“คุณมาจากไหน? ไทยแลนด์? โอ้ ขอต้อนรับสู่รัสเซีย!”
แฟนบอลรัสเซียคนหนึ่งได้เดินเข้ามาทักทายเราก่อนเกมฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะเริ่มต้นขึ้น บรรยากาศที่เป็นมิตรและอบอุ่นแบบนี้เป็นสิ่งที่เราได้เห็นมาตลอดทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกครั้งนี้จากเจ้าภาพรัสเซีย แต่ในใจของทีมงานก็มีความกังวลเกิดขึ้นเล็กน้อยว่า หากพวกเขาโดนแชมป์โลก 2010 สเปนถล่มในเกมนี้จะเกิดอะไรขึ้นหลังจบการแข่งขัน
เราออกเดินทางสู่สนาม Luzhniki Stadium เพื่อร่วมสัมผัสบรรยากาศโดยรอบของ การแข่งขันรอบน็อกเอาต์ ซึ่งแฟนบอลจำนวนมากเดินทางมาในวันนี้ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ได้เดินทางไปที่ Fan Fest ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะคึกคักไม่แพ้กับบรรยากาศภายในสนามเลยทีเดียว
การรับชมการแข่งขันเป็นไปอย่างคึกคักในครึ่งแรก โดยเฉพาะ 2 ประตูที่เกิดขึ้นในเกมนี้ที่มาจากความผิดพลาดของกองหลังทั้งสองทีม ไม่ว่าจะเป็นจังหวะทำเข้าประตูตัวเองของกองหลังรัสเซีย และจังหวะแฮนด์บอลของ เคราร์ด ปิเก กองหลังทีมชาติสเปนที่นำไปสู่การเสียจุดโทษ
พวกเขาเสมอกันในเวลา 90 นาทีด้วยสกอร์นั้น และทำให้หลายฝ่ายเริ่มบ่นว่านี่เป็นหนึ่งในเกมที่น่าเบื่อที่สุดที่เคยดูมา เนื่องจากการแข่งขันเป็นขั้นตอนเดิมตลอด สเปนครองบอล สเปนเสียบอล รัสเซียพยายามโต้กลับ รัสเซียส่งบอลพลาด และทุกอย่างก็จะกลับไปเริ่มต้นที่ข้อแรกใหม่
แต่สุดท้ายสิ่งที่แฟนบอลรัสเซียรอคอยก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาเข้าสู่การดวลจุดโทษและเป็น อิกอร์ อคินเฟเยฟ ผู้รักษาประตูและกัปตันทีมที่ช่วยเซฟลูกสำคัญในระหว่างการแข่งขัน 90 นาที และช่วยเซฟจุดโทษไปอีก 2 ครั้งจบ ส่งรัสเซียเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
เสียงแตรเฉลิมฉลองเริ่มต้นขึ้นในทันที และบรรดาแฟนบอลเริ่มต้นร้องเพลงฮิตประจำทัวร์นาเมนต์ที่แฟนบอลเกือบทุกชาติร้องได้หมด เนื่องจากมีเนื้อร้องเพียงแค่ Russia Russia Russia
“เราไม่สนใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เรามีความสุขมากในเวลานี้” เป็นเสียงของแฟนบอลกลุ่มหนึ่งที่เดินเฉลิมฉลองชัยชนะอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนจะตัดสินใจมาเปิดใจถึงความรู้สึกในค่ำคืนนี้กับทีมงาน THE STANDARD
ทั้งเสียงแตรรถยนต์ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และการเดินเข้ามาถ่ายรูปกับทีมงาน THE STANDARD บ่งบอกได้ถึงความสุขที่แฟนบอลเจ้าภาพได้รับในวันนี้ แต่หากจะมองลึกลงไปในความรู้สึกของพวกเรา THE STANDARD ย้อนไปถึงวันที่มีโอกาสได้สัมภาษณ์แฟนบอลชาวอียิปต์ถึงความรู้สึกที่พวกเขามีต่อ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ที่แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยผลงานรองแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และ 44 ประตูให้กับลิเวอร์พูล สโมสรต้นสังกัด
“ซาลาห์คือบทพิสูจน์ว่าชาวอียิปต์มีความสามารถและศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างความโดดเด่นในเวทีโลกได้” และนั่นคือคำนิยามความรู้สึกของแฟนบอลที่มีต่อความสำเร็จของคนจากประเทศที่สามารถสร้างความภาคภูมิใจในการเป็นคนจากประเทศนั้น
ไม่ต่างกันในวันนี้ที่รัสเซีย ก่อนเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์มีหลายคนกังวลว่าการร่วมกลุ่มกับทีมอย่างอุรุกวัย อียิปต์ และซาอุดีอาระเบีย รวมถึงศักยภาพของทีมที่อาจไม่มีสตาร์ดังคับทีมเหมือนอาร์เจนตินา, สเปน, โปรตุเกส หรือเยอรมนี อาจจะทำให้พวกเขาไม่สามารถออกจากรอบแบ่งกลุ่มได้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถกลายเป็น 1 ใน 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลกที่พวกเขาได้เป็นเจ้าภาพครั้งแรก ซึ่งนอกจากผลงานในสนามแล้ว แฟนบอลต่างก็ออกปากชมการเป็นเจ้าภาพของประเทศรัสเซียที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
ทำให้มั่นใจได้ว่าความสุขที่พวกเขามีในวันนี้ หนึ่งในความรู้สึกนั้นย่อมมีทั้งความภาคภูมิใจในการเป็นชาวรัสเซียไม่มากก็น้อย