สถานการณ์ไฟป่าในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ถือเป็นเหตุไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง ส่งผลให้มีผืนป่าถูกเผาทำลายไปแล้วหลายหมื่นไร่ และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 คน
โดยไฟป่าเกิดขึ้นอย่างน้อย 7 จุด รอบลอสแอนเจลิสและหลายเมืองเล็ก จนถึงขณะนี้สามารถควบคุมไปได้เพียง 2 จุด เหลืออีก 5 จุดที่ยังคงไหม้ลามอย่างรวดเร็วและรุนแรง ท่ามกลางกระแสลมกระโชกและสภาพอากาศแห้งจัดที่ส่งผลให้การควบคุมเพลิงทำได้ยากลำบาก
ขณะที่ชาวบ้านในหลายพื้นที่ประสบภัยต้องเก็บข้าวของอพยพหนีตาย หลายคนไม่คิดว่าไฟป่าที่เกิดขึ้นแทบทุกปีจะกลายเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงจนทำให้พวกเขาต้องสูญเสียบ้านเรือน ทรัพย์สิน และชีวิตของคนหรือสัตว์ที่รัก
และนี่คือเรื่องราวบางส่วนจากผู้รอดชีวิตจากวิกฤตไฟป่าครั้งนี้ ซึ่งบางคนเปรียบสภาพป่าและเมืองที่ถูกเผาทำลายราวกับ ‘พื้นที่สงคราม’
ไม่เหลืออะไรเลย
ท้องฟ้าสีแดงอมส้มและเถ้าถ่านจากเปลวเพลิงที่ล้อมนครลอสแอนเจลิส เปลี่ยนสภาพบ้านเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เมืองแห่งนางฟ้า’ (The City of Angels) ให้กลายเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอันน่าสลดใจ บ้านเรือนหลายชุมชนถูกไฟป่าเผาทำลายวอดจนเหลือเพียงซาก กลายเป็นภาพที่สร้างความโศกเศร้าและสะเทือนใจแก่ชาวเมืองที่รอดชีวิต หลายคนเหมือนกับ ‘ตายทั้งเป็น’ จากความสูญเสียที่เผชิญ
ในบรรดาผู้คนนับแสนที่ต้องอพยพทิ้งบ้านเรือนอย่างกะทันหัน นิกกี ริฟกิน (Nikki Rifkin) ชาวบ้านในชุมชนแปซิฟิกพาลิเซดส์ (Pacific Palisades) ซึ่งเป็นชุมชนริมทะเลที่อยู่ห่างจากใจกลางนครลอสแอนเจลิสไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 32 กิโลเมตร กล่าวว่า สิ่งที่เขาเหลือติดตัวมีเพียงเสื้อผ้าที่ใส่อยู่และข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ที่คว้าออกมาได้ระหว่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
“คุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้าวันหนึ่งและทุกอย่างก็ปกติดี แต่คุณต้องเข้านอนในคืนนั้นโดยไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย”
ชอน (Shaun) หนึ่งในชาวบ้านย่านนี้ นั่งจ้องมองซากปรักหักพังของบ้านริมน้ำของเขาและเพื่อนบ้าน ก่อนจะให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นทั้งน้ำตาว่า “ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ”
“ดาวอังคารน่าจะอยู่อาศัยได้ดีกว่าที่นี่ตอนนี้ มันบ้ามาก ผมขอโทษนะ แต่เรื่องนี้มันยากจริงๆ ผมหมายถึงว่าผู้คนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง”
แอนโทนี มาร์โรน หัวหน้าหน่วยดับเพลิงของเทศมณฑลลอสแอนเจลิส กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อเช้าวันพฤหัสบดี (9 มกราคม) ที่ผ่านมาว่า จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นในแปซิฟิกพาลิเซดส์ น่าจะมีบ้านเรือนหลายพันหลังถูกเผาทำลาย
โดยไฟป่าพาลิเซดส์ (Palisades Fire) เป็นไฟป่าขนาดใหญ่ที่สุดและรุนแรงที่สุดจากทั้งหมด 7 จุด ที่เริ่มไหม้ขึ้นตั้งแต่ช่วงวันอังคาร (7 มกราคม) และวันพุธ (8 มกราคม) ที่ผ่านมา โดยไหม้ลามรวดเร็วจากเริ่มต้นไม่กี่สิบไร่กลายเป็นหลายพันไร่ภายในไม่กี่ชั่วโมง และล่าสุดมากกว่า 50,000 ไร่แล้วเฉพาะจุดนี้
ราวกับพื้นที่สงคราม
อีกจุดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบรุนแรงเช่นกันคือ ไฟป่าอีตัน (Eaton Fire) ที่เกิดไฟป่าตั้งแต่บริเวณหุบเขาอีตัน (Eaton Canyon) ซึ่งอยู่ในพื้นที่เชิงเขาซานกาเบรียล (San Gabriel) ห่างจากนครลอสแอนเจลิสไปทางเหนือ ต่อเนื่องไปจนถึงเมืองแพซาดีนา
เควิน วิลเลียมส์ (Kevin Williams) ชาวเมืองอัลตาเดนา (Altadena) ในพื้นที่ภูเขาซานกาเบรียล บรรยายความน่ากลัวของไฟป่าครั้งเลวร้ายนี้ว่าเปรียบเสมือนกับ ‘พื้นที่สงคราม’
“ลมกระโชกแรงขึ้น เปลวไฟลอยสูงประมาณ 9-12 เมตร และคุณจะได้ยินเสียงไฟที่ปะทุขึ้นมา มันฟังราวกับเสียงในพื้นที่สงคราม”
กระแสลมกระโชกแรง ส่งผลให้เปลวเพลิงไหม้ลามอย่างรวดเร็วจนยากจะคาดเดา โดยก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายจนต้องอพยพหนีตาย วิลเลียมส์ยังบอกกับครอบครัวว่า “ไม่ต้องกังวล” และมั่นใจว่าจุดที่เกิดไฟป่ายังห่างไกลและไม่มีทางที่ไฟจะลุกลามมาถึง แต่ท้ายที่สุดมันก็ไหม้ลามมาถึงจริงๆ
ผู้อพยพหลายร้อยคนในชุมชนเดียวกับวิลเลียมส์หนีไปอยู่ในศูนย์ประชุมเมืองแพซาดีนา (Pasadena) ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นค่ายอพยพชั่วคราว โดยหลายคนหลับนอนในผ้าห่มที่หน่วยงานกาชาดมอบให้ ขณะที่อาสาสมัครนำน้ำและกล้วยแจกเป็นอาหารให้ผู้อพยพ
ฟรานเซส โคเลลลา (Frances Colella) หญิงเกษียณอายุวัย 71 ปี กล่าวขณะนั่งรถเข็นพักผ่อนกับผู้อพยพคนอื่นๆ อีกหลายสิบคน โดยเล่าว่าเธอและชาวบ้านในพื้นที่ต่างเคยเผชิญไฟป่ามาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนี้
โดยเธอพาสามีและสุนัข 3 ตัวหนีไปยังบ้านแม่วัย 104 ปี ในชานเมืองลาแคนาดาฟลินทริดจ์ (La Canada Flintridge) ที่อยู่ใกล้เคียง แต่กลับพบว่าไฟไหม้ลามมาอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาต้องอพยพอีกครั้งไปยังเมืองแพซาดีนา
“เป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้ามาก และฉันจำไม่ได้ว่าเคยเกิดอะไรแบบนี้”
โทมัส ฮัตชินสัน (Thomas Hutchinson) ชายพิการวัย 66 ปี ซึ่งอาศัยอยู่เชิงเขาซานกาเบรียล กล่าวว่า สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้คือเห็นควันในบ้านของเขา ก่อนที่หน่วยบริการฉุกเฉินจะแจ้งเตือนให้อพยพผ่านโทรศัพท์มือถือ
ฮัตชินสันรีบโทรหาสายด่วนฉุกเฉิน 911 แต่ได้รับแจ้งว่าไม่มีใครช่วยเขาได้ โชคดีที่มีรถพยาบาลวิ่งผ่านถนนของเขาและพาเขาไปยังที่ปลอดภัย ขณะที่ฮัตชินสันเฝ้าดูบ้านเรือนรอบๆ ถูกไฟไหม้ ซึ่งความกังวลเพียงอย่างเดียวของเขาคือการช่วยเหลือ รัสตี้ สุนัขสีน้ำตาลที่เขารักมาก
“ผมคงจะอยู่ที่นั่นถ้าพวกเขาไม่อนุญาตให้พารัสตี้ไป ผมจะไม่ไปไหนถ้าไม่มีเขา”
ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านหลายคนยังคงพยายามมองสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในแง่บวก
โดย มาร์ก ไซมิงตัน (Mark Simington) ชาวเมืองอัลตาเดนาที่สูญเสียบ้านของเขาจากไฟป่า กล่าวอย่างมีกำลังใจว่า “สิ่งของทั้งหมดที่นี่สามารถทดแทนได้ แต่ผู้คนไม่สามารถทดแทนได้”
ขณะที่ คาเมรอน แมทธิสัน (Cameron Mathison) นักแสดงของสถานีโทรทัศน์ ABC โพสต์วิดีโอบนอินสตาแกรม ซึ่งแสดงให้เห็นบ้านแสนสวยของเขาที่อยู่ในชุมชนแปซิฟิกพาลิเซดส์มา 13 ปี ตอนนี้พังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังและเศษซากไหม้เกรียม
โดยระหว่างการสัมภาษณ์ในรายการ Good Morning America ของสถานีโทรทัศน์ ABC เช้าวานนี้ แมทธิสันกล่าวว่า “แม้ว่าผมและครอบครัวจะเสียใจกับการสูญเสียบ้าน แต่ผมก็รู้สึกขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่”
ภาพ: David Swanson / Reuters
อ้างอิง: