ความคืบหน้าเหตุคาน สะพาน ก่อสร้างบนถนน พระราม 2 ทรุดตัว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 ราย และบาดเจ็บ 9 ราย เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
วันนี้ (2 ธันวาคม) อภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า สภาพการจราจรบนถนนพระราม 2 ช่วงเช้าวันนี้ (07.00-10.00 น.) ชะลอตัวและมีรถหนาแน่น เนื่องจากปิดการจราจรในช่องทางหลักทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพฯ บริเวณจุดเบี่ยงเข้าถนนเอกชัย
โดยขาเข้ากรุงเทพฯ มีปริมาณรถปานกลาง การจราจรคล่องตัว ส่วนขาออกกรุงเทพฯ มีปริมาณรถมาก แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังพลประจำจุดเบี่ยงออกคู่ขนานเพื่ออำนวยความสะดวก เร่งระบายรถ และแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด
จึงขอให้ประชาชนเผื่อเวลาในการเดินทาง และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนพระราม 2 ใช้เส้นทางเลี่ยงดังนี้
ขาเข้ากรุงเทพฯ:
- รถจากภาคใต้: ใช้ถนนเพชรเกษมเข้ากรุงเทพฯ
- รถจากสมุทรสงคราม/บางโทรัด: ใช้ ทล.375 มุ่งหน้าอำเภอบ้านแพ้ว ไปออกนครปฐม ขึ้นถนนเพชรเกษม เข้าถนนบรมราชชนนี
- รถจากมหาชัย-สมุทรสาคร: ใช้ถนนเศรษฐกิจ-ถนนพุทธสาคร-ถนนพุทธมณฑลสาย 4-ถนนบรมราชชนนี
ขาออกกรุงเทพฯ:
- รถจากกรุงเทพฯ: ใช้ถนนบรมราชชนนีเข้าถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าลงใต้
- รถจากต่างระดับบางขุนเทียน: ใช้ถนนเลียบชายทะเลบางขุนเทียนเข้าตัวเมืองมหาชัย เข้าถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงใต้
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586
สำหรับความคืบหน้าการจัดการพื้นที่ อภิรัฐกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดการเคลื่อนตัวของโครงสร้างตอม่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ (1 ธันวาคม) และช่วงเช้าวันนี้ ทีมงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายกำลังประชุมวางแผนเพื่อหาข้อสรุปในการกำหนดจุดติดตั้งเครนเพื่อประคองโครงสร้างเหล็กและยกชิ้นส่วนพื้นสะพาน (Segment) ที่ค้างอยู่ลงมา
พร้อมทั้งอุปกรณ์และชุดอุปกรณ์ Safety เพื่อความปลอดภัยในการเริ่มทยอยยกชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตที่ยังติดค้างอยู่ลงมาด้านล่าง โดยการดำเนินการทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้การกำกับและควบคุมของทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญตลอดเวลา
อธิบดีกรมทางหลวงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 7 (ราชบุรี), สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร และบริษัทต้นสังกัดของลูกจ้างที่เสียชีวิต เพื่อดำเนินการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือแก่ทายาทของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 15 ราย โดยจะเร่งรัดให้ได้รับสิทธิความคุ้มครองจากการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานโดยเร็วที่สุด
อ้างอิง:
- กรมทางหลวง