การลงทุนโดยพิจารณา ESG Ratings กำลังกลายเป็นแนวทางสำคัญสำหรับนักลงทุนยุคใหม่ที่ไม่เพียงมองหาผลตอบแทนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ESG Ratings ช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินบริษัทได้อย่างรอบด้าน ทั้งในแง่การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) การรับผิดชอบต่อสังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความสามารถในการเติบโตและความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว โดยบริษัทที่มี ESG Ratings สูงมักจะมีการบริหารความเสี่ยงที่ดีกว่า มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย และมีโอกาสสูงที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืน

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และความต้องการความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจที่มากขึ้น การลงทุนโดยพิจารณา ESG Ratings จึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่กำลังกลายเป็นความจำเป็น นักลงทุนสถาบันทั่วโลกกำลังเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทที่มี ESG Ratings ที่ดี เนื่องจากเล็งเห็นว่าบริษัทเหล่านี้มีโอกาสที่จะเติบโตและปรับตัวได้ดีในอนาคต นอกจากนี้การลงทุนโดยพิจารณา ESG ยังช่วยให้นักลงทุนมีส่วนร่วมในการผลักดันให้ภาคธุรกิจพัฒนาไปในทิศทางที่ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งผลตอบแทนการลงทุนและสังคมโดยรวมในระยะยาว

รู้จัก SET ESG Ratings

หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings คือหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคัดกรองมาแล้วว่าดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคม และบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล โดยจะประกาศผลในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี 

3 ด่านคัดกรอง ก่อนประตูสู่ทำเนียบหุ้นยั่งยืน

บริษัทที่จะได้อยู่ในทำเนียบหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ต้องผ่านเกณฑ์คัดกรองถึง 3 ด่าน

• ด่านแรก คือ เกณฑ์คัดกรองเบื้องต้น เช่น ไม่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ไม่ถูกขึ้น SP จากการส่งงบล่าช้า หรือไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB, CS, CC และ CF ฯลฯ
• ด่านที่ 2 คือ เกณฑ์คะแนนจากแบบประเมิน โดยบริษัทต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 50% ในแต่ละมิติ E S G 
• ด่านที่ 3 คือ เกณฑ์คุณสมบัติของบริษัท ซึ่งจะพิจารณาตลอดกระบวนการ หากไม่เป็นไปตามคุณสมบัติจะถูกคัดออกจาก SET ESG Ratings ระหว่างปีได้ เช่น ไม่เป็นบริษัทที่ส่งงบการเงินล่าช้า ไม่ถูกทางการตัดสินความผิดในประเด็นด้าน ESG และต้องมีกำไรสุทธิอย่างน้อย 3 ใน 5 ปี ฯลฯ 

บริษัทที่สามารถผ่านด่านทั้งหมดนี้จึงจะได้เป็นหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ซึ่งแบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่ AAA (90-100 คะแนน), AA (80-89 คะแนน), A (65-79 คะแนน) และ BBB (50-64 คะแนน) 

หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ถือเป็นตัวช่วยสร้างความน่าสนใจให้บริษัทในสายตาของนักลงทุน ทำให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับนักลงทุนใช้เปรียบเทียบการดำเนินงาน ESG ของแต่ละบริษัท เพื่อประกอบการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุน สะท้อนได้จากเม็ดเงินลงทุนด้าน ESG ในไทยกว่า 1.6 แสนล้านบาทที่นำ SET ESG Ratings ไปใช้เป็นเกณฑ์หนึ่งในการลงทุน เช่น กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท และกองทุน ThaiESG กว่า 51 กองทุน มูลค่ารวมราว 14,545 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567) 

หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ปี 2567 ทำสถิติ New High ถึง 228 บริษัท

หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 มีด้วยกันทั้งสิ้น 228 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 37 บริษัท ทำให้หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 สร้างสถิติสูงสุดครั้งใหม่ (New High) ให้นักลงทุนได้จับจังหวะลงทุนใหม่ๆ ด้วยตัวเลือกใหม่ สอดคล้องกับจำนวนบริษัทที่สมัครใจเข้าร่วมการประเมินเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแตะ 320 บริษัทเป็นครั้งแรกในปีนี้

หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ทั้งหมดนี้แบ่งเป็นระดับ AAA จำนวน 56 บริษัท, ระดับ AA จำนวน 80 บริษัท, ระดับ A จำนวน 71 บริษัท และระดับ BBB จำนวน 21 บริษัท โดยสถิติที่น่าสนใจก็คือ ปี 2567 ระดับที่มีจำนวนบริษัทเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือกลุ่ม AAA จากเดิมมีเพียง 33 บริษัท กลายเป็น 56 บริษัทในปีนี้ 

นอกจากนี้หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ยังกระจายอยู่ในทั้ง 8 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยมีกลุ่มธุรกิจบริการมากที่สุดถึง 43 บริษัท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ที่กลุ่มละ 34 บริษัท

ทั้งนี้ ในการจัดทำ SET ESG Ratings ประจำปี 2567 มีบริษัทที่สมัครเข้าร่วมประเมินเป็นปีแรกและติดอยู่ในทำเนียบ SET ESG Ratings ทันทีจำนวน 55 บริษัท สะท้อนว่าบริษัทจดทะเบียนไทยกำลังเร่งปรับตัวและยกระดับ ESG อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ทั่วโลกที่เริ่มกลายเป็นกฎเกณฑ์ และนักลงทุนกำลังมองหาเพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน

เปิดจุดแข็งหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ปี 2567

เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings พบว่า ทุกบริษัทกำลังเร่งปรับตัวใน 3 เรื่องสำคัญ ดังนี้

• วิเคราะห์ประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ (Materiality) แบบชัดๆ 

ทุกบริษัทเน้นเปิดเผยกระบวนการวิเคราะห์และระบุประเด็นที่เป็นสาระสำคัญด้านความยั่งยืน โดยเทียบประเด็นกับเป้าหมาย Sustainable Development Goals (SDGs) พร้อมระบุว่า แต่ละประเด็นมีผลกระทบอะไรต่อธุรกิจและธุรกิจวางกลยุทธ์หรือแผนธุรกิจมาจัดการกับประเด็นเหล่านั้นอย่างไร โดยมักตั้งเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน 

• ลูกค้ายังสำคัญเสมอ 

ทุกบริษัทเน้นเรื่องการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยกำหนดเป้าหมายในการรักษาและพัฒนาความพึงพอใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นำผลการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าไปพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงกระบวนการทำงานของบริษัท มุ่งสร้างการเติบโตในระยะยาว 

• เน้นหัวใจสีเขียว


บริษัทส่วนใหญ่เน้นเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมักกำหนดและเปิดเผยเป้าหมายในการลดการใช้ทรัพยากร เช่น การใช้ไฟฟ้า การใช้น้ำ และการลดการปล่อยของเสีย โดยดำเนินโครงการที่ให้พนักงานมีส่วนร่วม รวมถึงจัดตั้งหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบงานด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 

อย่างไรก็ดี บริษัทจดทะเบียนยังควรพัฒนาเพิ่มเติมเรื่องการจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการจัดหาวัตถุดิบหรือบริการที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ การสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน 

หมายเหตุ:

ผู้ลงทุนสามารถดูผลประเมิน SET ESG Ratings ปี 2567 ได้ที่: https://setsustainability.com//libraries/1258/item/set-esg-ratings