกปัจจุบัน 

 

รวมไปถึง Landmark Tower, ศูนย์การประชุม, ศูนย์การค้า และร้านค้าปลอดภาษี ลักชัวรีเอาต์เล็ตให้เวทีกับสินค้า OTOP แต่ท้ายที่สุดแล้วจะมีอะไรบ้างก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายเป็นผู้กำหนด 

 

อีกส่วนหนึ่งก็คือ Gaming Area หรือคาสิโน ส่วนนี้จะมีสัดส่วน 3-5% โดยรัฐบาลหวังเอาไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมกับใช้กลไก Responsible Gambling ตามแบบของสิงคโปร์ โดยจะทำให้พื้นที่ในคาสิโนมีความปลอดภัยสูง มีการควบคุมตรวจสอบพฤติกรรมผู้เล่น หากเสี่ยงจะก่อความวุ่นวายจะให้ออกจากพื้นที่ทันที 

 

ส่วนคนไทยถ้าจะเข้าไปเล่นภายในโซนคาสิโน รัฐจะเก็บค่าธรรมเนียมสูงสุด 5,000 บาทต่อคนต่อ 24 ชั่วโมง อายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามเข้าสู่พื้นที่ที่มีคาสิโน รวมทั้งมีการตรวจสอบรายได้และจำกัดวงเงินในการเล่น 

 

ในขณะเดียวกันครอบครัวสามารถแจ้งแบล็กลิสต์ ห้ามคนในครอบครัวเข้าเล่นได้ รัฐบาลเชื่อว่านี่คือการป้องกันเบื้องต้น เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่คนกลุ่มเปราะบาง และยังสามารถที่จะลดผลกระทบต่อสังคมได้ด้วย

 

ภาพฝันที่ว่ามาทั้งหมดนี้จะถูกสร้างบนเนื้อที่ราว 300 ไร่ ส่วนจะไปสร้างที่ไหน ตอนนี้ยังไม่ได้ปักหมุดลงหลักชัดเจน โดยจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรที่จะมีหน้าที่ในการศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่การลงทุน จากหลายประเด็นด้วยกัน ทั้งพื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเหมาะสม เช่น ด้านคมนาคม พื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยว เป็นพื้นที่ของรัฐที่จะทำให้รัฐได้ค่าเช่าจากการใช้ประโยชน์ที่ดิน 

 

ซึ่งหากประเมินจังหวัดที่มีศักยภาพน่าสนใจจากการเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีระบบขนส่งมวลชนรวมไปถึงสนามบินนานาชาติ มี 6 จังหวัดที่พร้อมแล้ว ได้แก่ ชลบุรี, ระยอง, ฉะเชิงเทรา, ภูเก็ต, พังงา และอุดรธานี

 

โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนล้านบาทต่อโครงการ ซึ่งรูปแบบการลงทุนเบื้องต้นจะเป็นการเปิดประมูล โดยต้องการให้ผู้เข้าประมูลเป็นกิจการค้าร่วมที่มีทั้งบริษัทไทยและต่างชาติต้องจดทะเบียนในไทยและมีทุนจดทะเบียน 1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งเป็นการลงทุนใหม่ทั้งโครงการ โดยจะให้ผู้สนใจลงทุนเสนอแผนการลงทุน ซึ่งในแผนจะต้องระบุว่าจะสร้างอะไรบ้าง ผลตอบแทนให้รัฐเท่าไร รวมไปถึงแผนการจ้างงานเป็นอย่างไร 

 

ท้ายที่สุดคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรจะเป็นผู้คัดเลือกผู้ที่จะได้ใบอนุญาตไป โดยใบอนุญาตสัมปทานไว้ที่ 30 ปี สามารถต่ออายุได้ครั้งละ 10 ปี ค่าใบอนุญาตสัมปทานอยู่ที่ 5 พันล้านบาทต่อครั้ง พร้อมค่าธรรมเนียมรายปีอีก 1 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 3-5 ปี และจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในปี 2572 

 

โมเดลตัวอย่าง ไทยเอาแบบสิงคโปร์ 

 

โมเดลนี้ไทยเราเอาแบบมาจากสิงคโปร์ที่ทุ่มทุนสร้าง Marina Bay Sands ให้กลายเป็นแลนด์มาร์กของประเทศ ภายในตึกเรือลอยฟ้าคือสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่ประกอบไปด้วยโรงแรม คาสิโน ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า ซึ่งสิงคโปร์นิยามมันว่าเป็นรีสอร์ตบูรณาการ นอกจากนี้ก็ยังมี Resorts World Sentosa ที่ไม่ได้มีเพียงแค่คาสิโน แต่ยังมีสวนสนุกขนาดใหญ่อย่าง Universal Studios Singapore และสิ่งอื่นๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกด้วย

 

สิงคโปร์วางแผนการใช้ประโยชน์จากสถานบันเทิงครบวงจรที่มีคาสิโนอย่างชัดเจน โดยใช้สถานบันเทิงครบวงจรเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประชุม (MICE Industry) เนื่องจากสิงคโปร์ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเป็นประเทศขนาดเล็ก สิงคโปร์จึงเปิดให้มีสถานบันเทิงครบวงจรโดยกำหนดให้มีพื้นที่เล่นคาสิโนไม่เกิน 3% ของสถานบันเทิง

 

คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (STB) เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเยือนสิงคโปร์รวมทั้งสิ้น 16.5 ล้านคนในปี 2567 เพิ่มขึ้น 86.4% ของจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2562 สาเหตุก็เนื่องมาจากการยกเว้นวีซ่าระหว่างจีนกับสิงคโปร์ คอนเสิร์ตและอีเวนต์ใหญ่ๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใหม่ และเครือข่ายสายการบินที่ขยายตัว 

 

คนไทยได้อะไร ทำไมต้องมี

 

ส่วนไทยเราถ้าสำเร็จ คาดว่าโปรเจกต์นี้จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 5-10% กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในช่วงโลว์ซีซันไม่น้อยกว่า 13% นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะเพิ่มค่าใช้จ่ายจากเดิม 40,000 บาท เป็น 60,000 บาทต่อคนต่อทริป และจะเกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 9,000-15,000 ตำแหน่ง 

 

โดยรวมก็จะส่งผลให้สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 119,000-238,000 ล้านบาท ส่วนภาครัฐก็เก็บภาษีได้มากขึ้นกว่าปีละประมาณ 32,000-38,000 ล้านบาท และจะจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งไปสร้างองค์กรและโครงการเพื่อช่วยเหลือบำบัดผู้ติดการพนัน มีการให้คำปรึกษาและบริการฟื้นฟูผู้ติดการพนันอย่างเป็นระบบ เพื่อลดปัญหาสังคมที่เกิดจากการพนัน 

 

ซึ่งเรื่องนี้อ้างอิงผลสำเร็จจากประเทศสิงคโปร์เช่นเดียวกันที่ใช้ภาษีที่เกิดขึ้นจากโครงการ Entertainment Complex ตั้งกองทุนป้องกันและบรรเทาผลกระทบ ส่งผลให้การเล่นการพนันที่ผิดกฎหมาย ลดลงจาก 2.1% ในปี 2548 เหลือเพียง 0.2% ในปี 2563

 

ไทยอาจแซงสิงคโปร์ ขึ้นแท่นคาสิโนอันดับ 3 ของโลก 

 

รายงานจาก Nikkei Asia ระบุถึงความคิดเห็นของนักวิเคราะห์จาก Citigroup คาดว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลไทยวางไว้อย่างเต็มรูปแบบ อาจทำให้ไทยแซงหน้า ‘สิงคโปร์’ ขึ้นเป็นคาสิโนเบอร์ 3 ของโลก หรือก็คือเป็นรองแค่ลาสเวกัสและมาเก๊าเท่านั้น 

 

Citigroup ประเมินว่าในปี 2574 สิงคโปร์จะมีรายได้จากคาสิโนประมาณ 8.3 พันล้านดอลลาร์ แต่ของไทยอาจสูงถึง 9.1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.15 แสนล้านบาท 

 

อีกหนึ่งในประเด็นที่ถูกยกมาพูดถึงในรายงานฉบับนี้ของ Nikkei Asia คือ ‘อัตราภาษี’ ที่จะเก็บจากคาสิโนถูกกฎหมาย โดยตามแผนแล้ว ‘ไทย’ เป็นหนึ่งในประเทศที่จะเก็บภาษีคาสิโนต่ำสุดในเอเชียด้วยอัตรา 17%

 

ขณะที่ประเทศอื่นๆ มีอัตราภาษีคาสิโนสูงกว่า อย่างเช่น มาเก๊าเก็บอยู่ที่ 40%, ญี่ปุ่น 30% หรือสิงคโปร์อยู่ระหว่าง 18-22% เมื่อรวมเข้ากับความสามารถในการแข่งขันทางด้านการท่องเที่ยวแล้ว คาสิโนในไทยจึงยิ่งมีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนมากขึ้นด้วย

 

นักลงทุนมองไทยเป็น ‘ผลไม้ที่สุกงอม’ 

 

ในมุมมองของนักลงทุนมองว่าไทยมีต้นทุนที่ดีอยู่แล้ว มีความพร้อมทั้งในแง่ของแหล่งท่องเที่ยว ผู้คน และวัฒนธรรม แต่ตอนนี้ไทยเหมือนผลไม้ที่สุกงอม พร้อมแก่การสร้างแลนด์มาร์กใหม่ทางการท่องเที่ยวที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด

 

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก 6 รายที่แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Las Vegas Sands, Wynn Resorts, Caesars Entertainment, MGM China Holdings Limited, Hard Rock Café และ Melco Resorts & Entertainment 

 

ซึ่งการที่นักลงทุนระดับโลกเข้ามาแสดงความสนใจแบบนี้ก็ถือว่าเป็นไปตามความต้องการของรัฐบาลที่ถอดสูตรมาแล้วว่า ถ้าไม่อยากลงเอยกลายเป็นแหล่งอาชญากรรมเหมือนเพื่อนบ้าน ที่เกิดจากการให้คนที่ไม่เคยทำมาทำ และเพื่อให้มั่นใจว่าเมกะโปรเจกต์นี้จะไปตลอดรอดฝั่งได้ 

 

ถอดสูตรสำเร็จ Entertainment Complex = Global + Local 

 

สูตรที่ว่านี้คือ Global บวก Local จะต้องหานักลงทุนระดับ Global ที่ทำเป็น เคยทำ มาทำ รัฐบาลเรียกเทคนิคนี้ว่า ‘เทคนิคไล่กุ๊ย’ เพราะบริษัทระดับโลกเหล่านี้จะถูกกำกับดูแลโดยองค์กรระดับโลกอีกต่อหนึ่ง หากไม่ชอบมาพากลหรือกลุ่มทุนสีเทาเข้ามาเกี่ยวข้อง ความเสียหายอาจไม่ได้เกิดแค่ในไทย แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่นๆ ของเขา ล้มเหมือนกับโดมิโนก็เป็นได้

 

ส่วน Local คือรัฐจะจัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หน้าที่ก็คือกำกับควบคุมบริหารจัดการดูแลว่าไปตามกฎระเบียบเพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด

 

หลากเสียงคัดค้าน แรงหนุนไม่พอแรงต้าน? 

 

แต่ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะคิดว่านี่คือยาแรงในการชุบฟื้นเศรษฐกิจไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ Entertainment complex ดึงดูดนักลงทุนให้มาสร้างโปรเจกต์ระดับแสนล้านได้ เพราะว่ามีคาสิโนสอดไส้เอาไว้อยู่ ก็เลยทำให้แรงค้านมากกว่าแรงหนุน สังคมไทยกลับมองว่ารัฐกำลังเอื้อประโยชน์ให้คนตัวใหญ่มากกว่า

 

ส่วนคนตัวเล็กๆ คือคนที่ต้องมารับผลกระทบทางสังคมที่ตามมา หลายฝ่ายจึงมองว่าการพัฒนา Entertainment Complex ในไทยที่มีคาสิโนร่วมด้วย มีหลายข้อเสียที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ 

 

เนื่องจากในร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ยังมีช่องโหว่ที่หากว่าอุดไม่ได้ ก็จะนำไปสู่ปัญหาสังคมที่แก้ไม่รู้จบ เพราะระบบธรรมาภิบาลของไทยนั้นยังไม่แข็งแกร่งพอทำให้ปัญหาเดิมที่ยังแก้ไม่ได้ ทั้งชายแดนสีเทา การฟอกเงิน บ่อนใต้ดิน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์ และยาเสพติด ที่ไม่ว่าเปลี่ยนไปกี่ยุคกี่สมัยกี่รัฐบาล ก็เป็นสมการที่แก้ไม่ตกเสียที 

 

แล้วถ้ามีปัญหาใหม่เข้ามาซ้ำ ภาพที่วาดฝันเอาไว้อาจไม่ได้สวยหรูอย่างนั้น เพราะหากเราไปดูสิงคโปร์ที่มีดัชนีการคอร์รัปชันอยู่ที่อันดับ 5 ของโลกเมื่อปี 2566 เท่ากับว่าเป็นประเทศที่โปร่งใสมาก แต่ก็ยังไม่แคล้วมีการฟอกเงินมากถึง 8.1 หมื่นล้านบาท ส่วนไทยเราอยู่อันดับที่ 108 ดังนั้นตัวเลข GDP ที่สูงขึ้น สิ่งที่พ่วงตามมาด้วยแน่ๆ คือการฟอกเงินและทุนสีเทา รวมทั้งยังส่งผลให้เครดิตของประเทศเสียหายกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนจากต่างชาติด้วย

 

ในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตั้งข้อสังเกตที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าวเนื่องจากมองว่า นโยบาย Man-Made Destination นโยบายเร่งด่วนที่ 7 ยังไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล การจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรยังขาดนิยามที่ชัดเจนและอาจซ้ำซ้อนกับกฎหมายเดิม ส่วนเป้าหมายหลักของโครงการนั้นก็ยังคงคลุมเครือ และมองว่าหากเป้าหมายของรัฐบาลคือแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายจริงๆ ควรแก้ไขกฎหมายการพนัน พ.ศ. 2478 ให้สอดคล้องกับยุคสมัยมากกว่าการออกกฎหมายใหม่ที่มุ่งเข้าไปควบคุมสถานบันเทิงครบวงจร

 

นอกจากนี้ข้อสังเกตที่น่าจับตาคือ ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะตั้งข้อจำกัดมาควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้ Entertainment Complex ที่มีคาสิโนอยู่ด้านใน กลายเป็นแหล่งมอมเมาคนไทยเพิ่ม แต่คำถามสำคัญคือ แล้วจะทำอย่างไรกับบ่อนใต้ดินและชายแดนที่มีอยู่

 

อย่าลืมว่าบ่อนผิดกฎหมายเหล่านั้นไม่มีข้อจำกัดควบคุมมากนัก คนที่ไม่ได้มีกำลังมากก็ยังคงเล่นการพนันผิดกฎหมายอยู่ดี เท่ากับว่าการมีคาสิโนถูกกฎหมายอาจจะไม่ได้ช่วยลดบ่อนการพนันผิดกฎหมาย ในทางกลับกันคนเหล่านี้อาจหลั่งไหลไปเล่นในบ่อนตามชายแดนอยู่ดี

 

ในรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ชี้ว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากลุ่มอาชญากรรมฟอกเงินที่เกี่ยวพันกับคาสิโนกำลังเคลื่อนย้ายออกจากฐานปฏิบัติการในประเทศจีนและมาเก๊ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากระบบการควบคุมที่ผ่อนคลายกว่า ดังนั้นหากประเทศไทยเปิดให้มีคาสิโนถูกกฎหมาย มีแนวโน้มที่ธุรกิจสีเทาเหล่านี้น่าจะพุ่งเป้ามาตั้งฐานในประเทศไทยแทน

 

ไทยต้องติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก

 

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ให้สัมภาษณ์กับรายการ GLOBAL FOCUS ของ THE STANDARD ว่า การจะสร้าง Entertainment Complex ต้องเริ่มให้ถูกตั้งแต่กระดุมเม็ดแรกคือจะต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจให้รอบด้าน แต่ดูเหมือนว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะยังไม่สะเด็ดน้ำดี เป็นการคิดไปทำไปมากกว่า

 

อย่างที่สิงคโปร์เขาเริ่มติดกระดุมเม็ดแรกมาดี สิงคโปร์ไม่มีร่าง Entertainment Complex แต่มีกฎหมายว่าด้วยคาสิโน หรือ The Casino Control Act ปี 2006 ที่กำหนดมาตรการป้องกันต่างๆ ออกมาอย่างรัดกุม เช่นว่าคาสิโนจะต้องไม่มีความสัมพันธ์กับเครือข่ายผิดกฎหมายทั้งองค์กรและบุคคล 

 

ขั้นตอนหลังจากนี้เป็นอย่างไร 

 

ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ ภายหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้นำความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 5 รวมทั้งความเห็นไปประกอบการพิจารณา ซึ่งคาดว่าใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2568 จากนั้นรัฐบาลจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1 เพื่อรับหลักการ และวาระ 2 การตั้งแปรญัตติและตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณารายมาตราและจะเข้าสู่วาระที่ 3 เพื่อลงมติผ่าน พ.ร.บ. จากนั้นจะส่งต่อไปยังสมาชิกวุฒิสภาเพื่อพิจารณาอีกครั้ง 

 

ในขณะเดียวกันหากรัฐอยากจะดันให้ Entertainment Complex เป็นตัวพลิกเกมเศรษฐกิจ เพื่อพาไทยเข้าไปสู่เรดาร์การลงทุนโลก สิ่งที่รัฐควรทำควบคู่ไปด้วยคือการเร่งแก้ปัญหาหมักหมมต่างๆ ทั้งการฟอกเงิน ทุนสีเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สร้างความเสียหายให้คนไทยหลักแสนล้าน หากทำได้ ก็จะเป็นการปูทางความพร้อมในการทำ Entertainment Complex อย่างเต็มรูปแบบ 

 

ไม่เช่นนั้นการดันทุรังสร้าง Entertainment Complex ทั้งที่การบังคับใช้กฎหมายไม่แข็งแรง ไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบในสังคม มันจะกลายเป็นหลุมปัญหาแทนบ่อเงิน และมันจะอยู่กับสังคมไทยไปอีกนาน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising