วันนี้ (29 พฤศจิกายน) ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส.สมุทรสาคร พรรคประชาชน ร่วมลงพื้นที่ติดตามเหตุการณ์เครนถล่มเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาบนถนนพระราม 2 ฝั่งขาออก ตำบลคอกกระบือ ใกล้ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ จังหวัดสมุทรสาคร ประสานความช่วยเหลือจากกรณีดังกล่าว
ณัฐพงษ์ระบุว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตที่เป็นคนหน้างานทั้ง 4 คน และขอให้ผู้บาดเจ็บทั้ง 10 คนเข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย เหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เมื่อตนทราบข่าวก็มีความกังวลและเป็นห่วงประชาชนอย่างมาก สำหรับเหตุการณ์นี้ต้องมองเป็น 2 ระยะ กล่าวคือ
ในระยะเร่งด่วน ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการด้วยความเร่งด่วน และมีการปิดการจราจร เนื่องจากความน่ากังวลคือยังมีเครนในจุดที่ถล่มค้างอยู่ เกรงว่าจะพลิกคว่ำไปทางขวา ซึ่งเป็นทางคู่ขนานพระราม 2 ที่ประชาชนสัญจรไปมา ดังนั้นเมื่อปิดถนนแล้วต้องเร่งช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง ในโอกาสนี้ต้องขออภัยและขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนพระราม 2 ขาออกจากกรุงเทพฯ มุ่งตรงเข้าจังหวัดสมุทรสาคร
“การปิดถนนแม้จะเป็นเหตุให้เกิดรถติดสะสมแต่ก็เป็นมาตรการที่จำเป็น เพื่อไม่ให้มีโอกาสเกิดเหตุโศกนาฏกรรมซ้ำเติม และควรเร่งจัดการนำเครนที่ถล่มซึ่งคาอยู่ออกโดยไว ผมเข้าใจว่าหน้างานกำลังรอรถเครน 400 ตันมายกออกไป นอกจากนี้ควรเร่งรัดมาตรการเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บโดยด่วน ซึ่งทางผู้รับเหมาก่อสร้างควรต้องมาดูตรงนี้ด้วย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับระยะข้างหน้า เข้าใจว่าเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเคยประกาศไว้ว่า อยากให้โครงการเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 หรือล่าสุดกรมทางหลวงออกมาประกาศใหม่ว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนพฤศจิกายน 2568 แม้ว่าจากที่สอบถามข้อมูลมาโอกาสจะเสร็จสิ้นตามที่ประกาศอาจเป็นไปได้ยากมาก
“ผมเข้าใจดีว่าทุกคนอยากเร่งให้โครงการเสร็จโดยเร็ว เพราะกระทบกับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่การเร่งดำเนินการก็ควรมาพร้อมกับสมดุลด้านความปลอดภัยของคนหน้างานและพี่น้องประชาชนด้วย ควรเร่งสำรวจความปลอดภัยทั้งหมด มีเครนในจุดอื่นที่เสี่ยงอีกหรือไม่”
ณัฐพงษ์ระบุอีกว่า เหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยเช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายรอบบนถนนพระราม 2 ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก ตนเองในฐานะ สส. เคยนำเรื่องนี้ปรึกษาหารือในสภาไปหลายรอบ จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเข้ามากวดขันให้มีมาตรการที่เข้มงวดกว่านี้ ไม่ใช่เกิดแล้วจบกันไป ต้องมีบทเรียนว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้น ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของชีวิตพี่น้องประชาชน