มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พบปะกับ โชเซ ราอูล มูลิโน ประธานาธิบดีแห่งปานามา เมื่อวานนี้ (2 กุมภาพันธ์) โดยเน้นย้ำว่า สหรัฐฯ ต้องการให้ปานามาจำกัดอิทธิพลของจีนในพื้นที่รอบคลองปานามา ไม่เช่นนั้นรัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อาจต้องใช้ ‘มาตรการที่จำเป็น’ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ตามสนธิสัญญาที่สหรัฐฯ ทำไว้กับปานามา
ทั้งนี้ รูบิโอเริ่มต้นการเดินทางเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขาด้วยการเยือนปานามา ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากคำขู่ของทรัมป์เกี่ยวกับการเข้าควบคุมคลองปานามา
ตามแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รูบิโอแจ้งให้มูลิโนทราบว่า ทรัมป์มองว่าสถานการณ์ปัจจุบันของคลองปานามา ‘ไม่สามารถยอมรับได้’ และหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยทันที สหรัฐฯ อาจต้องดำเนินมาตรการที่จำเป็น เพื่อปกป้องสิทธิของตนภายใต้สนธิสัญญากับปานามา
คลองปานามามีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญที่เชื่อมมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิก โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าของสหรัฐฯ กว่า 40% ผ่านทางคลองแห่งนี้
ขณะที่ทรัมป์ปฏิเสธที่จะตัดตัวเลือกในการใช้กำลังทหารเข้าควบคุมคลองปานามา โดยให้เหตุผลว่าจีนมีอิทธิพลมากเกินไปผ่านการลงทุนในท่าเรือที่อยู่รอบคลอง โดยทรัมป์กล่าวไว้ในสุนทรพจน์ขณะเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้วว่า “เราจะยึดมันคืน” และย้ำอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ว่าทางการปานามาได้เสนอเงื่อนไขหลายอย่างให้กับสหรัฐฯ แต่ตัวเขาคิดว่าการยึดคลองกลับคืนมาคือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ด้าน ลูเซีย นิวแมน บรรณาธิการข่าวลาตินอเมริกาของ Al Jazeera รายงานว่า รัฐบาลปานามาและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงบางประการในการประชุมระหว่างรูบิโอกับมูลิโน ซึ่งทำให้ชาวปานามา ‘ดูเหมือนจะโล่งใจ’ เป็นการชั่วคราว โดยหนึ่งในข้อยอมรับของปานามาคือ การไม่ต่ออายุข้อตกลงภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของปักกิ่ง
ประธานาธิบดีมูลิโนกล่าวว่า “คลองปานามาไม่ได้รับอิทธิพลโดยตรงจากจีน” แต่ยอมรับว่าท่าเรือที่อยู่สองฝั่งของคลองนั้นดำเนินการโดยบริษัทจีน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ปานามาและสหรัฐฯ กำลังเจรจารายละเอียดของข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ทั้งสองประเทศต้องการหาทางออกร่วมกัน
ภาพ: Mark Schiefelbein / Pool / Reuters
อ้างอิง: