Starbucks เชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ เตรียมตัดเมนูเครื่องดื่มและอาหารออกบางรายการ หรือประมาณ 30% ทุกสาขาทั่วโลก หวังลดความซับซ้อนในการบริการ และจากนี้ลูกค้าจะได้รับเครื่องดื่มเร็วขึ้น
เป็นที่รู้กันดีว่าหลังจาก Brian Niccol ขึ้นเป็นซีอีโอ Starbucks มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 ก็เดินหน้าปรับนโยบายองค์กรเพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตได้อย่างสดใสอีกครั้ง หลังแบรนด์เผชิญความท้าทายหนักจากผลประกอบการที่ลดลงติดต่อกันถึง 4 ไตรมาส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไม่ฟรีอีกแล้ว! Starbucks ประกาศชัด จะเข้ามานั่งในร้านหรือใช้ห้องน้ำได้ต้องเป็น ‘ลูกค้า’ เท่านั้น กฎใหม่ถูกใช้ทุกสาขาทั่วอเมริกาเหนือ
- Starbucks ญี่ปุ่น นำร่องเลิกใช้หลอดกระดาษ เปลี่ยนมาใช้หลอดจากพืช พร้อมดีไซน์ทนทานและสัมผัสเรียบลื่น
- ‘เวทมนตร์ 1 แถม 1’ จะอยู่หรือไป เมื่อ Starbucks ไทยต้องรักษาสมดุลระหว่างใจลูกค้ากับภาพลักษณ์พรีเมียม
ล่าสุดซีอีโอของ Starbucks กล่าวในงานประชุมผลประกอบการของบริษัทเมื่อวัน อังคารที่ผ่านมา (28 มกราคม) ว่า เร็วๆ นี้เตรียมลดเมนูเครื่องดื่มและอาหารออกบางรายการในสัดส่วนประมาณ 30% จากเมนูทั้งหมด ซึ่งจะมีผลในบางประเทศหรือทุกสาขาทั่วโลก ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท
สอดคล้องกับก่อนหน้านี้ Brian Niccol เคยบอกว่า เมนูของ Starbucks มีความซับซ้อนมากเกินไป จนทำให้พนักงานบริการได้ล่าช้า แต่ก็ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเมนูไหนบ้างที่จะถูกตัดออก
พร้อมกล่าวต่อไปว่า การลดจำนวนเมนูจะช่วยให้ Starbucks ตอบโจทย์ช่องว่างของเทรนด์และวัฒนธรรมผู้บริโภคได้ดีขึ้น เห็นได้จากความสำเร็จหลังจากปล่อยเมนู ‘Dubai Matcha’ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเมนูมัทฉะสูตรใหม่ของบริษัทจนกลายเป็นกระแสไวรัลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเรามั่นใจว่าเดินมาถูกทางแล้ว และยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องพัฒนาให้ดีกว่าเดิม
หากย้อนไปในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา Starbucks นำเมนูเครื่องดื่มที่มีน้ำมันมะกอก (Olive Oil Drinks) และเครื่องดื่มชูกำลังแบบเย็น (Iced Energy Drinks) ออกไปแล้ว แต่ในช่วงเวลาเดียวกันก็เพิ่มเมนูเครื่องดื่มใหม่ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเอสเพรสโซที่เรียกว่า Cortado ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าการปรับลดตัวเลือกเมนูดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานบริษัทที่ต้องการทำเมนูให้เรียบง่ายขึ้น และต้องการลดความซับซ้อนในการให้บริการ เพื่อไม่ให้ลูกค้ารอเครื่องดื่มนานเกินไป
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ Brian Niccol ขึ้นมาเป็นซีอีโอ Starbucks ก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่การปรับบรรยากาศภายในร้านใหม่ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้า เช่น การให้บาริสต้าเขียนข้อความลงบนแก้วกระดาษ รวมถึงนำบาร์เครื่องปรุงกลับมา และบริษัทยังปรับชื่อเป็น Starbucks Coffee Company เพื่อตอกย้ำความเป็นร้านกาแฟ ทั้งหมดได้เสียงตอบรับจากผู้บริโภคไปในทิศทางที่ดี
แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่ลูกค้าหลายคนอาจไม่ชอบคือลดการจัดโปรโมชัน โดยหลังจากโปรโมชันน้อยลงก็ส่งผลให้จำนวนออร์เดอร์ที่ใช้ส่วนลดลดลงถึง 40% ซึ่งก็เป็นความตั้งใจของซีอีโอที่ต้องการผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้น
อ้างอิง: