เกิดอะไรขึ้น:
ดัชนีกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (PF&REIT) ปรับตัวลดลง 6.6% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา Underperform SET อยู่ 7% หลักๆ ได้รับแรงกดดันมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 3.8% มาอยู่ที่ 4.4% เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์ว่าจะทำให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสหรัฐฯ ช้ากว่าที่คาดการณ์กันไว้
นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของประเทศไทย เปิดเผยระหว่างการแถลงผลการประชุม กนง. ครั้งล่าสุดว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยเข้าสู่วงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทำให้ตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก
InnovestX Research เล็งเห็นปัจจัยกระตุ้นราคากลุ่ม REITs และ IFFs ในระยะสั้น 2 ประการในเดือนธันวาคม คือการประชุม กนง. และ Fed โดยการประชุม กนง. จะมีขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม และคาดว่า กนง. จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง 25 bps จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า นอกจากนี้ยังคาดว่า Fed จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงอีก 25 bps ในการประชุมวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อกลุ่ม REITs และ IFFs เนื่องจากจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดูน่าสนใจมากขึ้น
Yield Spread (ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของกลุ่ม REITs และ IFFs กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี) ของกลุ่ม REITs และ IFFs ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าสนใจที่ 6% ซึ่งเท่ากับระดับเกือบ +2SD จากค่าเฉลี่ย 5 ปี เมื่ออิงกับข้อมูลในอดีต Yield Spread เคยอยู่ที่ระดับนี้ครั้งล่าสุดในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีอยู่ที่ 2.6% เทียบกับ 2.5% ในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดตอบสนองต่อพัฒนาการล่าสุดมากเกินไป ซึ่งมองว่า Yield Spread ที่ระดับปัจจุบันน่าสนใจ และเชื่อจะช่วยจำกัด Downside
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น LHHOTEL ปรับขึ้น 3.05% สู่ 13.50 บาท และราคาหุ้น FTREIT ปรับขึ้น 2.94% สู่ 10.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 1.11% สู่ 1,443.90 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
LHHOTEL (ราคาเป้าหมาย 16.5 บาท) ยังคงเป็น Top Pick ในกลุ่ม REITs และ IFFs เนื่องจาก LHHOTEL จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานของสินทรัพย์อ้างอิงแข็งแกร่งใน 9M67 และคาดว่าจะดีต่อเนื่องใน 4Q67 ที่เป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว นอกจากนี้ LHHOTEL ยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดีที่ 9.2% ในปี 2567 และ 9.3% ในปี 2568 ด้วย
FTREIT (ราคาเป้าหมาย 12.5 บาท) เป็นอีกหนึ่ง Top Pick โดยราคาปรับตัวลดลงมาแล้ว 4.5% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดูน่าสนใจมากขึ้นที่ 7.1% ในปี FY2567 (ตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) และ 7.3% ในปี FY2568 นอกจากนี้ FTREIT ยังจะได้รับประโยชน์จากความต้องการพื้นที่อุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย จากการพูดคุยกับผู้จัดการกอง REITs ยังไม่มีสัญญาณว่าลูกค้าจะชะลอการตัดสินใจหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นจะส่งผลลบต่อกลุ่ม REITs และ IFFs เนื่องจากจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดูน่าสนใจน้อยลง
Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุน และบทวิเคราะห์คุณภาพโดย InnovestX 🚀REITs & IFFs – ได้เวลาสะสม
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/industry-analysis/industry-analysis/reits-20241126