ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ก่อนเทศกาลตรุษจีน ตลาดทองคำมักคึกคักจากความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น เพราะทองคำเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและโชคลาภในวัฒนธรรมจีน รวมถึงประเพณีการมอบทองคำ เช่น เครื่องประดับหรือเหรียญนักษัตร ซึ่งถือเป็นการส่งต่อความโชคดีและเสริมสิริมงคลสำหรับการเริ่มต้นปีใหม่ ด้วยความเชื่อที่ว่า การถือครองทองคำในช่วงตรุษจีนจะช่วยเสริมดวงด้านการเงินและนำพาความร่ำรวยมาสู่ชีวิตตลอดทั้งปี ความเชื่อนี้ทำให้การซื้อทองคำก่อนหรือระหว่างเทศกาลตรุษจีนกลายเป็นกิจกรรมสำคัญในหลายครอบครัว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ต้องการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความมั่งคั่ง
นอกเหนือจากความเชื่อในเชิงวัฒนธรรมและความต้องการแล้วนั้น ทองคำยังมีบทบาทสำคัญในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งราคาทองคำในช่วงตรุษจีนมักจะปรับตัวสูงขึ้นจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าตรุษจีนเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมสินทรัพย์ที่มั่นคง ทั้งมองว่าเป็นการออมทรัพย์และรักษามูลค่าในระยะยาว ขณะเดียวกัน การเก็งกำไรระยะสั้นในช่วงตรุษจีนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนทองคำ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อทองคำที่เพิ่มมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สถานการณ์ ‘ทองคำโลก’ หลังยุค Trump 2.0 ยังคงเป็นขาขึ้นหรือไม่? | Exclusive Interview EP.17
- พฤติกรรม ‘เออ-ออ’ ฉุดไม่อยู่! CMMU เผยผลวิจัย คนไทย 60% ตามกระแสกินแหลก สาว Gen Z นำโด่ง-หนุ่ม Gen Y เทใจให้เทคโนโลยี-ทองคำครองใจทุก Gen
จากข้อมูลสถิติย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าการซื้อทองคำก่อนตรุษจีนและถือครองจนถึงวันเทศกาลมักให้ผลตอบแทนในเชิงบวก
- การซื้อทองคำล่วงหน้า 1 เดือน จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนเป็นบวกกว่า 6 ครั้ง จากทั้งหมด 10 ครั้ง
- การซื้อทองคำล่วงหน้า 1 สัปดาห์ จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 6 ครั้ง จากทั้งหมด 10 ครั้ง เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังพบว่าแม้จะมีแรงเทขายภายหลังช่วงเทศกาลตรุษจีนผ่านพ้นไป 1 สัปดาห์ แต่ทองคำยังคงมีแรงซื้อกลับมาหลังจากเทศกาลตรุษจีน 1 เดือน ทั้งนี้ ผลตอบแทนเฉลี่ยของราคาทองคำในรอบ 10 ปี ภายหลัง 1 เดือนจากเทศกาลตรุษจีน ยังได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกถึง 1.25%
ระหว่างเทศกาล แนะหาจังหวะ ‘สะสม’ เมื่อทองย่อตัว
ขณะที่ พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีนี้ มีความคึกคักเช่นเดียวกับตรุษจีนส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมา โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีน ตลาดทองคำในเอเชียจะค่อนข้างคึกคัก เนื่องจากทองคำจะถูกใช้มอบเป็นของขวัญ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในช่วง 1 เดือนก่อนเทศกาลตรุษจีน แต่ในช่วงเทศกาลจะมีจังหวะที่สามารถเข้าซื้อได้ โดยช่วงวันหยุดยาวของประเทศจีน (Golden Week) ที่ตลาดทองคำในจีนปิดทำการ จะทำให้ดีมานด์จากจีนหายไป ราคาจึงมักจะย่อตัวลง และถือเป็นโอกาสเข้าซื้ออีกครั้ง
จากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า ราคาทองคำ 6 ใน 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 1 เดือนก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน โดยในปีนี้มองว่าหากผ่านช่วง Golden Week แล้วราคาปรับตัวลงอย่างจำกัด มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง
ซึ่งจากสถิติพบว่า ราคาทองคำ 7 ใน 10 ปี จะกลับมาปรับตัวขึ้นภายใน 3 วันหลังจากตลาดจีนกลับมาเปิดทำการ โดยราคาทองคำจะมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 2,800-2,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งในปีนี้ยังมีอีกปัจจัยที่สนับสนุนให้ทองคำไปต่อหลังตรุษจีน คือความเสี่ยงการดำเนินนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะการกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ยลง
การ์ดทองขายดีช่วงตรุษจีน
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน YLG พบว่าการ์ดทองคำซึ่งเป็นทองคำขนาดเริ่มตั้งแต่ 0.5 กรัม ที่มาพร้อมแพ็กเกจจิ้งลวดลายมงคล เช่น ลายเทพเจ้า ลายอักษรจีนมงคล และลายปีนักษัตรต่างๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นของขวัญที่สามารถเพิ่มมูลค่าในอนาคต นำไปขายทำกำไรได้ และมีราคาเริ่มต้นเพียงไม่ถึง 2,000 บาท จึงทำให้จับต้องได้ง่าย นอกจากนี้ YLG ยังมีบริการให้ลูกค้าสั่งทำลวดลายเฉพาะสำหรับแต่ละคนได้ มีน้ำหนักทองตั้งแต่ 0.5 กรัมขึ้นไป ให้เลือกซื้อสำหรับส่งมอบเป็นของขวัญ รวมถึงมีบริการเลเซอร์ลวดลายต่างๆ ภาพคนสำคัญ และข้อความลงบนเหรียญทองและทองคำแท่ง เพื่อมอบเป็นของขวัญชิ้นพิเศษชิ้นเดียวในโลก
สำหรับการ์ดทองคำแท่งไม่เพียงตอบโจทย์การมอบเป็นของขวัญตามเทศกาลต่างๆ แต่ยังเหมาะสำหรับสะสมเพื่อลงทุนระยะยาวสำหรับผู้ที่เริ่มลงทุน หรือนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนหน้าใหม่ เช่น วัยเริ่มต้นทำงาน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน YLG พบว่านักลงทุนรุ่นใหม่สนใจเข้ามาลงทุนทองคำมากขึ้น
โดยการเก็บข้อมูลจากแอปพลิเคชันเป๋าตังที่ YLG เปิดให้บริการ Gold Wallet บริการซื้อขายทองคำแท่ง 99.99% ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ พบว่ากลุ่มนักลงทุนอายุต่ำกว่า 30 ปี เริ่มเข้ามาลงทุนมากเป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่มอายุ 30-40 ปี และอันดับ 3 คือ กลุ่มอายุ 50-60 ปี ส่วนอายุ 60 ปีขึ้นไป จะลงทุนผ่านแอปพลิเคชันน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่นิยมลงทุนกับทองคำแท่งที่จับต้องได้มากกว่าการซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น
ภาพ: FOTOGRIN / Shutterstock