ความคืบหน้ากรณีมีผู้ร้องเรียนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สืบสวนสอบสวนและขอให้รับคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ แตงโม-ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ เป็นคดีพิเศษ
วันนี้ (22 มกราคม) พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันว่า ได้มีข้อสั่งการวันนี้จริง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ากรณีดังกล่าวมีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร จึงอนุมัติให้สืบสวนตามมาตรา 23/1 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยมอบหมายให้ พ.ต.ต. ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ เนื่องด้วยผู้ร้องขอให้สืบสวนสอบสวนและขอให้รับเป็นคดีพิเศษ โดยผู้ร้องเห็นว่ากระบวนการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมมีพฤติการณ์เป็นเงื่อนงำต้องสงสัย มีเหตุให้เชื่อได้ว่าอาจมีกลุ่มบุคคลหลายฝ่ายร่วมกันบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่นให้ไม่ต้องรับโทษทางอาญาหรือรับโทษน้อยลง
ดังนั้นเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ากรณีดังกล่าวมีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร จึงอนุมัติให้สืบสวนดังกล่าว
พ.ต.ต. ยุทธนา กล่าวต่อว่า การอนุมัติเรื่องสืบสวนดังกล่าวยังไม่ได้เป็นการรับไว้เพื่อเป็นคดีพิเศษแต่อย่างใด เพียงมอบหมายให้ทีมของ พ.ต.ต. ณฐพล ได้ไปแสวงหาพยานหลักฐาน ข้อมูล สืบสวนสอบสวน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงทุกประการ ตามที่มีผู้ร้องขอให้มีการดำเนินคดีต่อบุคคล และต้องเป็นการสืบสวนเพื่อหาผู้กระทำความผิดรายอื่นที่มิใช่บุคคลที่เคยถูกดำเนินคดีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม กระบวนการสืบสวนดังกล่าว เจ้าพนักงานมีกรอบเวลาถึง 6 เดือน แต่อาจจะเร็วกว่านั้นก็เป็นได้ถ้าหาหลักฐานได้มากเพียงพอ ทั้งนี้ หากพยานหลักฐานที่ได้มาจากการสืบสวนคดีพิเศษสามารถบ่งชี้ว่ามีการกระทำความผิดในทางอาญาและเข้าลักษณะการเป็นคดีพิเศษ ก็จะต้องมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อขอมติในที่ประชุมในการรับดำเนินการไว้เป็นคดีพิเศษ
แต่ต้องขอเน้นย้ำว่า หากพยานหลักฐานและการกระทำความผิดนั้นเป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ DSI จะต้องส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการแทน