เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) รายงานกำไรสุทธิ 3Q67 อยู่ที่ 111 ล้านบาท ลดลง 65%YoY และ 50%QoQ เนื่องจากบริษัทขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์จำนวน 198 ล้านบาท ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติยังคงเพิ่มขึ้น 12%YoY และ 48%QoQ โดยได้แรงหนุนจากรายได้จากการขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากหยุดซ่อมบำรุงน้อยลง
อัตรากำไรขั้นต้นของโครงการโรงไฟฟ้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นจาก 24.3% ใน 2Q67 มาอยู่ที่ 27% ใน 3Q67 ซึ่งช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 25.4% ใน 2Q67 มาอยู่ที่ 26.6% ใน 3Q67 อัตรากำไรขั้นต้นของโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนลดลงจาก 40.7% ใน 2Q67 มาอยู่ที่ 38.3% ใน 3Q67 ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าที่ลดลง
นอกจากนี้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนก็ลดลง 16%YoY เนื่องจากระยะเวลาการได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) สิ้นสุดลงใน 4Q66 กำไรสุทธิจากกิจกรรมปกติใน 9M67 อยู่ที่ 646 ล้านบาท ลดลง 23%YoY เนื่องจากไม่มีรายได้จาก Adder ของโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน
ผู้บริหารอัปเดตว่า โครงการโซลาร์ฟาร์มอีก 6 โครงการจะเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ใน 4Q67 โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 71.25 MW ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโครงการที่ดำเนินงานแล้วทั้งหมด 31 โครงการ (349.08 MW) ณ สิ้นปี 2567 โครงการเหล่านี้ได้มาจากการประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบแรกในปี 2565
นอกเหนือจากโครงการเหล่านี้แล้ว ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 58 โครงการ (> 298.9 MW) ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดดำเนินงานภายในปี 2569 ขณะที่ในช่วงปี 2568 จะมีโครงการที่เปิดดำเนินงานเพิ่มขึ้นแทบทุกไตรมาสทั้งโรงไฟฟ้าขยะชุมชนและโซลาร์ฟาร์ม
นอกจากนี้บริษัทยังได้รับสัมปทานบริหารจัดการขยะชุมชนเทศบาลในจังหวัดขอนแก่น (กุดน้ำใส) อีก 1 โครงการ ซึ่งมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าขยะชุมชน กำลังการผลิต 9.9 MW โดยอยู่ระหว่างรอ PPA จากหน่วยงานกำกับดูแล
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น ACE ปรับขึ้น 0.78% สู่ 1.30 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 1.01% สู่ 1,425.97 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2568:
InnovestX Research คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากโครงการใหม่ที่จะเปิดดำเนินงานในปี 2567-2568 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการโซลาร์ฟาร์ม และการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพมากขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน
โดยคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2568 จะเติบโต 36%YoY สู่ 1.2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารกล่าวว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ของ ACE จะเพิ่มขึ้นจากการกู้เงินเพิ่มเพื่อลงทุนในโครงการใหม่ โดยคาดว่าอัตราส่วนนี้จะทำจุดสูงสุดที่ 6-6.5 เท่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะสามารถบริหารจัดการเพื่อรักษาอันดับเครดิตไว้ก็ตาม
การประเมินมูลค่า เปลี่ยนวิธีประเมินมูลค่าจาก DCF มาเป็น EV/EBITDA เพื่อสะท้อนความสามารถในการทำกำไรในระยะสั้นของ ACE ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 1.5 บาทต่อหุ้น โดยอิงกับ EV/EBITDA เฉลี่ย 3 ปีที่ 8.6 เท่า (ลดลงจากราคาเป้าหมายเดิมที่ 3.6 บาท) ที่ราคาเป้าหมายดังกล่าว หุ้น ACE จะซื้อขายที่ P/E (ปี 2568) ที่ 12 เท่า สอดคล้องกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นไทย
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือความล่าช้าในการก่อสร้างและเปิดดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ในแผนงาน ต้นทุนวัตถุดิบของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลสูงกว่าคาด ต้นทุนการลงทุนสูงกว่าคาด และผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำกว่าคาด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนของรัฐบาล
Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุนและบทวิเคราะห์คุณภาพโดย InnovestX 🚀 คลิกเลย 👉ACE – ยังไม่ได้รับความสนใจจากตลาด
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/company-update/ace-update-20241128