ผู้นำของแคนาดาและเม็กซิโกต่างรีบตอบโต้ หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มสงครามการค้าครั้งใหม่ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ก็เตรียมประกาศตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมเช่นกัน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 กุมภาพันธ์) ทรัมป์กำหนดอัตราภาษีศุลกากรจีน 10% และภาษีศุลกากรแคนาดาและเม็กซิโก 25% เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศไม่สามารถป้องกันผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเสพติดให้ไหลเข้าสู่สหรัฐฯ ได้
ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประกาศของทรัมป์ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีของแคนาดา ก็ประกาศกำหนดอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 107,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 25% ในขณะที่ เคลาเดีย ไชน์บัม ผู้นำเม็กซิโก ก็ประกาศกำหนดอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้เช่นกัน
ทางด้านจีนออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง และประกาศมาตรการตอบโต้โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม กระทรวงพาณิชย์ให้คำมั่นว่าจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก และเรียกร้องให้สหรัฐฯ จัดการความแตกต่างบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ประโยชน์ร่วมกัน และความเคารพซึ่งกันและกัน
การจัดเก็บภาษีของทรัมป์จะเริ่มมีผลบังคับใช้หลังเที่ยงคืนของวันอังคารนี้ (4 กุมภาพันธ์) และทางการจีนมีเครื่องมือมากมายในการตอบโต้ ทางเลือกเหล่านั้น ได้แก่ การควบคุมการส่งออกแร่ธาตุที่สำคัญ และการจำกัดการเข้าถึงตลาดของบริษัทอเมริกันบางแห่ง
อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวอาจทำให้จีนมีโอกาสเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศอื่นๆ และอาจช่วยให้ผู้ส่งออกรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันเอาไว้ได้
ตลาดการเงินอาจเผชิญกับความผันผวนเมื่อเปิดตลาดอีกครั้งในวันจันทร์ นักลงทุนอาจเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาซื้อขายตลาดเอเชีย และอาจหลีกเลี่ยงการซื้อหุ้น หลังจากที่ทรัมป์ดำเนินการตามคำขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีทั่วไป 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% จากสินค้าจีน เริ่มตั้งแต่วันอังคาร ซึ่งกระตุ้นให้รัฐบาลอื่นๆ มุ่งมั่นที่จะตอบโต้
สกุลเงินของสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ขณะที่ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2003 เปโซของเม็กซิโกลดลงมากกว่า 2% ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อภัยคุกคามของภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ต่อจีน อ่อนค่าลงประมาณ 1% ส่วนเงินหยวนอ่อนค่าลงประมาณ 0.5% ในต่างประเทศ
ประเด็นภาษีศุลกากรส่งผลดีต่อดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้ง และสัปดาห์ที่แล้วถือเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน โดยดัชนี Bloomberg Dollar Spot พุ่งขึ้นเกือบ 1% ในขณะเดียวกัน หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงในวันศุกร์ โดยผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทที่ลงทุนในจีนเป็นผู้นำในการร่วงลงครั้งนี้ ผู้ซื้อขายพันธบัตรต้องตัดสินใจว่าจะมุ่งเน้นไปที่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดหรือความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
เบื้องหลังของดอลลาร์ที่มีแนวโน้มขาขึ้นคือการเดิมพันว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์จะกระตุ้นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและทำให้ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ สูงขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่างประเทศมากกว่าสหรัฐฯ และเพิ่มแรงดึงดูดของเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นสินทรัพย์ที่หลบภัย (Safe Haven) ส่วนสกุลเงินต่างประเทศก็จะได้รับผลกระทบเนื่องจากอุปสงค์ของสหรัฐฯ ที่ลดลง
อ้างอิง: