×

YOASOBI วงดูโอ้ป๊อปสัญชาติญี่ปุ่นที่ปลุกกระแส J-Pop ให้โด่งดังระดับโลก

31.12.2024
  • LOADING...
YOASOBI

ในช่วงเวลานี้ดนตรี J-Pop เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการคอนเสิร์ตไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ศิลปินหลายคนต่างเดินทางมาจัดงานโชว์เคสที่กรุงเทพฯ มาร่วมงานโปรโมตกิจกรรมเกี่ยวกับญี่ปุ่น หรือแม้แต่จัดคอนเสิร์ตเดี่ยวในประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือวงดูโอ้ป๊อป ‘YOASOBI’ ที่แฟนเพลงตั้งตารอคอยกันมาอย่างยาวนานก็จะมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย กับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกในเดือนมกราคม 2025 ด้วย

 

สำหรับแฟนเพลง J-Pop ก็คงจะคุ้นเคยและทราบกันดีว่าวง YOASOBI มีชื่อเสียงทั้งในญี่ปุ่น ต่างประเทศ และในประเทศไทย แต่สำหรับคนที่เป็นแฟนเพลงขาจรหรือเคยเล่นโซเชียลมีเดีย เราเชื่อว่าแม้คุณไม่รู้จักชื่อของ YOASOBI แต่คุณน่าจะเคยได้ยินเพลงเดบิวต์แจ้งเกิดของพวกเขาอย่างเพลง Yoru ni Kakeru หรืออาจจะเป็นเพลง たぶん (Tabun) บน TikTok เพราะเพลงนี้ถูกนำไปประกอบเทรนด์ฟิลเตอร์ AI Manga ที่เปลี่ยนภาพของเราให้เป็นภาพวาดในมังงะ ซึ่งเพลงนี้ก็ฮิตมากจนมีคนใช้แผ่นเสียงกว่า 11 ล้านครั้งด้วย

 

ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ก็น่าจะบ่งบอกได้ว่า YOASOBI เป็นวงที่มีผลงานเพลงเป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในระดับสากล ดังนั้นก่อนที่เราจะได้ไปคอนเสิร์ตของพวกเขาในเดือนมกราคมนี้ THE STANDARD POP อยากชวนคุณมาทำความรู้จักพวกเขาในอีกหลายแง่มุม เริ่มจากความหมายของชื่อวง สไตล์ดนตรี แรงบันดาลใจในการทำงาน ไปจนถึงเรื่องราวเบื้องหลังแฟชั่นสุดนอกกรอบของพวกเขา

 

ภาพ: yoasobi_staff_ / Instagram

 

Who is YOASOBI?

 

YOASOBI มีสมาชิกหลัก 2 คนก็คือ Ayase (อายาเสะ) และ Lilas Ikuta หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ikura (อิคุระ) ซึ่งทั้งสองคนไม่ได้เป็นเพื่อนหรือรู้จักกันมาก่อน แต่พวกเขาเพิ่งมาทำความรู้จักกันจากการฟอร์มวงของค่าย Sony Music Entertainment (Japan) ซึ่งอายาเสะจะรับหน้าที่ส่วนของการแต่งเพลงและทำดนตรี ส่วนอิคุระจะเป็นนักร้องนำ

 

ก่อนหน้านี้อายาเสะทำวงของตัวเองกับเพื่อนๆ สมัยมัธยมด้วยชื่อ Davinci ก่อนที่จะพักวงไปเมื่อปี 2018 เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ (ปัจจุบันยุบวงแล้วเมื่อปี 2020) และในช่วงเวลาที่อายาเสะรักษาตัวนี้เอง เขาเริ่มทำความรู้จักกับซอฟต์แวร์ทำเพลง VOCALOID (เสียงเพลงร้องสังเคราะห์) เขาก็ทำเพลงออกมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าอายาเสะก็แจ้งเกิดจากการโปรดิวซ์เพลง ラストリゾート (Last Resort) ที่เขาใช้เสียงของโวคาลอยด์ชื่อดังอย่างตัวละคร Hatsune Miku ในที่สุดแล้วสิ่งเหล่านี้ก็นำพาโอกาสมาให้เขาเซ็นสัญญากับ Sony Music Entertainment (Japan)

 

เมื่ออายาเสะมาเป็นศิลปินในสังกัดของ Sony Music Entertainment (Japan) เขาก็เริ่มทำเพลงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนวนิยายบนเว็บไซต์ชื่อว่า Monogatary ทว่าเมื่อเขาเป็นคนทำดนตรีมากกว่าร้องเพลง เขาจึงมองหาคนที่จะมาร้องเพลงให้ จนไปเจออิคุระที่ร้องเพลงคัฟเวอร์บน Instagram เขาจึงทาบทามให้เธอมาร้องเพลงและฟอร์มวงเป็น YOASOBI ที่สมบูรณ์ในที่สุด

 

ภาพ: yoasobi_staff_ / Instagram

 

From Novel to Music

 

ชื่อวง YOASOBI มีความหมายสื่อถึง ‘ความสนุกในยามค่ำคืน’ เพราะอายาเสะเลือกเปรียบเทียบงานเดี่ยวของแต่ละคนเป็นเวลากลางวัน แต่สำหรับงานวงดูโอ้ของ YOASOBI ที่มีความสนุกสนานจะเป็นเวลากลางคืน และพวกเขาก็จะเน้นทำเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากนิยายให้กลายเป็นบทเพลง ซึ่งด้วยการวางทิศทางของวงให้เป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงมีโอกาสได้ร่วมสร้างคอลลาบอเรชันกับเหล่านักเขียนเจ้าของรางวัลวรรณกรรมญี่ปุ่น (Naoki Prize) โดยนำวรรณกรรมที่ชนะมาทำเป็นเพลง และปล่อยอีพีอัลบั้มนี้ในชื่อว่า Hajimete no – EP เมื่อปี 2023

 

อย่างไรก็ดี อายาเสะก็เคยพูดว่า แม้ส่วนมากเพลงของพวกเขาจะมาจากวรรณกรรม แต่ก็มีหลายเพลงที่ไม่ได้มาจากวรรณกรรม แต่มาจากเรื่องราวที่พวกเขาเจอ เช่น อนิเมะ ภาพยนตร์ สิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือแม้แต่จดหมายจากแฟนเพลงก็ตาม เพราะทุกอย่างที่อยู่รอบตัวสามารถกลายเป็นเพลงได้ทั้งหมด

 

 

Musical Influences

 

สำหรับเรื่องดนตรี พวกเขาเป็นวง J-Pop ที่ผสมผสานทั้งความป๊อป แดนซ์ ร็อก และอิเล็กทรอนิกส์ เข้าด้วยกัน ซึ่งจะให้กลิ่นอายที่มีชีวิตชีวาเหมือนกับเพลงประกอบอนิเมะ เนื่องจากตัวอายาเสะก็ชอบดนตรีของโวคาลอยด์ที่มีความเป็นอิเล็กทรอนิกส์ ผนวกรวมกับการที่เขาก็ได้รับอิทธิพลทางดนตรีมาจากวงระดับตำนานของ J-Pop วงที่ทำเพลงประกอบอนิเมะญี่ปุ่น และวงร็อกระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น EXILE, Sukima Switch, RADWIMPS, Slipknot, Bring Me The Horizon หรือ Post Malone 

 

ในขณะที่อิคุระก็เติบโตมากับเพลงของ Taylor Swift และเพลงของ Disney Channel เพราะเธอเคยอยู่อเมริกาจนถึง 3 ขวบ ดังนั้นช่วงเวลาที่เติบโตมาก็จะเริ่มต้นจากดนตรีตะวันตกเป็นหลัก และคุณพ่อของเธอก็สอนให้เธอเล่นกีตาร์ด้วย สิ่งนี้จึงทำให้เธอสนใจดนตรีโฟล์ก-คันทรี และเมื่อโตมาเธอก็ชื่นชอบการร้องเพลง ดังนั้นน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอก็เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้เพลงของ YOASOBI สมบูรณ์มากขึ้นเช่นกัน

 

ฉะนั้นแล้วด้วยอิทธิพลของดนตรีหลายๆ อย่างที่ทั้งสองคนสนใจ ทำให้ผลงานเพลงของ YOASOBI เป็นดนตรีที่มีความสดใหม่และสามารถทำให้ผู้ฟังได้รับพลังงานที่สนุกสนานตามไปด้วย

 

ในบางครั้งผลงานเพลง YOASOBI ก็มีเนื้อหาสุดดาร์กที่พูดถึงความตายจนต้องขึ้นคำเตือนก่อนฟัง แต่พวกเขากลับทำให้มันขัดแย้งด้วยเสียงดนตรีที่แสนสดใส สิ่งนี้ยิ่งทำให้งานเพลงของพวกเขาน่าค้นหา มีความลึกซึ้ง และมีชั้นเชิงมากขึ้น ซึ่งเพลงนั้นก็คือเพลง 夜に駆ける (Yoru Ni Kakeru / Racing Into The Night เพลงสุดดาร์กที่กลายเป็นผลงานแจ้งเกิดของพวกเขาในยุคโควิด ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แม้ตอนนั้นจะยังไม่มีซีดีเพลงปล่อยออกมา แต่เพลงนี้สามารถขึ้นชาร์ต Billboard Japan Hot 100 ติดต่อกันถึง 6 สัปดาห์ด้วย

 

 

นอกจากนี้แล้วการที่วงให้ความสำคัญกับงานวิชวลมิวสิกวิดีโอด้วยแอนิเมชัน ก็ยิ่งทำให้พวกเขามีโอกาสทำเพลงประกอบให้กับอนิเมะญี่ปุ่นหลายเรื่อง ซึ่งอายาเสะเผยว่า การเล่าด้วยภาพแนวอนิเมะมีผลกับเพลงพวกเขามาก เพราะภาพช่วยเสริมดนตรีได้ดี และเมื่อพวกเขาได้ร่วมงานกับทีมแอนิเมชัน ก็ทำให้ผลงานของ YOASOBI กับโลกอนิเมะสะท้อนกันและกันด้วยว่าคนทำเพลงและคนทำภาพมองผลงานเหล่านี้ด้วยมุมมองไหน

 

YOASOBI’s Style

 

YOASOBI ไม่ใช่วงที่ทำเพลงมาเพื่อให้คนฟังอย่างเดียว แต่พวกเขายังทำให้คนฟัง ‘เห็น’ และ ‘รู้สึก’ ไปกับเพลงด้วย ดังนั้นแฟชั่นก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญ เพราะมันช่วยทำให้ผู้ชมเห็นภาพดนตรีชัดเจนมากขึ้น ทั้งทรงผมของอิคุระ ชุดของศิลปินทั้งสองคน หรือดีเทลต่างๆ ล้วนผ่านการคิดและวางแผนมาแล้วจากศิลปินและทีมงานสไตลิสต์ ร่วมด้วยสไตล์ความหัวขบถของอายาเสะและอิคุระก็ช่วยเสริมกันและกันอย่างลงตัวด้วย

 

“เราชอบการเชื่อมโยงแฟชั่นเข้ากับดนตรีของเรา” นั่นเป็นสิ่งที่อายาเสะเคยกล่าวไว้ ดังนั้นเสื้อผ้าของพวกเขาจึงมักจะมีลูกเล่นต่างๆ ที่ยึดโยงมาจาก 3 แนวคิดหลัก คือ ‘หรูหรา กรันจ์ และอิเซไก (ความเป็นต่างโลก)’ 

 

คีย์เวิร์ดเหล่านี้สะท้อนออกมาผ่านเสื้อผ้าหลากหลายดีเทลที่ซับซ้อนและสวยงามเหมือนกับงานศิลปะและโลกอนิเมะ ไม่ว่าจะด้วยแจ็กเก็ตสตรีทแวร์ปักลูกไม้ เสื้อผ้ารีไซเคิลที่มีเนื้อผ้าหลายสัมผัส เสื้อผ้าที่ร่วมงานกับศิลปินท้องถิ่นในแต่ละที่ที่พวกเขาไปแสดงโชว์ และสไตล์ของอิคุระก็จะเท่ไปอีกระดับด้วยการใส่แว่นตาสุดเก๋ ทำทรงผมมัดแกละสองข้างหรือถักเปียที่มีลูกเล่นประดับโบหรือลูกปัด เพื่อให้เธอดูโดดเด่น แต่ก็ต้องไม่รบกวนการแสดงของเธอด้วย 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอายาเสะจะคิดว่าตัวเขาเป็นนักดนตรีที่อยู่ด้านหลัง สปอตไลต์ควรจะส่องไปที่อิคุระเป็นหลัก แต่ก็ต้องบอกว่าเขาเองก็มีมุมมองแฟชั่นที่น่าสนใจ เพราะเขาคิดว่าตัวเองมีวิธีการแต่งตัวแบบผู้ชายสูงวัย เพราะผู้ชายสูงวัยแต่งตัวเพื่อความพอใจของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นประทับใจ ซึ่งเขาก็ให้ความเห็นกับแฟชั่นชายสูงวัยของเขาว่า “นี่คือเป้าหมายสูงสุดของแฟชั่น ก็คือการแต่งให้ตัวเองพอใจ”

 

ภาพ: Ikura / Summer Sonic Bangkok 2024

 

The Success of YOASOBI

 

YOASOBI มียอดขายอัลบั้มได้นับแสนแผ่นในทุกๆ อัลบั้มที่ปล่อย ยอดสตรีมมิ่งเพลงก็มีอีกนับไม่ถ้วน และความสำเร็จนี้ค่อยๆ ขยับขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเขากลายเป็นวงเปิดให้ Coldplay ตอนที่วงมาเล่นในญี่ปุ่น และกระแสความโด่งดังจากญี่ปุ่นก็มุ่งไปสู่ต่างประเทศ และในที่สุด YOASOBI กลายเป็นศิลปินชาวญี่ปุ่นที่มีคนฟังนอกประเทศญี่ปุ่นมากที่สุดบน Spotify ตั้งแต่ปี 2021-2023 

 

นอกจากนี้ YOASOBI ยังเริ่มสร้างฐานแฟนคลับต่างชาติมากขึ้นด้วยการไปเล่นคอนเสิร์ตต่างประเทศ โดยครั้งแรกที่พวกเขาก้าวไปสู่เทศกาลดนตรีต่างประเทศคืองาน Head in the Clouds 2022 ที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งแฟนเพลงของพวกเขาทั่วเอเชียต่างก็พูดถึงโชว์ครั้งนั้นกันอย่างถล่มทลายบนโซเชียลมีเดีย และหลังจากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นศิลปินระดับโลกที่ปรากฏตัวในงานเทศกาลดนตรีมากมายไม่ว่าจะเป็น Coachella, Clockenflap, Lollapalooza รวมทั้ง Summer Sonic Bangkok เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

 

อิคุระเคยพูดถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับ Crunchyroll ว่า “เรารู้ว่าพวกเราเป็นศิลปิน J-Pop เนื้อเพลงก็เป็นภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นเมื่อรับรู้ว่าเพลงภาษาญี่ปุ่นที่พวกเราภูมิใจนั้นมีคนฟังมากมาย ซึ่งไม่ใช่แค่คนญี่ปุ่น แต่เป็นคนทั่วโลก แล้วก็ยังติดชาร์ตอีก ก็ทำให้เราภูมิใจมากๆ ในฐานะศิลปินญี่ปุ่น และสิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกมั่นใจในตัวเองว่าเราก็สามารถประสบความสำเร็จในระดับโลกด้วยเช่นกัน”

 

ภาพ: yoasobi_staff_ / Instagram

 

YOASOBI จะมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งในวันที่ 25-26 มกราคม 2025 ด้วยคอนเสิร์ต YOASOBI ASIA TOUR 2024-2025 BANGKOK ณ BITEC Live ใครที่อยากไปชมการแสดงของพวกเขาว่าจะสนุกสุดเหวี่ยงขนาดไหน เตรียมตัวไปพิสูจน์ด้วยตัวเองกันได้เลยเร็วๆ นี้!

 

Cover Image: Matt Jelonek / Getty Images 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising