วันนี้ (20 ธันวาคม) ภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติม พร้อมอนุมัติกรอบวงเงิน 5,039.793 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 จำนวนรวม 559,977 ครัวเรือน ในพื้นที่ 16 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท, บุรีรัมย์, สมุทรสาคร, สิงห์บุรี, กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, ประจวบคีรีขันธ์, ตรัง, พัทลุง, ยะลา, สงขลา, สตูล และสุราษฎร์ธานี
ปภ. ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ 16 จังหวัดข้างต้นให้เร่งดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด โดยข้อมูลล่าสุดวันนี้ มีประชาชนยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือเข้าระบบมาแล้วกว่า 7 แสนครัวเรือน ซึ่ง ปภ. กำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด เร่งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยขณะนี้มีข้อมูลครัวเรือนที่ผ่านการประชาคมหมู่บ้าน ผ่านการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) การประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) และส่งข้อมูลมาให้ ปภ. แล้วจำนวน 1,978 ครัวเรือน
โดย ปภ. จะเร่งนำข้อมูลส่งให้ธนาคารออมสินโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัย ซึ่งคาดว่าจะโอนเงินช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยภาคใต้รอบแรกได้ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2567
ปภ. ขอเน้นย้ำให้ 16 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรเงินช่วยเหลือ เร่งดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ลงทะเบียนยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่กำหนด และขอให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบข้อมูลดำเนินการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ ไม่ให้มีการลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือซ้ำซ้อน โดยผู้ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือตามมติ ครม. ในครั้งนี้ จะต้องเข้าเงื่อนไขที่ ครม. กำหนด คือ ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยนาท, บุรีรัมย์, สมุทรสาคร และสิงห์บุรี จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในห้วงวันที่ 20 พฤษภาคม – 2 พฤศจิกายน 2567 และประชาชนในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคใต้ กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, ประจวบคีรีขันธ์, ตรัง, พัทลุง, ยะลา, สงขลา, สตูล และสุราษฎร์ธานี จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในห้วงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไปเท่านั้น
ทั้งนี้ ปภ. ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตรวจสอบเลขบัญชีว่ามีการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชนแล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้ดำเนินการ ขอให้รีบติดต่อธนาคารทันที จะได้ไม่มีความขัดข้องในการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับเงินช่วยเหลือโดยรวดเร็ว
ท้ายนี้ ขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ประชาชนให้จัดเตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือโดยเร็ว โดยสามารถดำเนินการลงทะเบียนได้ผ่าน 2 ช่องทาง ทั้งแบบ Onsite ยื่นด้วยตนเอง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย และแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ https://flood67.disaster.go.th