×

กสทช. พร้อมตำรวจ ร่วมทลายเสา-สายเคเบิลเถื่อนขนาดใหญ่แนวชายแดนแม่สอด ลักลอบป้อนสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

โดย THE STANDARD TEAM
03.12.2024
  • LOADING...
กสทช.

วานนี้ (2 ธันวาคม) พล.ต.อ. ณัฐธร เพราะสุนทร คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ พร้อมด้วย พล.ต.ท. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รักษาราชการแทน จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กสทช. และตำรวจภูธรจังหวัดตาก 

 

ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบลากสายนำสัญญาณเถื่อนข้ามแดน และลักลอบตั้งฐานกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ด้านชายแดนอำเภอ แม่สอด จังหวัดตาก ต่อเนื่องจากการจับกุมในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดน ตั้งแต่จังหวัดมุกดาหารและหนองคาย

 

การจับกุมครั้งนี้เป็นจุดใหม่ พบท่อเคเบิลขนาดใหญ่จำนวน 16 เส้น นับเป็นการจับกุมสายเคเบิลเถื่อนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษของ กสทช. พบว่าเครือข่ายดังกล่าวลอบกระจายสัญญาณไปยังพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ฝั่งตรงข้าม ครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตร ป้อนสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ย้ายฐานมากระจุกตัวในพื้นที่ดังกล่าว

 

พล.ต.อ. ณัฐธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากการจับกุมขบวนการลักลอบตั้งเสาลากสายสัญญาณพาดข้ามพรมแดนไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนหลายจุด และเร่งรัดตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวเรื่อยมา จนกระทั่ง กสทช. ภาค 3 ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบทราบว่ายังมีขบวนการลักลอบตั้งฐานรับ-ส่งสัญญาณแบบจุดต่อจุด เพื่อส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตข้ามประเทศหลายจุดตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา

 

และพบการลักลอบพาดสายสัญญาณความเร็วสูงขนาดใหญ่ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่า (อำเภอแม่สอด) จำนวน 16 เส้น ในจำนวนนี้เป็นสาย ​​Fiber Optic ขนาด 216 คอร์ จำนวน 2 เส้น ขนาด 96 คอร์ จำนวน 2 เส้น และที่เหลือเป็นขนาด 24 คอร์

 

จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษ (OTDR) พบว่าเครือข่ายนี้มีการลากสายลึกเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านไกลหลายกิโลเมตร และจากขนาดสายทำให้สามารถกระจายสัญญาณครอบคลุมเมืองเศรษฐกิจ 4 แห่ง มีพื้นที่นับร้อยตารางกิโลเมตร ป้อนสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ย้ายฐานมายังพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมาก 

 

เชื่อได้ว่าการตัดสัญญาณของเครือข่ายดังกล่าวในครั้งนี้ จะทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ไม่สามารถเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ พฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ถือเป็นการกระทำอย่างอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นความผิดฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 67 (3) แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ซึ่งต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

พล.ต.ท. ธัชชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ประสานงานกับ กสทช. อย่างใกล้ชิด มีการจับกุมเครือข่ายขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบบูรณาการในทุกมิติ ตั้งแต่การเดินหน้ารื้อสายเคเบิลผิดกฎหมายตลอดแนวชายแดน การเข้าตรวจค้นตู้ชิม ตรวจยึดซิมการ์ดไทย 101,068 ซิม, SIM Box และอุปกรณ์อื่นๆ เป็นจำนวนมาก ควบคู่ไปกับการจัดระเบียบร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ และการสร้างความตระหนักรู้กับประชาชน 

 

ซึ่งแต่ละส่วนมีความคืบหน้าไปมาก ขบวนการลักลอบพาดสายที่เราจับกุมได้ถือเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ เป็นภัยคุกคามความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน หลังจากนี้สั่งการให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่รับผิดชอบติดแนวชายแดนประสานการทำงานกับ กสทช.ตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะนี้ หากตรวจพบให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดทุกราย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X