วานนี้ (16 พฤศจิกายน) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ขึ้นเวทีปราศรัยเวทีหนองประจักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี บอกกราบคำขอบคุณคุณลุงคนหนึ่งที่ขึ้นเวทีปราศรัยจังหวัดอุดรธานี ซึ่งพาดพิงถึงการเสนอกฎหมายของพรรคประชาชนว่าไม่จำเป็น โดยเหตุที่ต้องกล่าวขอบคุณนั้น เพราะสิ่งที่พูดทำให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นว่า พรรคประชาชนคือพรรคการเมืองเดียวเอาจริงเอาจังในการเดินหน้าผลักดันนโยบายผ่านการเสนอกฎหมายในสภา และมีกฎหมาย 80 ฉบับที่มีการผลักดันในสภา
ณัฐพงษ์ยังตอบโต้กรณีอดีตนายก อบจ.อุดรธานี ที่กล่าวว่า หัวหน้าพรรคประชาชนมีบางอย่างที่ไม่รู้จริง การรู้จริงไม่จริงไม่เท่ากับรู้โจทย์และรู้ใจของประชาชนว่าจะต้องแก้อะไร นอกจากนี้ยังโต้กลับกรณีที่ว่าหากเลือกผู้สมัครของพรรคประชาชนจะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาพัฒนาจังหวัด ซึ่งณัฐพงษ์ชี้แจงว่า ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ในทางปฏิบัติหลายนโยบายไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ แต่ใช้ความตั้งใจและความโปร่งใสในการใช้เงินภาษีของประชาชนก็สามารถส่งมอบนโยบายได้
กรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร บอกว่า นั่งเครื่องบินระหว่างทางเห็นป้ายหาเสียงที่ไม่ได้มีแค่ผมแต่มีพิธาด้วย และพิธาหล่อกว่าเลยต้องติดป้ายคู่พิธา สิ่งที่ทักษิณทำให้ทุกคนเห็นคือ ทำให้พวกเขาเข้าใจเราผิดที่บอกว่าอุดรธานีเป็นเมืองหลวง เป็นเจ้าของคะแนนเสียง แต่กลับกันสิ่งที่พรรคประชาชนได้แสดงออกไม่ว่าจะเป็น พรรณิการ์ วานิช, ชัยธวัช ตุลาธน, ปิยบุตร แสงกนกกุล, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รวมถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งบุคลากรเหล่านี้แม้จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิพลเมืองที่จะพัฒนาเพื่อชาวอุดรธานีและทำให้เห็นความแตกต่าง
ณัฐพงษ์ชี้แจงการทำหน้าที่ของตัวเองหลังจากถูกตั้งคำถามว่าเงียบหาย แต่สิ่งที่ไปทำหน้าที่ในจังหวัดมุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี และเชียงใหม่ พยายามไปทั่วประเทศ ได้พบทีมงานทุกจังหวัด และได้รับกำลังใจจากทีมจังหวัดทุกคน ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่า โจทย์ที่เข้ามาการเมืองตั้งแต่วันแรกคือต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ทักษิณมาขึ้นเวทีปราศรัยที่อุดรธานีแอบสงสัยว่าต้องการแสดงออกอะไร และเหตุใดถึงคิดว่าเวทีแห่งนี้ถึงแพ้ไม่ได้
“เขาต้องการแสดงออกให้กลุ่มบุคคลชั้นนำที่ถือใบอนุญาตอีกใบ รู้ว่าทักษิณยังมีประโยชน์ต่อกลุ่มคนเหล่านั้นจึงแพ้ไม่ได้ แค่โจทก์ตั้งต้นก็ต่างกันแล้ว” ณัฐพงษ์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า รู้ว่าประชาชนเคยมองว่าทักษิณเป็นตัวแทนการต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรม แต่วันนี้โจทย์เปลี่ยนไปจึงชี้ให้เห็นว่า หลังจากที่ทักษิณกลับมาแบบผู้ยิ่งใหญ่คุกก็ไม่ติดสักวัน หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น อบจ. ที่อุดรธานีแต่ยังไม่เห็นนโยบาย โดยมั่นใจว่านโยบายหาเสียงของพรรคประชาชนนั้นจัดเต็มกว่า
ณัฐพงษ์ยังโต้กลับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ปราศรัยว่า เลือกผู้สมัครจากพรรครัฐบาลเดี๋ยวจะมีเงินงบประมาณมาช่วยในอุดรธานีอย่างเต็มหน่วย และกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกัน ซึ่งหลักการทำงานไม่ว่าท้องถิ่นจะสังกัดพรรคการเมืองใด รัฐบาลกลางจะต้องผลักดันวาระการกระจายอำนาจทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจ มีงบประมาณ และมีบุคลากรเพียงพอในการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน
ไม่ใช่ตอนหาเสียงสัญญาไว้แบบหนึ่ง แต่พอเข้าสู่อำนาจอยากรวมศูนย์อำนาจไว้และไม่อยากกระจายอำนาจ ขณะที่พรรคประชาชนยืนยันหลักการกระจายอำนาจ เพราะไม่ว่าจะส่งผู้สมัครลงในสนามจังหวัดใด และในวันหนึ่งหากพรรคประชาชนได้เป็นรัฐบาลแล้วจังหวัดนั้นไม่ได้มาจากพรรคประชาชน ก็ยังคงยืนยันการผลักดันการกระจายอำนาจ เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลส่วนกลาง
“ตั้งแต่พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า เรายังไม่เคยชนะการเลือกตั้งในสนาม อบจ. มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าหากวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ชาวอุดรธานีปักธงส้ม ส่ง คณิศร ขุริรัง เป็นนายก อบจ.อุดรธานี เราจะทำให้สิ่งต่างๆ เห็นผลได้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น” ณัฐพงษ์กล่าว
