วันนี้ (11 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงกรณีการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในจุดต้องสงสัยที่จะเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ได้มีการจัดประชุมร่วมกันระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตำรวจ เครือข่ายมือถือทุกค่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
- กรณีสัญญาณที่ไม่มีสายได้ทำการลดระดับเสาลง ซึ่งการส่งสัญญาณต้องหันหน้าเข้ามาในประเทศเท่านั้น ไม่สามารถหันไปทางประเทศเพื่อนบ้านได้
- การตัดสายสัญญาณที่ลากไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
- หากพบสายสัญญาณลากไปยังตึกต้องสงสัยก็จะตัดทันที พร้อมยืนยันด้วยว่า พื้นที่ที่มีการตัดไฟไปก่อนหน้านี้
ขณะนี้ไม่มีการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยไปแล้ว ซึ่งผู้ประกอบการทุกเครือข่ายให้ความร่วมมือดี โดยในส่วนของสายอินเทอร์เน็ต หากไม่มีการยืนยันว่าเป็นของใครเราตัดทิ้งทั้งหมด
“สายสัญญาณที่แอบลากไปแล้วเราได้ตัด ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กสทช. ลงพื้นที่ร่วมกับผู้ประกอบการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและดีอี ดำเนินการตัดเรียบร้อยแล้วหลายจุด โดยจะมีการตรวจสอบทุกสัปดาห์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือน” ประเสริฐกล่าว
เมื่อถามผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมีการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือดาวเทียมวงโคจรต่ำ หรือ Star Link หรือไม่ ประเสริฐกล่าวว่า มีการลักลอบซื้อขายซึ่งในประเทศไทยถือว่าผิดกฎหมาย เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. จึงคิดว่าจะขอความร่วมมือประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งประเทศไทยเป็นประธานในการปราบปรามแก๊งอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์
“อดีตที่ผ่านมาเขาซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน และเอาเข้ามาในประเทศไทย แต่เราได้ตรวจจับยึดมาแล้วหลายครั้งไม่น้อยกว่า 200 จาน ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีการไปตั้งระบบที่ต่างประเทศ และรับสัญญาณโดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราอยากควบคุมเรื่องสัญญาณสตาร์ลิงก์ จึงจะขอความร่วมมือไปประเทศเพื่อนบ้าน เพราะถือว่าเป็นสัญญาณที่นำมาใช้ในการกระทำความผิด” ประเสริฐกล่าว
ประเสริฐยังเปิดเผยถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าได้มีการพูดคุยกับประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีของจีน เรื่องการดำเนินการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในอนาคต ซึ่งจีนได้ชื่นชมไทย เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาระดับภูมิภาคที่ต้องทำงานร่วมกัน