วันนี้ (13 พฤศจิกายน) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นิติพัฒน์ ชูกล้ากสิกรณ์ ประธานสืบสวนและไต่สวน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดสมุทรสาคร เดินทางเข้าสอบปากคำและสอบถามข้อเท็จจริงกับ ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งติดอันดับสำรอง
แต่ขณะนี้เป็นผู้ต้องหาในข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), มาตรา 5, มาตรา 9 วรรคสอง และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
นิติพัฒน์เปิดเผยว่า การเดินทางมาวันนี้เพื่อให้ทนายตั้มชี้แจงกรณีที่มีคนร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติการสมัคร สว. โดยพบว่าทนายตั้มอาจขาดคุณสมบัติในการประกอบวิชาชีพทำงานเพื่อประชาชน โดยตามกฎหมายจะต้องประกอบอาชีพ 10 ปีขึ้นไป ที่ผ่านมามีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ช่วงหลังการเลือก สว. ประมาณ 1-2 เดือน หรือประมาณช่วงปลายเดือนกันยายน
จากนั้น กกต. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวโดยมีตนเองเป็นประธาน ที่ผ่านมาสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวเรื่อยมาจนกระทั่งถึงขั้นตอนการเรียกให้ทนายตั้มเข้าชี้แจงเรื่องดังกล่าว แต่ในครั้งแรกทนายตั้มขอเลื่อนการชี้แจงไปเป็นวันที่ 27 พฤศจิกายน ตลอดเวลามีการขยายกรอบการไต่สวนสืบสวนเรื่องดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง หลังจากวันนี้ได้ข้อมูลจากทนายตั้มก็จะนำไปพิจารณาในคณะว่ามีเหตุผลและหลักฐานพอที่จะเชื่อได้หรือไม่และลงมติพิจารณา
นิติพัฒน์กล่าวต่อว่า หากทนายตั้มขาดคุณสมบัติตามที่มีการร้องเรียนมาจะถูกถอดถอนจากการเป็นตัวสำรองของ สว. ทันที และจะถูกดำเนินคดีในข้อหารู้ว่าไม่มีคุณสมบัติแล้วมาสมัคร ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ทั้งนี้ ต้องรอการพิจารณาจากองค์คณะสอบสวนอีกครั้ง ซึ่งจากการพิจารณาอาจต้องขยายกรอบการพิจารณาออกไปอีก 1 ครั้ง เพราะยังติดปัญหาเรื่องผู้สมัครที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำ
ส่วนกรณีที่ทนายตั้มถูกดำเนินคดีฉ้อโกงขณะนี้ กรณีดังกล่าวถือว่าคดีความยังไม่สิ้นสุดและยังไม่ถึงขั้นที่จะถอดถอนทนายตั้มออกจากการเป็นตัวสำรอง สว. ในขณะนี้ได้
