ในวันที่ไม่รู้ว่าฤดูหนาวเมืองไทยจะหนาวกี่โมง เราเลยตัดสินใจบินลัดฟ้าไปสัมผัสความหนาวเย็นแบบติดลบ พร้อมปลุกอะดรีนาลีนให้พลุ่งพล่านกับการเล่นสกีที่ Club Med Beidahu (คลับเมดเป่ยต้าหู) สกีรีสอร์ตอันเลื่องชื่อที่จีนที่ควรแวะมาเที่ยวในซีซันนี้เป็นที่สุด
Why here?
Club Med เป็นแบรนด์รีสอร์ตหรูจากฝรั่งเศสที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1950 โดยปัจจุบันมีมากกว่า 60 รีสอร์ตทั่วโลก จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ Club Med เป็นที่ชื่นชอบของแขกผู้เข้าพักทั่วโลกคือคอนเซปต์ ‘All-Inclusive’ จ่ายทีเดียวจบแล้วไปกิน ดื่ม สนุกให้เต็มที่ ซึ่งความสนุกที่ว่าไม่ใช่แค่การเล่นสกีหรือเดินตะลุยหิมะทั่วรีสอร์ต แต่ยังมีกิจกรรมครบทั้งด้าน Wellness และ Entertainment ให้ทำอย่างจัดเต็มตลอดการพัก
Club Med Beidahu ตั้งอยู่ที่มณฑลจี๋หลินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน มณฑลที่มีภาพจำเป็นผลึกน้ำแข็งและผืนหิมะหนานุ่ม ไม่แปลกที่ที่นี่จะเป็นอีกจุดหมายปลายทางอันเลื่องชื่อของคนที่ชื่นชอบการเล่นสกี
การเดินทางจากประเทศไทยจะต้องต่อเครื่องบิน 1 ต่อ รวมเวลา 6 ชั่วโมงกว่า จากนั้นนั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมง จากสนามบิน Changchun Longjia ไปยังรีสอร์ต ฟังดูอาจจะนาน แต่ทัศนียภาพที่ได้เห็นระหว่างเดินทางทำให้เราสัมผัสได้ว่าสิ่งที่เราจะเจอตรงหน้าคุ้มค่าแก่การรอคอยแน่ๆ
ก้าวแรกที่เดินลงจากรถหน้ารีสอร์ตก็สัมผัสได้ถึงลมหนาวเยือกเย็นพร้อมอากาศที่สดชื่น ก่อนที่จะเดินเข้ามาเจอกับบรรยากาศอบอุ่นบริเวณล็อบบี้และโซน Apperif
ในช่วงบ่าย-เย็นของทุกวัน แขกผู้เข้าพักทุกคนสามารถเอ็นจอยกับของว่างได้ตามอัธยาศัย รวมไปถึงเครื่องดื่มบริเวณบาร์ หรือถ้าท้องร้อง อยากกินอาหารแบบจริงจังก่อนมื้อเย็น ที่นี่ก็มีอาหารจานเดี่ยวบริการเช่นกัน
ในส่วนของห้องที่เราพักเป็นห้องประเภท Deluxe Room ซึ่งใหญ่เหลือเฟือสำหรับการนอนคนเดียว เตียงขนาดคิงไซส์ โซฟาเบดพร้อมกระจกบานใหญ่ แต่งองค์ทรงเครื่องได้สบายๆ
ห้องน้ำถูกแยกเป็นสัดส่วนทั้ง Bathtub และ Shower และยังมีผลิตภัณฑ์เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับ Club Med อย่าง AHAVA® ซึ่งเหมาะจะใช้เป็นตัวช่วยบูสต์ความชุ่มชื้นในฤดูหนาวนี้เป็นอย่างดี
ซึ่งถ้าตื่นตอนเช้าเปิดหน้าต่างมาก็จะเจอกับบรรยากาศสวยสดชื่นแบบนี้
สำหรับใครที่มีแพลนจะมากับกลุ่มเพื่อน และมองหาห้องที่พร้อมจะปาร์ตี้สุดเหวี่ยง แนะนำให้มาพัก Penthouse Suite ห้องที่รองรับแขกได้สูงสุด 6 คน แต่ดูจากสายตาแล้วน่าจะตั้งทีมฟุตบอลได้สบายๆ
ห้องนี้มีทั้งโซนครัว โต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ ห้องนั่งเล่น ห้องนอน โต๊ะพูล และโต๊ะ Mahjong เรียกว่าใช้ชีวิตในนี้ได้ทั้งวัน
ในส่วนของอาหาร ที่นี่จะเป็นบุฟเฟต์ทั้ง 3 มื้อ จัดในห้องอาหารเดียวกัน มีทั้งสไตล์เอเชียและตะวันตก แต่อาหารจีนก็จะเยอะหน่อย มีให้เลือกอร่อยจากหลากหลายภาค ซึ่งรสชาติส่วนใหญ่เป็นรสที่คนไทยเข้าถึงได้ง่าย
แอบกระซิบว่าปาท่องโก๋ยามเช้าของที่นี่อร่อยมาก เท็กซ์เจอร์ทอดได้กรอบนอกนุ่มในแต่ไม่อมน้ำมันสักนิด กินกับนมข้นเพลินสุด
แน่นอนว่าใครเป็นสายดื่มก็สามารถสั่งได้ไม่อั้นตามอัธยาศัยทุกเวลา อย่างในโซนห้องอาหารจะเสิร์ฟเป็นไวน์และเบียร์ แต่ถ้าต้องการเครื่องดื่มอื่นๆ ก็สามารถเดินไปสั่งที่บาร์ด้านนอกได้
ช่วงเวลาหลังจากดินเนอร์ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความหรรษาของ Club Med แต่ละคืนจะมีโชว์พิเศษตั้งแต่เวลา 20.30-22.00 น. และจะมี Dress Code ให้แขกผู้เข้าพักได้แต่งกันสนุกๆ ไม่ว่าจะเป็น Club Med 44&88 Collection ซึ่งเป็นเสื้อคอลเล็กชันพิเศษของรีสอร์ต, Black & Gold / Silver หรือ Black & Fluorescent
บางวันอาจเป็นโชว์ให้เรานั่งดูกันเพลินๆ แต่บางวันแนะนำให้กินข้าวเย็นไวหน่อย เพราะคุณอาจโดนลากไปเต้นในขณะที่ข้าวยังไม่ทันย่อย (เหมือนเรา) วันที่เป็นปาร์ตี้สนุกสุดเหวี่ยงคงต้องยกให้เป็นวัน Glow Party ที่ทั้งฟลอร์ถูกเนรมิตเป็นไนต์คลับ ซึ่งงานนี้เด็กเล็กก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน เพียงแต่จะไม่มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้
จากที่นั่งดูโชว์มาทั้งหมด 3 วัน ต้องบอกว่า Club Med Beidahu จริงจังเรื่องการแสดงใช่เล่น ถือเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากเลยทีเดียว
นอกจากโชว์แล้ว หากใครที่อยากจะอวดลูกคอ ที่นี่ก็ยังมีห้องคาราโอเกะให้บริการ รวมไปถึงโซนเกมต่างๆ เช่น พูล, Mahjong, VR หรือปิงปอง เรียกว่ามีกิจกรรมรองรับคนทุกวัย
มาถึงไฮไลต์สำคัญของทริปนี้กันบ้าง ซึ่งก็คือการเล่นสกีและสโนว์บอร์ด
รีสอร์ตจะให้เราไปลองไซส์อุปกรณ์จำพวกหมวกกันน็อกและรองเท้า
ซึ่งถ้าใครมีอุปกรณ์เป็นของตัวเองก็จะไม่เสียค่าเช่าเพิ่มเติม
ในส่วนของรองเท้า แนะนำว่าไม่ควรใส่รองเท้าที่แน่นหรือหลวมจนเกินไปเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ และควรสวมถุงเท้าที่หนาพอ
ส่วนชุดที่สวมใส่เวลาเล่นสกี แนะนำให้เป็นชุดที่กันลม กันน้ำ ถ้าใครไม่มีก็สามารถเช่าเพิ่มเติมได้ ยกเว้นแว่นที่จะต้องเตรียมมาเอง ถุงมือควรมี เสื้อผ้าด้านในควรเป็นลองจอห์นที่หนาพอจะให้ความอบอุ่น
สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ รีสอร์ตจะให้ลงทะเบียนเรียนคอร์ส Beginner ในช่วงเช้าก่อน เพื่อทำความคุ้นเคยกับรองเท้าสกี เรียนรู้วิธีการเคลื่อนไหว เบรก เลี้ยว ซึ่งที่นี่มีครูต่างชาติที่สอนเป็นภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน
ลานที่ครูใช้สอนช่วงเช้าจะเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยสูงมาก แต่พอเป็นช่วงบ่าย เราจะได้ลองขึ้นผาที่สูงขึ้น โดยจะต้องใช้ Ski Pass ในรูปแบบบัตรที่รีสอร์ตให้มา
จุดนี้ทำให้เราค้นพบว่าการมีเสื้อสกีโดยเฉพาะมีข้อดีพอสมควร เพราะส่วนใหญ่เสื้อสกีจะมีซิปที่สามารถเก็บบัตรได้ ทำให้ง่ายต่อการแตะบัตรเข้า-ออก และต่อให้ล้มก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเปียก
ส่วนวิธีขึ้นไปยังผาก็มีเก๋ดี เราจะต้องเอาตัวไปยืนบน Magic Carpet ที่หน้าตาเหมือนบันไดเลื่อน ระหว่างรอมันเคลื่อนตัวก็สามารถทอดสายตาชมวิวรอบๆ ได้เพลินๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่ค้นพบก็คือแว่นกันแดดธรรมดาอาจไม่เหมาะสำหรับการเล่นสกีเท่าไร เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องการกันฝ้าและลม แต่มีก็ยังดีกว่าไม่มี ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราแนะนำให้มีก็คือ Ski Mask หรือที่เรียกกันว่าหมวกไอ้โม่ง
สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะนาทีที่คุณเล่นสกีลงมาจากที่สูง หิมะและลมจะตีหน้าคุณอย่างสุดเหวี่ยง และมันจะทำให้หน้าคุณชาและแสบราวโดนหิมะกัด
สำหรับเราที่เป็นมือใหม่ในครั้งแรกเลยทำให้ต้องเดินทุลักทุเลฝ่าหิมะออกจากสนามเพื่อลงไปซื้อหมวกไอ้โม่งบริเวณบูติกใกล้ๆ ซึ่งทำให้เสียเวลาเล่นสกีไปพอสมควร แนะนำให้มีแอป WeChat หรือ Alipay แล้วผูกกับบัตรเครดิต เพื่อความสะดวกในการชำระเงินกับร้านค้า
สรุปจากการได้สัมผัสสกีครั้งแรก รู้เลยว่าคนที่มีบาลานซ์ดี มีกล้ามเนื้อขาและแกนกลางที่แข็งแรงจะค่อนข้างได้เปรียบ เพราะต้องอาศัยการเกร็งกล้ามเนื้อในส่วนนั้นค่อนข้างเยอะ เมื่อเริ่มฝึกจนชินและสามารถปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสโลปได้แล้ว เราเชื่อว่าสกีน่าจะกลายเป็นแพสชันใหม่ของใครหลายคนแน่นอน
นอกจากสกีแล้ว ที่นี่ยังมีโซนให้ไปถ่ายรูปทำคอนเทนต์อีกหลายจุด โดยเราสามารถนั่ง Gondola ขึ้นไปได้ แต่ยังคงต้องใช้ Ski Pass เข้า-ออกเหมือนเดิม
บรรยากาศสวยประหนึ่งฉากในซีรีส์
แนะนำว่าควรแต่งตัวให้อุ่นเป็นพิเศษ เพราะอุณหภูมิด้านบนหนาวกว่าด้านล่างพอสมควร
ถ่ายรูปจนหนำใจแล้วจะมานั่งจิบกาแฟอบอุ่นร่างกายที่ % Arabica ต่อด้านล่างก็ฟีลกู๊ดไปอีกแบบ
เมื่อกลับลงมาถึงตัวรีสอร์ตก็เป็นต้องเซอร์ไพรส์กับ Outdoor BBQ อีเวนต์น่ารักๆ ที่รีสอร์ตจัดเพื่อต้อนรับเหล่าแขกผู้เข้าพักหลังกลับมาจากการเล่นสกี เหมือนเป็นการรองท้องก่อนมื้อกลางวันเบาๆ
บรรยากาศออกจะเหมือน Full Moon Party มากกว่าแค่ลานบาร์บีคิว เพราะดีเจเปิดเพลงมันมาก ทีมงาน Club Med ต่างออกมาเต้นบริเวณรอบกองไฟอย่างม่วน แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาเที่ยงก็ตาม
นอกจากนี้รีสอร์ตก็มีโปรแกรม Snow Trekking ซึ่งเป็นการเดินสำรวจป่าเขารอบนอกรีสอร์ต สิ่งที่ต้องเตรียมคือแจ็กเก็ตกันหิมะและรองเท้าที่ลุยหิมะได้ หากรองเท้าของใครหุ้มข้อเตี้ยก็ไม่ต้องกังวล เพราะรีสอร์ตมีผ้าคลุมรองเท้ากันหิมะให้บริการ
แม้เส้นทางการเดินอาจทำเอาหอบไปบ้าง แต่พอถึงจุดชมวิวที่สวยที่สุดแล้วก็ต้องบอกว่าคุ้มค่ากับทุกก้าวที่เดินมาจริงๆ
Worth it
- จ่ายครั้งเดียวจบ กิน ดื่ม เที่ยว เล่นได้เต็มที่
- อาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย เป็นบุฟเฟต์ทุกมื้อ
- ห้องพักกว้างเหลือเฟือ นอนสบาย มีทุกอย่างครบ
- โชว์และปาร์ตี้จัดเต็มทุกคืน
- มีคลาสฟิตเนส ออนเซน เกม คาราโอเกะ ฯลฯ ให้ทำเพียบ
- ลานสกีมีหลายระดับ มือใหม่เล่นได้ มือเก๋าสะใจ
Good for
ใครที่เลิฟหิมะ ความหนาวเย็น เอ็นจอยกิน ดื่ม และลุยทุกกิจกรรมได้เต็มที่แบบไม่ต้องกังวล เรามั่นใจว่า Club Med Beidahu จะเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่คุณต้องเก็บไว้ใน Bucket List อย่างแน่นอน แนะนำให้จองมาอย่างน้อย 4 วัน 3 คืน เชื่อเถอะว่าเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ
ภาพ: Club Med Beidahu
Club Med Beidahu
Address: Jilin, Yongji County, Jilin, Kai Fa Qu 132224, China
Open: เปิดทำการช่วงฤดูหนาว วันที่ 15 พฤศจิกายน 2024 – 16 มีนาคม 2025 และจะเริ่มเปิดให้จองซีซัน 24/25 ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2025 เป็นต้นไป
Budget:
- ค่าที่พัก: 4 วัน 3 คืน ประจำซีซัน 24/25 ราคาเริ่มต้นที่ 49,000-105,000 บาทต่อ 2 คน
- ค่ารับ-ส่งสนามบิน: 3,120 บาทต่อคน
- ค่าเช่าเซ็ตอุปกรณ์สกี (รองเท้าสกี, โพล, บู๊ต, หมวก): 1,900 บาทต่อวันต่อคน สามารถเช่าเป็นชิ้นได้
- มีบริการเช่าชุดสกี สอบถามราคาได้ทางรีสอร์ต
Tel: 0 2035 6788
Website: https://www.clubmed.co.th/r/beidahu/y
Instagram: https://www.instagram.com/clubmed/
Facebook: https://www.facebook.com/ClubMedThailand
Map: https://maps.app.goo.gl/7CaJTVSweN6P16KQ6