×

ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ‘พันธุ์อาจ’ พรรคประชาชนได้เบอร์ 1 ‘พิชัย’ เพื่อไทยคว้าเบอร์ 2

โดย THE STANDARD TEAM
23.12.2024
  • LOADING...
นายก อบจ.เชียงใหม่

วันนี้ (23 ธันวาคม) ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เห็นชอบให้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยจะประกาศวันรับสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 23-27 ธันวาคม 2567 และกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568

 

ทั้งนี้ บรรยากาศการรับสมัครวันแรกเต็มไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนและผู้สนับสนุนทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนส่งเสียงเชียร์อย่างต่อเนื่อง 

 

เวลา 09.00 น. เริ่มจับหมายเลขผู้สมัคร พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ในนามพรรคประชาชนได้เบอร์ 1 ส่วน พิชัย เลิศพงศ์อดิศร (สว. ก๊อง) ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ในนามพรรคเพื่อไทยได้เบอร์ 2 

 

พิชัยให้สัมภาษณ์ถึงศึกเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ว่าชาวเชียงใหม่จะให้โอกาสกลับมารับตำแหน่งอีกครั้งหรือไม่ โดยระบุว่า ตามกฎหมายในขณะนี้ดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย ตนมีความมั่นใจในตัวเองและทีมงานสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) 42 คน ทั้งหมด 25 เขต

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะรุนแรงหรือไม่ เพราะเป็นการสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน พิชัยกล่าวว่า การเลือกตั้งไม่ใช่ความรุนแรง แต่เป็นการเสนอตัวต่อประชาชนทั้งนโยบายและผลงานที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร คิดว่าไม่ใช่เรื่องของความรุนแรง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ลงมาช่วยทั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. จะเพิ่มความมั่นใจให้กับชาวเชียงใหม่หรือไม่ พิชัยกล่าวว่า เป็นสิ่งดี เมื่อ 4 ปีที่แล้วตนสมัครนายก อบจ. ในนามพรรคเพื่อไทย ทักษิณอยู่ต่างประเทศก็เขียนจดหมายมาเชียร์ 

 

แต่วันนี้ทักษิณพร้อมที่จะช่วยตนหาเสียงทุกอำเภอ ถือว่าเป็นเรื่องดี เป็นข่าวดีสำหรับประชาชนคนเชียงใหม่ เพราะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีฝีมือการบริหารเป็นที่ประจักษ์ และทักษิณเป็นคนเชียงใหม่ เป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย 

 

“ปกติตนมั่นใจ 100% นี่ยิ่งมั่นใจเป็น 1,000,000%” พิชัยกล่าว

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่เบอร์ผู้สมัครนายก อบจ. และ ส.อบจ. ไม่ตรงกันกังวลหรือไม่ พิชัยกล่าวว่า ส่วนตัวไม่กังวล เพราะ ส.อบจ. แต่ละเขตมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ ทุกคนต้องอยู่ในพื้นที่ และ ส.อบจ. ของตนที่อยู่ในสังกัดพรรคเพื่อไทย ทุกคนอยู่ในพื้นที่และลงพื้นที่มาตลอด 4-5 ปี ไม่ใช่ลงเพียง 1-2 วัน มั่นใจว่า 42 เขต เราจะได้รับเลือกเข้ามาทั้งหมด

 

ทั้งนี้ ทักษิณจะช่วยหาเสียงบนเวทีปราศรัยที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จะเปิดตัวผู้สมัคร และทักษิณจะไปช่วยหาเสียงอีก 3 เวทีในวันพรุ่งนี้ (24 ธันวาคม) ด้วย และตนตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องได้คะแนน 600,000 เสียง จะให้เป็นประวัติศาสตร์ในจังหวัดเชียงใหม่ แม้งบหาเสียงจะตัดจาก 30 ล้านบาทให้เหลือ 9 ล้านบาท ตนก็ไม่กังวล เพราะใช้งบหาเสียง 4-5 ล้านบาทเท่านั้น

 

ด้านพันธุ์อาจกล่าวถึงความหนักใจในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ไม่หนักใจ เพราะบ้านใหญ่ก็เรื่องของบ้านใหญ่ แต่นี่เป็นการทำงานราชการ ตนก็เคยเป็นหัวหน้ามาก่อน ประสบการณ์ในการทำงานสามารถดึงมาใช้ประยุกต์องค์กรในภาคส่วนต่างๆ และทำงานได้เลย

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทักษิณมาลงพื้นที่หาเสียงกังวลหรือไม่ พันธุ์อาจย้ำว่า ไม่ได้กังวล เพราะ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชนก็มาเช่นกัน เรามีแม่เหล็กทั้ง 2 ฝั่ง เป็นการแข่งขันที่น่าติดตามในระดับชาติ ทำให้การเมืองระดับท้องถิ่นกลายเป็นการเมืองระดับชาติได้

 

ส่วนที่หลายพื้นที่แข่งขันรุนแรง ส่วนตัวมองว่าจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ร่ำรวยวัฒนธรรม การเมืองมีอุดมการณ์สูง จะมีแนวการทำงานการเมืองที่โปร่งใสมากกว่า ไม่น่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น เท่าที่ดูทุกคนคุยกันได้

 

แต่สำหรับในเชิงนโยบาย ตนมั่นใจว่าจะสู้ได้จากประสบการณ์ของตน ทั้งนวัตกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเรายังมีมหาวิทยาลัยที่เด็กจบใหม่ตกงานเยอะ รวมทั้งผู้สูงอายุ จึงต้องสร้างอาชีพและพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นจุดแข็งของเรา ส่วนการแก้ไข PM2.5 และอุทกภัยที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำต่างๆ ก็เป็นนโยบายของพรรคประชาชนที่ทำสำเร็จมาแล้ว และนี่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างประชาชน ถ้าจะให้จังหวัดเชียงใหม่เปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ความสามารถด้านการบริหารเท่านั้น หากประชาชนไม่เปลี่ยนแปลงด้วยก็เป็นงานยาก จึงต้องทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน

 

ส่วนกรณีที่พรรคประชาชนมี สส. ในพื้นที่ 7 คน จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าเป็นกำลังใจ และนี่คือความมั่นอกมั่นใจที่เราอยากจะมอบให้กับประชาชนว่า เรามี สส. ที่ทำงานทั้ง 7 เขต และที่ไม่ประสบชัยชนะทั้ง 3 เขตก็ยังทำงานเช่นกัน การทำงานในระดับท้องถิ่นจะเป็นมิติใหม่ทางการเมืองที่มีการทำงานเป็นทีมอย่างแท้จริง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่าจะชนะหรือไม่ เนื่องจากพรรคประชาชนพ่ายแพ้การเลือกตั้งท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง พันธุ์อาจกล่าวว่า เป็นสิ่งปกติที่เห็นอยู่แล้ว เราต้องมาแข่งขันกันแบบแฟร์เกม และเป็นการแข่งขันที่สร้างสรรค์ แข่งขันกันที่นโยบาย แข่งขันกันที่ประชาชนจะเห็นว่าใครสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

 

“ในระดับท้องถิ่นคะแนนเสียงที่ได้มาดีขึ้นเรื่อยๆ บางจังหวัดที่ไม่มีฐานเสียงก็ยังต้องทำงานต่อไป แต่เชียงใหม่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่เราต้องคว้าชัยชนะให้ได้ และเราอยากจะบ่มเพาะนักการเมืองรุ่นใหม่ โดย ส.อบจ. ที่คัดสรรเป็นผู้สมัครสมัยแรกเหมือนตน เราไม่ได้ใหม่ในวงการที่เราอยู่ แต่เราอยากจะทำงานการเมืองในระดับท้องถิ่นให้ดีขึ้น” พันธุ์อาจกล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X