ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นนักฟุตบอลที่เยือกเย็นอย่าง ลูกา โมดริช ตะโกนโหวกเหวกโวยวายใส่เพื่อนในสนาม
ดังนั้นภาพการโวยวายของกัปตันทีมเรอัล มาดริด จอมเก๋าใส่ วินิซิอุส จูเนียร์ จึงกลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองจากทั้งสื่อและแฟนฟุตบอลทั่วโลกทันทีว่าอะไรที่ทำให้โมดริชถึงกับนอตหลุดได้ขนาดนี้ โดยที่หลังจบเกมดาวเตะชาวบราซิลเดินกลับห้องแต่งตัวทันที
ถึงแม้โมดริชจะยืนยันว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่ในเกม” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนำไปสู่การตั้งคำถามถึงนักเตะที่เป็นซูเปอร์สตาร์ของทีมอย่างจูเนียร์ ที่คนจำนวนไม่น้อยชักเป็นกังวลกับการแสดงออกหลายครั้งในระยะหลัง
นักฟุตบอลผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์กำลังทำร้ายและทำลายตัวเองโดยไม่รู้ตัวอยู่หรือเปล่า?
ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ในเกมโกปา เดล เรย์ ที่เรอัล มาดริด บุกไปเยือนเลกาเนส สโมสรฟุตบอลในระดับลีกรองเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในเกมนั้นเลกาเนสสร้างปัญหาให้กับแชมป์ลาลีกาในฤดูกาลที่แล้วได้มากกว่าที่ใครหลายคนคาดคิดไว้ โดยที่เจ้าบ้านซึ่งตอนแรกตามหลัง 2 ประตู กลับมาไล่ตามตีเสมอได้ที่ 2-2
ช่วงเวลานั้นเองที่โมดริช ซึ่งพยายามบัญชาเกมอยู่ในสนาม ตะโกนใส่จูเนียร์ให้ลงมาช่วยเกมรับของทีมก่อน
ซีนดังกล่าวกลายเป็นประเด็นทันที เพราะอากัปกิริยาของจูเนียร์ดูไม่เชื่อฟังกัปตันอาวุโสอย่างโมดริช ซึ่งก็ไม่ใช่คนที่จะแสดงออกอาการอะไรแบบนี้สักเท่าไร ด้วยความเป็นนักฟุตบอลที่มีจิตใจเยือกเย็น
อีกทั้งหลังเกมจบลงด้วยชัยชนะของทีมโลส เมเรงเกส จากประตูชัยของ กอนซาโล การ์เซีย ดาวเตะชาวบราซิลก็กลับเข้าห้องแต่งตัวทันทีโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมทีม
และนั่นทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์พฤติการณ์ของสตาร์วัย 24 ปีทันที ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบนโซเชียลมีเดียกับเสียงโจมตีของแฟนบอลที่ไม่ชอบใจนักกับท่าทีของจูเนียร์
เพราะก่อนหน้านั้นในเกมลาลีกานัดที่พบกับเอสปันญอลก็มีการจับภาพ ‘วินิ’ ที่ไม่สบอารมณ์ที่ไม่ได้บอลผ่านมาจาก ลูคัส บาสเกซ ซึ่งสวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมนั้น และพยายามหันไปฟ้อง คาร์โล อันเชลอตติ บอสใหญ่ที่ข้างสนาม
ฉากเหล่านี้แฟนบอลที่ได้เห็นต่างก็รู้สึกว่าจูเนียร์ดูเป็นตัวปัญหา ขณะที่สื่อมวลชนในสเปนเองก็พร้อมใจกันเปิดฉากถล่มตามทันที
หนึ่งในนั้นคือ ราอูล เวเรลา นักข่าวแห่ง MARCA – สื่อที่ถือหางข้างเรอัล มาดริด ตลอดกาล – แสดงความคิดเห็นกึ่งความกังวลที่มีต่อจูเนียร์
“ตอนนี้มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว จูเนียร์กลายเป็นปัญหาของเรอัล มาดริด” เวเรลากล่าวไว้ ก่อนที่จะร่ายยาวถึงความคิดเห็นที่มีต่อสตาร์ทีมชาติบราซิล โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ที่สุดคือฟอร์มการเล่นที่ทำให้เขาดูไม่เหมือนคนเดิม
โดยนักข่าวชาวสเปนตั้งข้อสังเกตว่ามันเกิดขึ้นเพราะความผิดหวังที่ไม่ได้รับรางวัลใหญ่อย่างบัลลงดอร์ ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดสำหรับนักฟุตบอลหรือไม่ แม้ว่าจะเพิ่งได้รางวัล The Best มาเมื่อปลายปีก็ตาม
หรือจะเป็นเพราะการมาของ คีเลียน เอ็มบัปเป ที่ทำให้จูเนียร์ประสบปัญหาในการเรียกฟอร์มการเล่นเก่งกาจเหมือนเดิมกลับมา
แต่ในความเห็นของเวเรลา สื่อมวลชนที่มีประสบการณ์ ตอนนี้จูเนียร์ดูไม่เหมือนคนเดิมสักเท่าไรนัก
ตัวโดนตลอดกาล
หากมองลงไปถึงการแสดงออกที่ไม่น่ารักของจูเนียร์คนนี้ หลายคนยังมองว่าอาจเป็นเพราะเขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าเห็นใจที่สุดคนหนึ่ง
เพราะไม่ว่าจะทำดีสักแค่ไหน เล่นเก่งแค่ไหน ก็ยังไม่เคยได้รับการยกย่องยอมรับในระดับสูงสุดอย่างที่ควรจะเป็นเลย มิหนำซ้ำยังตกเป็น ‘เป้า’ ขนาดใหญ่ที่แฟนบอลฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะในสเปน พร้อมที่จะหยามหยันเหยียบย่ำ เพียงเพราะสีผิวแตกต่างกัน
“ผมก็แค่อยากเล่นฟุตบอล” คือคำพูดของเจ้าตัวที่ระบายความรู้สึกออกมา หลังจากที่ตกเป็นเหยื่ออธรรมของเกมลูกหนัง
ในมุมนี้หากมองว่าจูเนียร์เป็นผ้าขาวมาก่อน การโดนกระทำซ้ำเติมต่อเนื่องหลายปีก็อาจมีส่วนทำให้ตัวเขาเองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้เหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้วที่หากโดนกระทำมากๆ เข้าก็ย่อมต้องมีการปกป้องตัวเอง
ไม่ว่าจะทางกาย วาจา หรือใจ
จากคนที่เคยบอกว่า “มีใจอยากเล่นฟุตบอลน้อยลง” เพราะโดนกระทำตลอดเวลา แต่หลังๆ ท่าทีดูแข็งกร้าวขึ้น ก็อาจมองว่าเป็นการปกป้องตัวเองไม่ให้รู้สึกว่าเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเสมอไป
เพราะไม่มีใครอยากจะเป็น ‘ตัวโดน’ ตลอดกาล
อิคารัสและชะตากรรมที่ไม่อาจเลี่ยง
แต่ในอีกด้านที่หลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตคือ พฤติกรรมของจูเนียร์นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปจากเดิมมากมายนักหรอก
มันแค่ชัดเจนมากขึ้น และเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึง ‘อีโก้’ อันยิ่งใหญ่ที่มีอยู่ในตัวตน
อีโก้สำหรับนักกีฬานั้นความจริงแล้วเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่จะเป็นแรงผลักดันให้นักกีฬาคนนั้นก้าวไปสู่ความสำเร็จหรือเป้าหมายของชีวิตได้
นักกีฬาที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือ คริสเตียโน โรนัลโด
สำหรับจูเนียร์ แม้จะมีอายุแค่ 24 ปี แต่ก็เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ถูกคาดหมายอยู่แล้วว่าจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกตั้งแต่ครั้งยังอยู่กับฟลาเมงโก และย้ายมาอยู่กับเรอัล มาดริด ตั้งแต่ปี 2018 ติดทีมชาติบราซิลตั้งแต่ปี 2019 ก้าวจากทีมเยาวชนขึ้นมาเป็นดาวดังของทีมราชันชุดขาวในปี 2021
ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อย จูเนียร์เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของโลกในรอบหลายปีที่ผ่านมา และหากเจ้าตัวจะเชื่อแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน เพราะไม่ได้มีแค่คำคุยโต แต่มีผลงานติดมือด้วยกับทีมระดับสโมสร แม้ว่าในระดับทีมชาติจะยังไม่สามารถเปล่งประกายได้ในแบบเดียวกันก็ตาม
เช่นนั้นมันอาจเป็นที่มาของความไม่น่ารักทั้งหลายที่เกิดขึ้น เพราะรู้สึกว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นดาวเด่น เป็นคนที่เหนือกว่าคนอื่น ต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่าง ดีกว่า หรือเหนือกว่า
สิ่งที่น่ากังวลคือเรื่องนี้เป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งสำหรับชีวิตการเป็นนักกีฬา เพราะไม่ใช่ทัศนคติหรือความคิดที่ดีนัก
และหากเป็นเรื่องนี้ มันมีโอกาสจะทำให้จูเนียร์ทำลายตัวเองได้
ไม่ต่างอะไรจากอิคารัส ที่สร้างปีกจำลองแล้วบินสูงไปใกล้ดวงอาทิตย์ จนปีกมอดไหม้ร่วงหล่นลงสู่ท้องทะเลและตายอย่างเดียวดาย
ถึงเวลาเรียนรู้ เพื่อเป็น วินิซิอุส จูเนียร์ ในเวอร์ชันที่ดีกว่า
Stay Humble
ถึงแม้ว่าโมดริชจะออกมายืนยันทันทีหลังจบเกมกับเลกาเนสว่า สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับจูเนียร์นั้นไม่มีอะไรในกอไผ่
“มันก็แค่เรื่องที่เกิดขึ้นในสนาม ไม่มีประเด็นอะไรทั้งนั้น” กัปตันวัย 39 ปีอธิบายกับนักข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็มีคนมองสองมุมได้อีกว่า หากไม่ใช่เพราะจูเนียร์หย่อนวินัยในการเล่นกับทีม ไม่แคร์เพื่อน ก็อาจเป็นเพราะในฐานะตัวรุกกำลังมองหาโอกาสที่จะบุกเพื่อทำประตูชัยให้ทีมอยู่ก็เป็นได้เหมือนกัน
แต่สิ่งที่น่าสนใจคืออันเชลอตติ นายใหญ่บอกหลังเกมเช่นกันว่า “ถ้าคนอย่างโมดริชพูด ทุกคนต้องฟัง”
เรื่องนี้อาจเป็นสัญญาณสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่
อย่างไรก็ดี จูเนียร์ไม่ได้ทำความผิดอะไรร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์กับโมดริชในเกมกับเลกาเนส หรือเหตุการณ์กับบาสเกซในเกมกับเอสปันญอล หรืออีกหลายๆ ครั้งที่เขาแสดงอาการไม่ค่อยน่ารัก ในเกมฟุตบอลนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในสนาม
สิ่งสำคัญมากกว่าคือการใช้ฝีเท้าพิสูจน์ว่าเขาเก่งจริงหรือไม่ได้แย่อย่างที่ใครคิด
ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่จูเนียร์คนนี้ควรจะทำเพื่อกลับเข้าร่องเข้ารอยอีกครั้ง ไม่ใช่การแสดงอาการท่าทีดีดดิ้นประชดประชันในสนามด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไปเสียหมด แต่เป็นการก้มหน้าก้มตาเล่นอย่างจริงจัง ให้เหมือนเมื่อ 1-2 ปีก่อนที่เป็นช่วงที่ฟอร์มการเล่นของเขาเจิดจ้าอย่างยิ่ง
ไม่ต่างอะไรจากคำพูดยอดฮิตในวงการตอนนี้
“Stay Humble”
คำพูดง่ายๆ ที่ทำได้ยาก แต่ถ้าทำได้ก็มีโอกาสที่เราจะได้เห็นจูเนียร์ใน Best Version ที่อาจทำให้ทุกคนยอมรับเขาได้อย่างเต็มหัวใจเสียที
ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต
อ้างอิง:
