×

ผ่ากลยุทธ์ใหม่ ‘ไทยยูเนี่ยน’ กับภารกิจครั้งสำคัญเสริมแกร่งธุรกิจหลัก สร้างคลื่นลูกใหม่ ขยายโอกาสผ่านน่านน้ำใหม่ ดันเป้ายอดขายปี 2573 ทะลุ 2.45 แสนล้านบาท กำไรพุ่ง 2 เท่า [PR NEWS]

โดย THE STANDARD TEAM
19.11.2024
  • LOADING...
ไทยยูเนี่ยน

HIGHLIGHTS

6 min read
  • ถึงวันนี้ ‘ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป’ หรือ TU ดำเนินธุรกิจ 47 ปีเต็ม จนขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก เรียกง่ายๆ ว่าเป็นบริษัทระดับโลกไปแล้ว เพราะมีบริษัทย่อยกว่า 69 บริษัทกระจายกันอยู่ในหลายทวีป ทั้งเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกา
  • ปัจจุบันธุรกิจหลักคืออาหารทะเลแปรรูป ตามด้วยอาหารทะเลแช่แข็ง แช่เย็น, กลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (Value-added) และอาหารสัตว์เลี้ยง ชนิดที่ว่าทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของไทยยูเนี่ยนกระจายในหลากหลายช่องทางขายทั่วโลก และที่ผ่านมาทุกกลุ่มสินค้าสร้างรายได้และกำไรเติบโตขึ้นทุกปี
  • แต่เมื่อบริบททางสังคมเปลี่ยนผ่านสู่โลกใหม่ หากธุรกิจยังทำงานด้วยวิธีเดิมๆ อาจสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ แต่ไทยยูเนี่ยนไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ประกาศ โรดแมปใหม่ กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 ตั้งเป้าพิชิตยอดขาย 2.45 แสนล้านบาท

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ฉายภาพว่า ปัจจุบันโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะการต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเติบโตของ GDP ทั่วโลกที่ยังชะลอตัว ตลอดจนภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น มีส่วนทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง

 

นอกจากนั้น พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย ผู้บริโภคหลายคนหันมาใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพตัวเองและสัตว์เลี้ยงมากขึ้นกว่าในอดีต สะท้อนให้เห็นว่าทุกความท้าทายที่เกิดขึ้นมีโอกาสให้ธุรกิจต้องคว้าเอาไว้ให้ได้

 

 

แม้สภาพตลาดยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนสูง แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากอัตราดอกเบี้ยเริ่มลดลง และเงินเฟ้อเองก็ลดลงเช่นกัน จึงมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจกำลังจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งหากย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อนไทยยูเนี่ยนเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะเน้นต่อยอดจากสินค้าเดิมไปสู่สินค้าใหม่และการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ

 

เปลี่ยนมุมมองการทำธุรกิจรับโลกยุคใหม่

 

แต่วันนี้ต้องบอกว่ามุมมองการทำธุรกิจของไทยยูเนี่ยนเปลี่ยนไปอย่างมาก เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เร็วขึ้น ไทยยูเนี่ยนไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง นอกจากมุ่งเน้นการเติบโตของรายได้ยังต้องเน้นความสามารถในการทำกำไรให้มากขึ้น

 

 

ทั้งหมดจะช่วยให้องค์กรเดินหน้าไปสู่เป้าหมายสร้างยอดขายให้ได้ 2.45 แสนล้านบาท และทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี 2573

 

 

“เราพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ขององค์กร” หัวเรือใหญ่ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ย้ำ

 

แล้วอะไรคือกุญแจช่วยผลักดันให้ไทยยูเนี่ยนสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

 

พอล เฮอร์โฮลซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และทรานส์ฟอร์เมชั่น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อไปว่า ความสำเร็จทั้งหมดจะมาจากแผนงานและกลยุทธ์ที่จะมุ่งสู่ปี 2573 เน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจที่เติบโตได้ดี พร้อมเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจเดิม ธุรกิจใหม่ รวมถึงการควบรวมกิจการ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

ไทยยูเนี่ยน

 

เมื่อมาดูหัวใจสำคัญของทิศทางการดำเนินธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 แกนหลัก เริ่มตั้งแต่

 

 

  1. สร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ อาหารทะเลแปรรูป อาหารแช่เย็น และอาหารสัตว์ เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่จำเป็นสำหรับการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตใหม่ๆ
  2. สร้างคลื่นลูกใหม่ของการเติบโต มุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตเร็ว เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทาน และอินกรีเดียนท์ ซึ่งไทยยูเนี่ยนเชื่อว่าจะยังคงขับเคลื่อนการเติบโตของผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
  3. การเปิดน่านน้ำใหม่ มุ่งเน้นการแสวงหาไอเดียและเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และโปรตีนทางเลือก เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของไทยยูเนี่ยนในอนาคต

 

 

กลยุทธ์ทั้งหมดช่วยวางรากฐานให้องค์กรแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน

 

และจะยิ่งแข็งแรงมากขึ้นไปอีกคือบริษัทเตรียมดำเนินงานผ่าน 2 โปรเจกต์ทรานส์ฟอร์เมชันเข้ามาช่วย ซึ่งอยู่ภายใต้กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573

 

ไทยยูเนี่ยน

 

  1. โปรเจกต์โซนาร์ (Project Sonar) ซึ่งเป็นโครงการทรานส์ฟอร์เมชันของกลุ่มบริษัท ที่วางรากฐานในการเติบโตระยะยาวและตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนเฉลี่ยต่อปี 2,625 ล้านบาท (75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

 

 

แน่นอนว่าการจะลดต้นทุนได้ต้องปรับโครงสร้างองค์กรและการพัฒนาบุคลากร มุ่งเน้นลดต้นทุนด้วยการสร้างขีดความสามารถด้านการจัดซื้อและนำดิจิทัลและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งสัดส่วนงบประมาณ 40% ของเงินส่วนนี้จะถูกนำกลับมาลงทุนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจต่อไป

 

  1. โปรเจกต์เทลวินด์ (Project Tailwind) เร่งการเติบโตในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 1,750 ล้านบาท (50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปี

 

สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป

 

หากพูดถึงสิ่งที่น่าสนใจของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นตลาดที่กำลังสดใส จะนำความเชี่ยวชาญทางธุรกิจและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อตลาด รู้ลึก รู้จริง ถึงความต้องการของลูกค้า เข้ามาช่วยสร้างการเติบโตควบคู่กับการสร้างขีดความสามารถใหม่ๆ เพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดซื้อและกระบวนการผลิต

 

 

ขณะเดียวกัน โปรเจกต์เทลวินด์จะมุ่งเน้นไปที่การเร่งขับเคลื่อนการเติบโตจากการเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในปัจจุบันอย่างบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะมุ่งสร้างการเติบโตจากการควบรวมกิจการ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ 3 เท่าอยู่ที่ประมาณ 52,500 ล้านบาท (1,500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2573

 

สุดท้ายแล้วจะยิ่งเห็นภาพความสำเร็จได้มากขึ้น เมื่อทั้ง 2 โปรเจกต์ดำเนินการควบคู่กันไปและสอดคล้องกัน เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 และยังส่งเสริมการรวมแผนงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในอนาคตได้อีกด้วย

 

ไทยยูเนี่ยน

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X