วันนี้ (21 พฤศจิกายน) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนา PRACHACHAT THAILAND 2025 โอกาส | ความหวัง | ความจริง และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ‘ประเทศไทย: โอกาส-ความหวัง-ความจริง’ โดยมี มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมคณะ
นายกฯ กล่าวปาฐกถาว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย และกลับมาจากเปรู ได้คุยกับผู้นำทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลมองเห็น ‘โอกาสที่จับต้องได้’ รัฐบาลเชื่อมั่นมาตลอดว่าคนไทยมีศักยภาพ รัฐบาลจึงตั้งเป้าหมายว่าจะต้องกระจายโอกาสโดยเฉพาะทางเศรษฐกิจไปให้ถึงประชาชนทุกคนอย่างเท่ากันทั้งประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาความยากจนให้สำเร็จภายใต้ข้อจำกัดที่มี ทำงานกันอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพียงวิธีเดียว และสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องการทำคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากท้องอิ่มศักยภาพก็จะถูกผลักดันออกมา ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ มีแรงที่จะผลักดันประเทศ และลดความเหลื่อมล้ำ
สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุไว้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอยู่ที่ 2.7 ซึ่งอยู่ในช่วงฟื้นตัว ในไตรมาส 3 ปีนี้อยู่ที่ 3% โดยรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวที่ยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มมากกว่า 28% จากปีที่แล้ว คาดว่าในปีนี้จะมียอดนักท่องเที่ยวสูงถึง 36 ล้านคน และภาคการท่องเที่ยวของเรากำลังกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์นี้เกิดจากนโยบายด้านการท่องเที่ยว ฟรีวีซ่า การพัฒนาการบริการของสนามบิน และนโยบาย Festival Country ที่ทำต่อเนื่อง
ในระหว่างเยือนต่างประเทศได้แลกเปลี่ยนกับผู้นำระหว่างประเทศ ซึ่งตนพยายามย้ำว่าสถานการณ์ทางการเมืองมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น นักธุรกิจต่างชาติก็จะมั่นใจ ตนมีหน้าที่ เคยบอกทุกคนให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะอยู่จนครบเทอม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และสิ่งที่ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เคยไปบอกทั่วโลก ตนก็จะสานต่อ
ทั้งนี้ สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งทรัมป์มีนโยบายพุ่งเป้าไปยังประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ทั้งจีน เม็กซิโก ญี่ปุ่น รวมถึงไทยด้วย ประเทศเหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าอย่างแน่นอน
นายกฯ ยังเน้นย้ำถึงโอกาสของประเทศซึ่งมีอยู่ 3 ทาง ประกอบด้วย โอกาสในอาหาร ที่จะต้องพัฒนาแบบภาพรวมผ่านการใช้เทคโนโลยีเพื่อยืดความสดและปลอดภัยของอาหาร และพยายามฟื้นครัวไทยสู่ครัวโลก การขายอาหารสำเร็จรูปทั้งสมุนไพรและเครื่องปรุง รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของเชฟผ่านโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย
โอกาสในสุขภาพ หรือ Wellness อย่างนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่ยกระดับเป็น 30 บาทรักษาทุกที่ ให้ทุกคนเข้าถึงอย่างง่ายดายและไม่เสียเวลา ซึ่งทั่วโลกยอมรับและต้องการศึกษาว่าจะทำอย่างไรได้บ้างให้มีนโยบายประมาณนี้ ขณะเดียวกัน หมอในไทยมีศักยภาพสูง ได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติและต้องการเข้ามารักษาในไทย จึงจำเป็นต้องพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ ในส่วนของมวยไทย ที่ยุโรปมีค่ายมวยกว่า 40,000 แห่งที่ต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้ได้รับการรับรองต่อไป พร้อมกับส่งเสริมพืชสมุนไพรเพื่อให้เป็นยารักษาโรค เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ
รวมถึงโอกาสในอุตสาหกรรมที่สร้างซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งวัฒนธรรมของไทยมีเสน่ห์ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ จึงจำเป็นต้องผูกวัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาคเข้าด้วยกันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว พร้อมกับส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมการถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย เพื่อให้เกิดการขยายการจ้างงานในพื้นที่ ส่วนภาพยนตร์ของไทยเองก็จะมีการสนับสนุน เนื่องจากปัจจุบันได้รับการชื่นชมจากต่างประเทศ อย่างเรื่อง หลานม่า ขณะเดียวกัน เกมของไทยสามารถเป็นสิ่งอำนวยการผลักดันสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ
ขณะที่เรื่องพลังงานและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย วันหนึ่งก็จะหมดไป เนื่องจากคาดว่า 10 ปีก๊าซจะหมด เพราะฉะนั้น MOU 44 ที่เป็นกระแส เราจำเป็นต้องพูดคุยกับกัมพูชาว่าจะแบ่งการใช้ก๊าซธรรมชาติร่วมกันได้อย่างไร จึงต้องแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพูดคุยในเรื่องนี้ และเกาะกูดไม่เกี่ยว ขณะที่พลังงานสะอาดซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกนั้นรัฐบาลยืนยันว่าจะสนับสนุนการใช้โซลาร์เซลล์ให้มากขึ้น
นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายว่ารัฐบาลจะแถลงผลงานครบ 90 วันในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ รับรองได้ว่าจะมีนโยบายดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้กับประชาชนด้วย