“ถ้าผมจำเป็นจะต้องเอ่ยปากชมใครสักคนมากหน่อย คนคนนั้นคงต้องเป็น วาตารุ เอ็นโดะ”
นี่คือคำพูดจากความรู้สึกของ อาร์เน สลอต นายใหญ่ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ที่กล่าวชมเชยดาวเตะชาวญี่ปุ่นที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมคาราบาวคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่บุกไปเฉือนเอาชนะเซาแธมป์ตันได้อย่างหวุดหวิด 2-1
ทั้งๆ ที่เกมนี้เอ็นโดะต้องลงสนามในตำแหน่งที่เขาเคยเล่นให้กับลิเวอร์พูลมาก่อนเลย อย่างการยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟในระบบกองหลัง 4 คน แต่ก็สามารถยืนหยัดต้านทานเกมรุกของทีมเจ้าบ้านได้หนักแน่นราวหินผาจนจบเกม
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดสำหรับกัปตันทีมชาติญี่ปุ่น – ซึ่งได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมลิเวอร์พูลด้วยในช่วงครึ่งเวลาหลัง – ไม่ได้อยู่แค่เรื่องของการทำหน้าที่ในสนามในเกมเมื่อคืนเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เขากำลังเอาชนะใจโค้ชคนใหม่ได้อย่างช้าๆ คือเรื่องของ ‘ความเป็นมืออาชีพ’
และเรื่องนี้เป็นสิ่งท่ีเราทุกคนสามารถเรียนรู้ได้
นับตั้งแต่ย้ายมาจากสตุ๊ตการ์ตแบบไม่มีใครคาดคิดในฐานะตัวเลือกฉุกเฉินเมื่อช่วงฤดูร้อน 2023 วาตารุ เอ็นโดะ กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนลิเวอร์พูลเอาใจช่วยที่สุดโดยไม่ทันรู้ตัว
กว่าจะรู้ใจอีกทีคือหลายคนตกหลุมรักกองกลางรายนี้ไปแล้ว เช่นเดียวกับคนที่เป็นเจ้านายทั้งคนเก่าอย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ และคนใหม่อย่าง อาร์เน สลอต ที่ชมไม่ขาดปาก
เพราะไม่ว่าจะที่ไหน เมื่อไร สถานการณ์แบบไหน กองกลางสายเลือดซามูไรก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ลงสนามไปจัดการงานของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมโดยที่ไม่เคยปริปากบ่น โวยวาย หรือแสดงออกถึงอาการงอแงให้เห็นเลย ทั้งๆ ที่เขาเป็นตัวเลือกที่มาทีหลังเพื่อนร่วมทีมอีกหลายคน และต้องต่อสู้เพื่อช่วงชิงโอกาสในการลงสนามเสมอ
สิ่งที่ทำให้เอ็นโดะยืนหยัดอย่างงามสง่าได้ท่ามกลางนักเตะฝีเท้าดีมากมายในแอนฟิลด์คือความเป็นมืออาชีพของเขา ซึ่งในคำว่ามืออาชีพนั้นก็ยังประกอบไปด้วยสิ่งดีๆ อีกมากมายหลายอย่าง
มีอะไรบ้างที่เขาแสดงให้เราเห็น?
Perseverance ผู้ไม่ละความเพียร
คนจำนวนไม่น้อย – ไม่ใช่แค่เฉพาะนักฟุตบอล – มักจะประสบปัญหาในเรื่องของการทำงานในยามที่อะไรๆ มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด มีอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน
แต่ไม่ใช่สำหรับ วาตารุ เอ็นโดะ ที่มีความพากเพียรเป็นแหล่งพลังงานที่ไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายใหญ่คนใหม่ในทีมลิเวอร์พูลเป็น อาร์เน สลอต เขาเป็นนักเตะที่ถูกมองว่าจะโดนขายทิ้ง เพราะไม่เข้ากับระบบกองกลางตัวรับคู่ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นอาจจะยอมรับโชคชะตา ย้ายออกไปค้นหาโอกาสใหม่ๆ
แต่ไม่ใช่สำหรับเอ็นโดะที่ไม่ยอมแพ้ จนสุดท้ายเป็นอีกครั้งที่เขาสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีความอดทนมากแค่ไหนและความพยายามที่จะทำทุกวันให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมหรือยามที่ได้โอกาสในการลงสนาม โดยไม่เคยแสดงกิริยาอาการขุ่นข้องหมองใจออกมาให้เห็นเลย
ทั้งหมดนั้นเพื่อรอโอกาสของตัวเอง ไม่ต้องมากมาย ขอแค่สักครั้งก็เพียงพอ
Reliable วางใจให้ใจเบา
โอกาสนั้นของเอ็นโดะมาถึงในเกมสำคัญที่ลิเวอร์พูลพบกับคริสตัล พาเลซ ที่สนามเซลเฮิร์สต์พาร์ก
สถานการณ์ในเวลานั้นลิเวอร์พูลนำอยู่ 1-0 แต่โดนบุกกระหน่ำอย่างหนักในช่วงท้ายเกม และนั่นทำให้ อาร์เน สลอต ตัดสินใจว่าเขาต้องการ ‘การปกป้อง’ เกมรับเพิ่มเติม
คนที่ถูกส่งลงสนามไปทำหน้าที่นั้นคือเอ็นโดะที่แทบไม่ค่อยได้โอกาสในการลงสนามเลยก่อนหน้านั้น ท่ามกลางความกังวลของเดอะค็อปที่นั่งดูเกมอยู่ในเวลานั้น
แต่ปรากฏว่าในช่วง 5 นาทีนั้นเองที่กองกลางเลือดซามูไรเสมือนชักดาบไล่ฟาดฟันนักเตะพาเลซตรงพื้นที่กลางสนาม เพื่อปกป้องทีมได้อย่างน่าประทับใจ จนทำให้หลังจบเกมสลอตต้องเอ่ยปากชมถึงทัศนคติของลูกทีมคนนี้
อย่างไรก็ดี เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่สำหรับเอ็นโดะ เพราะหนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่สุดในตัวของเขาคือ การเป็นคนที่ทุกคนเชื่อใจและวางใจได้เสมอ ไม่ว่าจะถูกส่งลงไปทำหน้าที่อะไรก็ตาม เขาจะพยายามทำหน้าที่นั้นอย่างดีที่สุด
นอกจากจะไม่เป็นภาระของทุกคนแล้ว ยังเติมเต็มในสิ่งที่ทีมขาดหายได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย
สำหรับทีมฟุตบอลหรือทีมอะไรก็ตาม จะมีอะไรที่ดีไปกว่าการมีเพื่อนร่วมทีมที่เราวางใจได้เสมอแบบนี้สักคน
Adaptability ปรับที่เรา เบาที่สุด
เมื่อครั้งที่ย้ายมาสู่พรีเมียร์ลีกใหม่ๆ เอ็นโดะไม่ต่างอะไรจากนักฟุตบอลที่มาจากลีกอื่นๆ ที่มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับจังหวะเกมการเล่นที่รวดเร็วของฟุตบอลอังกฤษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมอย่างลิเวอร์พูลที่เล่นกันค่อนข้างรวดเร็ว
ในเกมแรกๆ จะเห็นได้ชัดว่า ‘Wata’ (ชื่อเล่นที่เพื่อนๆ เรียก) ต้องเจอสถานการณ์ลำบากในการวิ่งย้อนกลับมา (Recovery) เพราะโดนคู่แข่งจู่โจมในพื้นที่ว่างด้านหลังของเขา จนดูน่าเป็นห่วงว่าจะเอาตัวรอดกับฟุตบอลอังกฤษได้ไหม เพราะเป็นผู้เล่นที่มีข้อจำกัดในเรื่องร่างกายและทักษะ
แต่เอ็นโดะก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาทำได้ โดยเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับเกมการเล่นได้สำเร็จ วิ่งไม่เร็ว ร่างกายไม่ได้สูงใหญ่ แกร่งจัด ก็ทดแทนด้วยการอ่านสถานการณ์ในเกมและฝึกศิลปะของเกมรับทดแทน เช่นเดียวกับเทคนิคที่จำกัด ก็เน้นเรื่องของเบสิกการเล่นพื้นฐานที่แน่นและเน้นความชัวร์ ไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
ล่าสุดแม้แต่การลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟในเกมกับเซาแธมป์ตัน ซึ่งเป็นงานเฉพาะกิจ ที่ถึงจะเคยเล่นกับสตุ๊ตการ์ตมาบ้าง แต่กับลิเวอร์พูลนี่เป็นครั้งแรกและยังทำได้ดีเกินความคาดหมาย จนมีการพูดกันว่าเล่นแบบ ‘False CB’ คือเล่นควบทั้งเซ็นเตอร์แบ็กและกองกลางตัวรับด้วย เพราะไม่ได้แค่ยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แต่บางจังหวะพยายามพาบอลขึ้นมาหรือออกบอลขึ้นหน้าเอง
ไม่เพียงแค่ในสนามเท่านั้น แต่เขายังปรับตัวกับชีวิตใหม่ในเมืองลิเวอร์พูลได้เป็นอย่างดี มีทักษะการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษในระดับที่ดี ทำให้การใช้ชีวิตมีความสุข
เอ็นโดะทำให้เราเห็นว่าเมื่อโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา ดังนั้นบางครั้งปรับที่เรา จึงเบาที่สุด
Team Player เล่นเป็นทีม
ในบทสัมภาษณ์พิเศษในรายการพอดแคสต์ของสำนักพิมพ์ Kodansha หนึ่งในพันธมิตรของลิเวอร์พูลจากประเทศญี่ปุ่น เอ็นโดะถูกถามถึงเรื่องของการเป็นผู้เล่นในระดับอาวุโส (Senior) ของทีม เพราะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่อายุมากที่สุดของทีม (ปัจจุบันอายุ 31 ปี)
คำตอบของเขาคือหนึ่งในสิ่งที่เขาพยายามทำเพื่อทีม ไม่ใช่แค่การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แต่ทำเพื่อทุกคนด้วย
ไม่ว่าเขาจะถูกส่งลงสนามไปทำหน้าที่ร่วมกับใคร จะเป็น ไทเลอร์ มอร์ตัน กองกลางดาวรุ่งของทีม หรือตัวหลักอย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก เขาจะพยายามช่วยเหลือเพื่อนทุกคนเสมอยามอยู่ในสนาม อาทิ การศึกษาว่าจุดแข็งของคนที่เล่นด้วยแต่ละคนเป็นอย่างไร คนนี้ออกบอลแน่น คนนี้ชอบพลิ้วไหว หรือคนนี้ชอบขยับเติมเกมรุก
สิ่งที่เขาไม่ได้บอกในการสัมภาษณ์ แต่แสดงให้เห็นในสนามคือ บางครั้งก็ทำเกินหน้าที่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขยับถอยลงไปช่วยแก้ไขสถานการณ์แทนเพื่อน หรือการหาโอกาสในการขึ้นไปช่วยสร้างสรรค์เกมด้วยตัวเอง
เพราะฟุตบอลเล่นกันเป็นทีม จะชนะได้ต้องเล่นเป็นทีมให้เป็น
สำหรับอนาคตหลังจากนี้เชื่อว่าเอ็นโดะน่าจะยังมีเวลาและโอกาสในการช่วยเหลือลิเวอร์พูลไปอย่างน้อยจนจบฤดูกาลนี้ เพราะเชื่อว่าเขาชนะใจทั้งนายใหญ่อย่างสลอตและแฟนๆ ทุกคนได้ (ซ้ำแล้วซ้ำเล่า)
โดยทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เขายืนหยัดได้ล้วนมาจากทัศนคติ การวางตัว ความอดทน และการไม่คิดยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย
เพราะฮีโร่อาจไม่ใช่คนที่เก่งกาจที่สุดเสมอไป
บางครั้งก็เป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดแบบนี้แหละ