×

เจาะลึกแนวคิดการออกแบบ ‘Value Healthcare’ แคมเปญมอบคุณค่าการรักษาและการบริการที่ลูกค้าเลือกได้ ภายใต้มาตรฐานระดับสากลของเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล [PR NEWS]

โดย THE STANDARD TEAM
29.11.2024
  • LOADING...
Value Healthcare

ปัญหาการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพยังคงเป็นความท้าทายสำคัญในยุคปัจจุบัน ผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานที่ต้องการได้ โดยเฉพาะในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายสูง เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลจึงปฏิวัติวงการแพทย์ด้วยการส่งมอบการดูแลสุขภาพภายใต้แนวคิด ‘Value Healthcare: คุณค่าการรักษาที่คุณเลือกได้’ ซึ่งพลิกโฉมวงการด้วยการเน้น ‘คุณค่า’ ที่ออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละราย ภายใต้กลยุทธ์ Value-Based Pricing เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลมุ่งพัฒนาแผนการรักษาที่ผู้ป่วยสามารถปรับเลือกบริการ การรักษา และค่าใช้จ่าย ให้สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาให้คุณค่า ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยแพทย์ผู้ชำนาญการ เทคโนโลยีที่ทันสมัย การเลือกห้องพัก หรือบริการเสริมอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ในงบประมาณที่ผู้ป่วยพึงพอใจที่จะจ่าย โดยทุกขั้นตอนจะได้รับคำแนะนำจากทีมแพทย์และสหวิชาชีพ ภายใต้มาตรฐานและความปลอดภัยในระดับสากล

 

Value Healthcare

นพ.อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการแพทย์ เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล

 

Value Healthcare: เมื่อคุณค่าการรักษาออกแบบได้เพื่อผู้ป่วย

 

เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลปฏิวัติวงการสุขภาพด้วยแนวคิด “Value Healthcare” ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการรักษาโรค แต่ยังให้ความสำคัญกับ “คุณค่า” ที่ผู้ป่วยแต่ละคนเลือกและให้ความสำคัญแตกต่างกัน

 

นพ.อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการแพทย์ เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล อธิบายว่า “Value Healthcare” คือแนวคิดที่ยกระดับจากมาตรฐานที่ดีอยู่แล้ว โดยต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าผู้ป่วยแต่ละคนมีความต้องการและเป้าหมายในการรักษาที่หลากหลาย โดยมีคีย์หลักคือ ‘ความเหมาะสม’ ที่จะต้องสะท้อนออกมาให้เห็นผ่านคุณภาพการรักษาและราคา

 

“บางคนต้องการการฟื้นตัวที่รวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย บางคนให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและบริการที่ครบวงจร ขณะที่บางคนต้องการค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าในราคาที่พึงพอใจที่จะจ่าย และบางคนมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า เช่น เพื่อกลับไปทำกิจกรรมที่รักอย่างการวิ่งมาราธอน”

 

กลยุทธ์ Value-Based Pricing: การจ่ายค่ารักษาที่สะท้อนคุณค่าที่ผู้ป่วยต้องการ

 

หนึ่งในหัวใจสำคัญของการสนับสนุนแนวคิด Value Healthcare คือการนำกลยุทธ์ Value-Based Pricing มาใช้ ซึ่งเป็นการกำหนดราคาที่สะท้อนถึงคุณค่าที่ผู้ป่วยให้ความสำคัญ โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายในราคาที่เท่ากันสำหรับทุกคน

 

นพ.อนันตศักดิ์ กล่าวว่า “การตั้งราคานี้พิจารณาจากความต้องการเฉพาะของผู้ป่วย เช่น หากผู้ป่วยต้องการห้องพักพิเศษหรือบริการเสริมเพิ่มเติมก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการ ในขณะเดียวกัน ผู้ป่วยที่มุ่งเน้นการรักษาที่มีมาตรฐานในราคาที่เข้าถึงได้ก็สามารถเลือกบริการที่เหมาะสมกับตนเองได้เช่นกัน”

 

แนวคิดนี้สามารถสรุปง่ายๆ ได้ว่า ‘จ่ายตามสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการ’ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะได้รับการออกแบบร่วมกันระหว่างทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อสร้างแผนการรักษาและบริการที่เหมาะสมและเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน

 

“เราอยากให้ผู้ป่วยเห็นว่าแนวคิด Value Healthcare ไม่ใช่เพียงเรื่องของการตั้งราคาถูกหรือแพงที่สุด แต่เป็นการออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้มาตรฐานการรักษาและความปลอดภัยระดับสากล” นพ.อนันตศักดิ์ กล่าว

 

แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างตรงจุดตามความต้องการของตนเองในทุกมิติ ทั้งด้านการรักษา บริการ และค่าใช้จ่าย แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงที่ผู้ป่วยได้รับจากการดูแลสุขภาพอย่างมืออาชีพ

 

บทบาท ‘Health Designer’ แพทย์ผู้ให้มากกว่าการรักษา

 

จิ๊กซอว์สำคัญของการขับเคลื่อนแนวคิดนี้คือบุคลากรทางการแพทย์ในบทบาทของ “Health Designer” ที่ต้องออกแบบแผนการรักษา เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายในชีวิตและความต้องการของผู้ป่วยแต่ละคน

 

นพ.อนันตศักดิ์ อธิบายเพิ่มว่า การเป็น Health Designer หมายถึงการปรับบทบาทของทีมแพทย์และบุคลากรให้มุ่งเน้นการออกแบบแผนการรักษาที่ตอบโจทย์ความเป็นอยู่ที่ดีในทุกมิติของผู้ป่วย ทั้งร่างกาย จิตใจ และการใช้ชีวิต

 

“การรักษาให้หายจากโรคอาจไม่เพียงพออีกต่อไป สิ่งสำคัญคือการเข้าใจเป้าหมายในชีวิตของผู้ป่วย เช่น เขาต้องการกลับไปใช้ชีวิตแบบไหน หรือ Pain Point ใดที่เราต้องช่วยแก้ไขให้เขา ทั้งหมดนี้คือหัวใจสำคัญของการเป็น Health Designer” นพ.อนันตศักดิ์ กล่าว

 

อีกหนึ่งแก่นสำคัญของแนวคิด Value Healthcare คือระบบ Value-Based Pricing ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อกำหนดราคาที่สะท้อนถึงคุณค่าที่ผู้ป่วยแต่ละคนต้องการ โดยไม่ใช้ราคาเดียวกันสำหรับทุกคน

 

“ผู้ป่วยแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน บางคนให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย บางคนมุ่งเน้นความสะดวกสบาย หรือบางคนต้องการการรักษาที่คุ้มค่าภายใต้งบประมาณที่กำหนดได้” นพ.อนันตศักดิ์ กล่าวเสริม

 

Health Designer จึงต้องมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารและเสนอทางเลือกที่เหมาะสมกับแต่ละคน เพื่อให้ผู้ป่วยมั่นใจว่าค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปสะท้อนถึงคุณค่าที่แท้จริงที่พวกเขาได้รับ เช่น การเลือกเทคโนโลยีในการรักษาอย่างการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า หรือการใส่ขดลวดถ่างขยายหลอดเลือด (Stent) ซึ่งมีหลากหลายตัวเลือกในราคาที่ต่างกัน Health Designer ต้องช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจและเลือกสิ่งที่สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่พวกเขาต้องการ

 

ด้วยบทบาท Health Designer และการนำเสนอระบบ Value-Based Pricing แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จึงมีหน้าที่มากกว่าการรักษา แต่ยังต้องช่วยผู้ป่วยออกแบบชีวิตที่ดีขึ้นบนพื้นฐานของความต้องการเฉพาะและคุณค่าที่พวกเขาให้ความสำคัญ

 

ความท้าทายของ Health Designer: ความเข้าใจในทุกมิติของผู้ป่วย

 

นอกจากการสื่อสารและนำเสนอทางเลือกที่ตอบโจทย์แล้ว ความท้าทายสำคัญของ Health Designer คือการทำความเข้าใจผู้ป่วยในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ ความคาดหวัง และข้อจำกัดต่างๆ เพื่อออกแบบแผนการรักษาที่มีความยืดหยุ่นและตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด

 

นพ.อนันตศักดิ์ อธิบายว่า “ปกติแพทย์ทุกคนมุ่งหวังที่จะรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุดในมุมมองของตนเอง แต่ในยุคนี้แผนการรักษาต้องได้รับการออกแบบไปพร้อมกับผู้ป่วย โดยตั้งเป้าหมายร่วมกัน เพื่อให้ผู้ป่วยมั่นใจว่าพวกเขาได้รับการดูแลที่เหมาะสมที่สุด ในขณะเดียวกัน ทีมแพทย์เองก็ต้องทำงานร่วมกันกับทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้การรักษาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน”

 

Value Healthcare: การต่อยอด Patient Centric สู่การดูแลเชิงลึก

 

แนวคิด Value Healthcare เป็นการต่อยอดจากหลักการ Patient Centric โดยเน้นการออกแบบบริการเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของผู้ป่วย ยกระดับความเข้าใจในความต้องการของผู้ป่วยแต่ละคนอย่างลึกซึ้ง เช่น การสร้างบริการหรือแผนการรักษาที่สอดคล้องกับคุณค่าที่ผู้ป่วยให้ความสำคัญ

 

นพ.อนันตศักดิ์ กล่าวเสริมว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้ผู้ป่วยรับรู้และเข้าใจว่า คุณค่าที่พวกเขาได้รับนั้นเหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์เฉพาะของพวกเขาอย่างแท้จริง”

 

แนวคิด Value Healthcare: ยกระดับการรักษาเฉพาะบุคคลของสถาบันกระดูกและข้อ เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล

 

การดูแลผู้ป่วยในยุคปัจจุบันไม่ได้หยุดเพียงแค่การรักษาโรค แต่ยังต้องคำนึงถึงคุณค่าที่ผู้ป่วยแต่ละคนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมที่มีความต้องการแตกต่างกันไปตามอายุ การดำเนินชีวิต และเป้าหมายส่วนบุคคล เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลจึงนำแนวคิด Value Healthcare มาใช้ เพื่อออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคลที่เน้นทั้งประสิทธิภาพทางการแพทย์และความคุ้มค่าที่ผู้ป่วยสามารถเลือกได้เอง

 

 

ศ. นพ.ธไนนิธย์ โชตนภูติ ผู้อำนวยการศูนย์อุบัติเหตุและออร์โธปิดิกส์ เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล อธิบายว่า ความหลากหลายของผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมในแง่ของอายุ สุขภาพ และเป้าหมายชีวิต ทำให้การรักษาแบบเดียวกันไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของทุกคนได้

 

“ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมที่อายุน้อยและอยากกลับไปทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับการเคลื่อนไหวได้ดี มีอายุการใช้งานยาวนาน พร้อมด้วยนวัตกรรมที่เพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด รวมถึงมีแผนกายภาพบำบัดที่เหมาะสมกับการฟื้นฟูหลังการรักษา บางคนอาจต้องการทำกายภาพที่บ้าน เพื่อลดระยะเวลาการพักฟื้นในโรงพยาบาล”

 

ในขณะเดียวกัน ผู้ป่วยสูงอายุ เช่น วัย 60 ปี ที่เพียงต้องการกลับมาเดินหรือทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อาจเหมาะกับการใช้อุปกรณ์มาตรฐานที่มีอายุการใช้งาน 25-30 ปี พร้อมระยะเวลาการพักฟื้นในโรงพยาบาลที่นานขึ้น เพื่อให้ครอบครัวหรือญาติสามารถมาเยี่ยมได้ตามความสะดวก

 

ความต้องการเหล่านี้สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายที่ต่างไป แนวคิด Value Healthcare จึงสอดคล้องไปกับ Value-Based Pricing ที่ผู้ป่วยเป็นผู้เลือก

 

“ก่อนหน้านี้เราพบว่าผู้ป่วยบางคนผ่าตัดหายแล้วก็อยากกลับบ้าน บางแพ็กเกจต้องนอนโรงพยาบาล 5 วัน ในขณะที่บางคนบ้านยังไม่พร้อมก็อยากพักรักษาตัวต่อ เราเริ่มเห็นความต้องการที่ไม่ตรงกับแพ็กเกจที่มี ถ้าเราแมตช์ความต้องการให้เหมาะกับคนไข้ ค่าใช้จ่ายก็เป็นไปตามคุณค่าที่เขาต้องการ”

 

เมื่อสวมบทบาทเป็น Health Designer ทีมแพทย์ต้องให้ข้อมูลที่ครบถ้วน ชัดเจน และละเอียด เกี่ยวกับทางเลือกในการรักษา รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจและรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมในกระบวนการรักษา

 

“เราต้องเข้าใจความคาดหวังของผู้ป่วยให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวด การฟื้นฟู หรือผลลัพธ์สุดท้ายที่พวกเขาต้องการ เพื่อช่วยพวกเขาออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด รวมทั้งการสื่อสารถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา” ศ. นพ.ธไนนิธย์ กล่าวสรุป

 

ความท้าทายในการดูแลผู้ป่วยกระดูกและข้อที่มีความซับซ้อน

 

การดูแลผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความซับซ้อนในการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ศ. นพ.ธไนนิธย์ กล่าวว่า “การดูแลผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมมีตั้งแต่ผู้ป่วยที่อาการเล็กน้อยไปจนถึงผู้ที่มีอาการรุนแรงและซับซ้อน ความท้าทายคือการออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมและยืดหยุ่นกับความคาดหวังของผู้ป่วยแต่ละราย”

 

Personalized Care: การรักษาที่คำนึงถึงเป้าหมายเฉพาะบุคคล


แนวทางในการดูแลผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมในเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลมุ่งเน้นไปที่การรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Care) ซึ่งให้ความสำคัญกับความต้องการและเป้าหมายชีวิตของผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยที่ต้องการกลับไปเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่แอ็กทีฟ ศ. นพ.ธไนนิธย์ กล่าวว่า “ในกรณีผู้ป่วยที่อยากกลับไปเล่นกีฬา เช่น เทนนิส เราจะออกแบบแผนการรักษาที่ครอบคลุม ตั้งแต่การเลือกอุปกรณ์ข้อเข่าที่เหมาะสม การผ่าตัดที่แม่นยำ และการฟื้นฟูหลังการรักษา เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และเป้าหมายชีวิตของผู้ป่วย”

 

Value Healthcare

 

ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้วยนวัตกรรมหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ‘VELYS’ เพิ่มความแม่นยำ ลดโอกาสผ่าตัดซ้ำใน 5 ปี พร้อมอายุการใช้งานข้อเข่าเทียมยาวนานกว่า 10 ปี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้ป่วย

 

การตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วย: ‘ฟื้นตัวเร็ว’ เป็นหัวใจของคุณค่า ในการดูแลรักษาผู้ป่วยกระดูกและข้อ ศ. นพ.ธไนนิธย์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนารูปแบบการรักษาที่ไม่เพียงตอบโจทย์ทางการแพทย์ แต่ยังคำนึงถึงคุณค่าที่ผู้ป่วยให้ความสำคัญ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่คาดหวังคือการฟื้นตัวเร็วที่ช่วยให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

 

ใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด VELYS เพื่อความแม่นยำและผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพื่อยกระดับคุณภาพการรักษา เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด VELYS Robotic-Assisted Solutions (VRAS) Generation 4 มาใช้ในกระบวนการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงช่วยลดการใช้รังสีผ่าน CT Scan แต่ยังใช้การประมวลผลแบบเรียลไทม์ ทำให้ทีมแพทย์สามารถวางแผนและปรับเปลี่ยนการรักษาได้ทันที

 

การผ่าตัดด้วย VELYS เป็นอีกก้าวสำคัญของวงการการแพทย์ที่ช่วยยกระดับการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยการลดความเสี่ยง เพิ่มความแม่นยำ และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสการผ่าตัดซ้ำภายในระยะเวลา 5 ปี พร้อมอายุการใช้งานข้อเข่าเทียมที่ยาวนานถึง 10 ปี (ตามเงื่อนไขและเกณฑ์ทางการแพทย์) นับเป็นเทคโนโลยีที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยได้อย่างแท้จริง

 

ทีมแพทย์ยังได้พัฒนาวิธีการรักษา เช่น การผ่าตัดที่ลดการเสียเลือด การหลีกเลี่ยงการใส่สายปัสสาวะ และการลดการใช้น้ำเกลือ ผู้ป่วยสามารถดื่มน้ำได้ภายใน 6 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยสร้างผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า ตอบโจทย์ผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นตัวเร็วและกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

 

คุณค่าเหนือกว่าการรักษา: ความพึงพอใจของผู้ป่วยคือความสำเร็จที่แท้จริง นวัตกรรมทางการแพทย์ที่เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลนำมาใช้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นที่การรักษาให้ผู้ป่วยหายจากอาการเจ็บป่วยเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความพึงพอใจและคุณภาพชีวิตหลังการรักษาของผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ VELYS ได้เริ่มใช้งานจริงแล้วในเคสผู้ป่วยข้อเข่าเทียม และได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพึงพอใจ

 

“การรักษาที่ดีไม่ได้วัดผลเพียงแค่ความสำเร็จทางการแพทย์อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการที่ผู้ป่วยรู้สึกพอใจในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ก่อนการรักษา การพักฟื้นในโรงพยาบาล และความสามารถในการกลับไปใช้ชีวิตตามเป้าหมายที่ต้องการ” ศ. นพ.ธไนนิธย์ กล่าวสรุป

 

แนวทางที่ผสมผสานนวัตกรรม เทคโนโลยี และความใส่ใจในความต้องการเฉพาะบุคคลนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับความเป็นเลิศของสถาบันกระดูกและข้อ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุมและมีคุณภาพบนมาตรฐานสากล

 

แนวคิด Value Healthcare กับความเป็นเลิศทางการรักษาโรคหัวใจ: พลิกโฉมความซับซ้อนให้ตอบโจทย์ผู้ป่วยในทุกมิติ

 

โรคหัวใจนับเป็นหนึ่งในโรคที่ซับซ้อนทั้งในด้านการวินิจฉัย การรักษา และการดูแลหลังผ่าตัด โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย นพ.ทวนทศพร สุวรรณจูฑะ ผู้อำนวยการฝ่ายมาตรฐานการแพทย์ เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล และผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าวถึงการนำแนวคิด Value Healthcare มาใช้ว่า ไม่เพียงช่วยให้การรักษามีความยืดหยุ่นและเป็นระบบมากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้ป่วยในมิติที่หลากหลาย

 

“การรักษาโรคหัวใจไม่ใช่แค่การจัดการกับอาการป่วย แต่เป็นการออกแบบเส้นทางการดูแลที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตตามที่เขาต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยอายุ 40 หรือ 70 ปี ความต้องการและเป้าหมายชีวิตแตกต่างกันอย่างชัดเจน แพทย์จึงต้องปรับการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย”

 

นพ.ทวนทศพร เน้นย้ำว่า บทบาทของแพทย์ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การรักษาทางการแพทย์ แต่ต้องทำหน้าที่เป็น Health Designer ที่ช่วยออกแบบแนวทางการรักษา โดยคำนึงถึงเป้าหมายและความต้องการของผู้ป่วยร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือค่าใช้จ่ายที่ผู้ป่วยพึงพอใจที่จะจ่าย

 

Value Healthcare

นพ.ทวนทศพร สุวรรณจูฑะ ผู้อำนวยการฝ่ายมาตรฐานการแพทย์ เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล
และผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 2

 

เทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างห้องผ่าตัดไฮบริด (Hybrid Operating Room) เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญในการรักษาโรคหัวใจที่ซับซ้อน ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำ ลดความเสี่ยง และยกระดับความปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีภาพวินิจฉัยขั้นสูง เช่น MRI และ CT Scan รวมถึงการผ่าตัดผ่านกล้องแบบแผลเล็ก (Minimally Invasive Surgery: MIS) ที่ช่วยลดระยะเวลาการพักฟื้นและลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว ผู้ป่วยจึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้เร็วขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความคาดหวังของชีวิตในแบบที่เขาต้องการ

 

การนำแนวคิด Value Healthcare และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มคุณค่าในกระบวนการรักษา แต่ยังช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ครอบคลุมและตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

ผลลัพธ์ที่จับต้องได้: คุณภาพชีวิตและความพึงพอใจของผู้ป่วย

 

“หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนแนวคิดนี้อย่างชัดเจนคือกรณีที่ผู้ป่วยต้องขยายหลอดเลือดหัวใจที่ตีบด้วยขดลวด พร้อมกับการผ่าตัดหลอดเลือดใหญ่กลางทรวงอกในครั้งเดียว ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการต้องดมยาสลบ 2 ครั้งและลดระยะเวลาการพักฟื้นลงถึงครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ ยังช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการรักษาและลดภาระทางจิตใจของผู้ป่วย

 

“อีกตัวอย่างหนึ่งคือการใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์การทำงานของหลอดเลือดหัวใจ (Fractional Flow Reserve: FFR) ที่ช่วยให้แพทย์วิเคราะห์ได้แม่นยำว่าหลอดเลือดตีบตันในระดับใด และควรใส่ขดลวดถ่างขยายในจำนวนที่เหมาะสม ผลลัพธ์คือผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างจำเพาะเจาะจง ใช้ขดลวดน้อยลง ลดการสัมผัสรังสี และเพิ่มความปลอดภัยในระยะยาว”

 

บริการ Telehealth: เชื่อมต่อการดูแลที่สะดวกสบายและใกล้ชิด

 

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน การให้บริการทางการแพทย์แบบ Telehealth เป็นอีกหนึ่งมิติที่ช่วยยกระดับการดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางมายังโรงพยาบาล เช่น บริการให้คำปรึกษาผ่านระบบ Telecare ซึ่งเป็นวิดีโอคอลแบบเรียลไทม์ ช่วยติดตามอาการของผู้ป่วยหลังการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังสามารถดูผลตรวจแล็บและนัดหมายแพทย์ผ่านแอปพลิเคชัน HealthUp ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในทุกขั้นตอน

 

นพ.ทวนทศพร กล่าวว่า “การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจที่ซับซ้อนจำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของแพทย์หลายสาขาในฐานะ ‘ทีมดูแลผู้ป่วย’ โดยทุกขั้นตอนจะได้รับการออกแบบให้ตอบสนองต่อเป้าหมายชีวิตของผู้ป่วยและอยู่ภายใต้มาตรฐานทางการแพทย์สูงสุด ความท้าทายสำคัญคือการสื่อสารให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและความต้องการเฉพาะบุคคลของผู้ป่วย การอธิบายตัวเลือกการรักษาที่มีอย่างละเอียดจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมได้”

 

เมื่อถามถึงตัวชี้วัดความสำเร็จในการรักษาโรคหัวใจตามแนวคิด Value Healthcare นพ.ทวนทศพร ตีความ KPI ของทีมแพทย์หัวใจและหลอดเป็น 3 ด้าน ได้แก่

 

  1. ผลลัพธ์ทางการแพทย์ ผลการรักษาไม่ใช่เพียงแค่การเปิดหลอดเลือดที่อุดตัน แต่ยังรวมถึงการรักษาให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคซ้ำ
  2. ความพึงพอใจของผู้ป่วย กระบวนการรักษาที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และผลลัพธ์ที่ผู้ป่วยสามารถสัมผัสได้
  3. KPI ของกลุ่มวิชาชีพ การปฏิบัติตามมาตรฐานทางการแพทย์ การรักษาที่เป็นไปตามแนวทางระดับสากล

 

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น นพ.ทวนทศพร ยกตัวอย่าง Use Case ที่ทีมแพทย์และคนไข้ร่วมกันออกแบบแผนการรักษาตามแนวคิด Value Healthcare

 

“เคสแรกผู้ป่วยอายุ 37 ปีที่เป็นนักวิ่งมาราธอน มีหลอดเลือดหัวใจตีบในหลายตำแหน่ง หลังจากแพทย์สอบถามเป้าหมายการรักษา ผู้ป่วยแสดงความต้องการกลับไปวิ่งมาราธอน ถ้ารักษาด้วยการทำบอลลูน ถึงจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่จะไม่สามารถวิ่งมาราธอนได้ แพทย์จึงแนะนำให้ผ่าตัดบายพาสแทนการขยายบอลลูน ผลลัพธ์คือผู้ป่วยสามารถกลับไปวิ่งได้อีกครั้งเป็นเวลา 10 ปี

 

“เคสที่สอง ผู้ป่วยน้ำท่วมปอดที่ต้องกลับไปรักษาตัวที่ต่างจังหวัด ทีมแพทย์ใช้บริการ Telecare ในการติดตามอาการ พบว่าผู้ป่วยหยิบยาผิดเนื่องจากการจัดยาที่ไม่เป็นระเบียบ ทีมแพทย์จึงให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์ ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาผิด ทำให้การดูแลผู้ป่วยใกล้ชิดยิ่งขึ้น”

 

ตัวชี้วัดความสำเร็จผ่านแนวคิด Value Healthcare

 

ในบริบทของการดูแลผู้ป่วยยุคใหม่ การประเมินผลลัพธ์ความสำเร็จเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเดิมที่เคยวัดกันด้วยอัตราการเสียชีวิตหรือระยะเวลาที่ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้เร็วที่สุดมาสู่การให้ความสำคัญกับ ‘คุณค่าที่แท้จริง’ ที่ผู้ป่วยต้องการ นพ.อนันตศักดิ์ ชี้ให้เห็นถึงหัวใจสำคัญของแนวคิด Value Healthcare ว่า ตัวชี้วัดจะต้องสะท้อนถึงความพึงพอใจและคุณค่าในมุมมองของผู้ป่วย ไม่ใช่เพียงสิ่งที่แพทย์ให้ความสำคัญ

 

“เราวัดความสำเร็จผ่านผลลัพธ์ที่ผู้ป่วยได้รับ เช่น เขาสามารถกลับไปใช้ชีวิตและทำกิจกรรมที่มีความหมายกับเขาได้หรือไม่ หากผู้ป่วยอยากปีนเขาหลังจากการผ่าตัดหัวเข่า ผลลัพธ์ที่สำคัญคือเขาสามารถกลับไปปีนเขาได้จริง นอกจากการรักษา เรายังวัดเรื่องบริการและความคุ้มค่าที่ผู้ป่วยพึงพอใจด้วย” นพ.อนันตศักดิ์ กล่าว

 

Value Healthcare

 

อีกหนึ่งมิติที่สำคัญคือการนำแนวคิด Patient-Generated Outcome มาปรับใช้ โดยแพทย์จะต้องพูดคุยและทำความเข้าใจกับผู้ป่วยถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการและสามารถทำได้จริงภายใต้ข้อจำกัดทางการแพทย์ การร่วมกันกำหนดเป้าหมายก่อนเริ่มการรักษา ช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ตรงกับคุณค่าที่ผู้ป่วยให้ความสำคัญ

 

แผนการขับเคลื่อนแนวคิด Value Healthcare สู่การปฏิบัติจริง

 

นพ.อนันตศักดิ์ กล่าวถึงแผนการขับเคลื่อนแนวคิดนี้ว่า เป้าหมายสำคัญคือการทำให้ Value Healthcare กลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่หยั่งรากลึกในทุกระดับของการทำงาน บุคลากรทุกคนต้องมีความเข้าใจในเรื่องของ ‘คุณค่าที่ผู้ป่วยควรได้รับ’ และสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจน

 

“โจทย์สำคัญของเราคือการตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้ป่วยในทุกกลุ่ม พร้อมกับยกระดับมาตรฐานการรักษาที่สามารถตอบโจทย์คุณค่าที่ลูกค้าต้องการได้มากขึ้น” นพ.อนันตศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

การมุ่งเน้นไปที่ความต้องการของผู้ป่วยอย่างแท้จริงไม่เพียงช่วยสร้างความพึงพอใจในระยะสั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาว พร้อมกับสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการแพทย์ในประเทศไทย

 
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising