ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 Michael Saylor ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการของ MicroStrategy ตัดสินใจเริ่มลงทุนใน Bitcoin ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนการลงทุนขึ้นต่อเนื่อง จนปัจจุบันมูลค่าการถือครอง Bitcoin ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9 แสนล้านบาท
มูลค่าของ Bitcoin ในระดับนี้ทำให้ MicroStrategy กลายเป็นบริษัทที่มีเงินสดและสินทรัพย์ทางการเงินคิดเป็นมูลค่ามากกว่าบริษัทชั้นนำอย่าง IBM, Nike และ Johnson & Johnson จากข้อมูลของ Bloomberg โดยมีบริษัทชั้นนำเพียง 10 กว่าแห่ง เช่น Apple และ Alphabet ที่มีสินทรัพย์ในคลังมากกว่า
ราคาหุ้นของ MicroStrategy เพิ่มขึ้นกว่า 2,500% หรือกว่า 250 เท่า ตั้งแต่กลางปี 2020 ซึ่งมากกว่าการปรับตัวขึ้นของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 700% ในช่วงเวลาเดียวกัน และทำให้บริษัทกลายเป็นหุ้นสหรัฐอเมริกาที่มีผลตอบแทนสูงสุดท่ามกลางราคา Bitcoin ที่กำลังพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 93,500 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม Dave Zion ผู้ก่อตั้ง Zion Research Group กล่าวว่า “งบดุลของบริษัทขึ้นอยู่กับราคาของ Bitcoin เป็นหลัก” โดย MicroStrategy ไม่มีอำนาจควบคุมราคา Bitcoin และกลยุทธ์นี้ขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาดที่อาจสูงขึ้นหรือลดลง
ในขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ใช้สินทรัพย์ทางการเงินเพื่อสนับสนุนธุรกิจหรือคืนผลตอบแทน เช่น การจ่ายเงินปันผลหรือซื้อหุ้นคืน แต่ Saylor โต้แย้งว่ากลยุทธ์ ‘ซื้อและถือ’ ของเขาจะสร้างผลประโยชน์ให้ผู้ถือหุ้นโดยตรง
Saylor ยังคงเพิ่มการลงทุน โดยตั้งเป้าระดมทุน 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 3 ปีข้างหน้า รวมถึงการสะสม Bitcoin ที่ใช้ต้นทุนรวมประมาณ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าปัจจุบันเกินครึ่ง
อ้างอิง: