วันนี้ (12 พฤศจิกายน) JAS ชี้แจงเกี่ยวกับข่าวการคว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นระยะเวลา 6 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป ที่ร้านอาหาร Green House Bistro ติดกับ MONO29 โดยมี ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) เปิดใจกับสื่อมวลชน หลังจากบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้ข้อมูล
ซึ่ง THE STANDARD SPORT พูดคุยกับ ดร.โสรัชย์ และสรุปเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวกับดีลนี้มาให้แฟนบอลทุกท่านแล้ว
ทำไม JAS ประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก
ดร.โสรัชย์ เปิดเผยว่า อันที่จริงแล้ว JAS ให้ความสนใจลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกมาเป็นเวลานานแล้ว และถ้ามองในมุมธุรกิจ ดร.โสรัชย์ มองว่าพรีเมียร์ลีกเป็นตลาดที่ยังมีศักยภาพ เนื่องจากยังมีแฟนๆ ที่ให้การติดตามและมีผู้คนที่ชื่นชอบอยู่มาก ดังนั้น JAS จึงมองว่าการประมูลซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกเป็นโอกาสที่ดี
ขณะที่อีกมุมหนึ่งก็นับเป็นความชอบส่วนตัว เพราะ พิชญ์ โพธารามิก เจ้าของ JAS และ ดร.โสรัชย์ ก็ต่างชื่นชอบฟุตบอลและเป็นแฟนบอลทีมลิเวอร์พูล ถึงขั้นมี VIP Box ส่วนตัวอยู่ที่สนามแอนฟิลด์
โดยทั้งคู่เดินทางไปยังอังกฤษและไปดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกบ่อยครั้ง จึงทำให้รู้สึกผูกพันและต้องการเข้ามามีส่วนร่วมกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในประเทศไทย เพราะ JAS เองก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับสตรีมมิ่ง (MONOMAX) อยู่แล้ว
ทำไมถึงเพิ่งเข้ามา
‘เพราะเพิ่งมีเงิน’
ดร.โสรัชย์ เผยคำตอบที่เรียบง่ายของคำถามด้านบน
ที่ผ่านมาแม้ทั้ง ดร.โสรัชย์ และพิชญ์ จะชื่นชอบฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาโดยตลอด แต่ JAS ก็เพิ่งเข้ามาต่อสู้บนเวทีลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก หลังได้รับเงินก้อนใหญ่จากการขายธุรกิจ 3BB มูลค่า 19,500 ล้านบาท และ JASIF (ในส่วนที่ JAS ถืออยู่) มูลค่า 12,920 ล้านบาทให้กับ AIS ซึ่งรวมเป็นมูลค่า 32,420 ล้านบาท
เงินก้อนดังกล่าวในตอนแรก ดร.โสรัชย์ เปิดเผยว่าพูดคุยกับลิเวอร์พูลเพื่อขอซื้อหุ้นราว 10% ด้วย แต่ในตอนท้ายดีลดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เงินก้อนนั้นถูกนำมาแปลงเป็นการยื่นประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ก่อนจะเป็นผู้ชนะและคว้าลิขสิทธิ์ไปครองได้ในที่สุด
รายละเอียดเบื้องต้นของการถือลิขสิทธิ์
ในเบื้องต้นตามแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (11 พฤศจิกายน) ระบุว่า “บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมเพื่อให้บริษัทได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity Right) ในการถ่ายทอดสดภาพและเสียงรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพบนอินเทอร์เน็ตทีวี (Internet TV) และดิจิทัลทีวี (Digital TV) รวมถึงชุดวิดีโอสั้น (Clips Package) ตลอดระยะเวลารายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ 3 ฤดูกาล โดยเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ 2025/26 หรือ 6 ฤดูกาล ในกรณีที่บริษัทได้รับแจ้งจาก FAPL เป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ในประเทศไทย สปป.ลาว และกัมพูชา โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 559.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 19,167.72 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม คำว่า ‘ตลอดระยะเวลารายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ 3 ฤดูกาล โดยเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ 2025/26 หรือ 6 ฤดูกาล’ สร้างความสับสนและงุนงงให้แก่ผู้ที่อ่านข่าวพอสมควร
ซึ่งเรื่องนี้มีการชี้แจงในการพูดคุยกับสื่อมวลชนวันนี้ว่า สัญญาและระยะเวลาการประมูลเป็นการประมูลสำหรับลิขสิทธิ์ 6 ฤดูกาล
โดยราคา 549,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 18,791,885,700 บาท เป็นราคาสำหรับลิขสิทธิ์ระยะเวลา 6 ปี เพียงแต่ว่ารายละเอียดอีก 3 ปีหลังต้องได้รับการรับรองจากที่ประชุมพรีเมียร์ลีกเสียก่อน จึงทำให้ในแถลงการณ์ระบุเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น
แต่ในความจริงแล้ว JAS ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกเป็นเวลา 6 ฤดูกาลด้วยกัน
แฟนบอลไทยจะดูพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าได้ทางไหน
แฟนๆ สามารถรับชมได้ผ่านช่องทางหลักคือ MONOMAX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหลักที่มีอยู่แล้ว และยังสามารถรับชมการถ่ายทอดสดแบบฟรีๆ ได้ทางช่อง MONO29 ซึ่งเป็นดิจิทัลและฟรีทีวีด้วย
โดยในส่วนของ MONOMAX ดร.โสรัชย์ ให้รายละเอียดว่าจะมีการเพิ่มช่องทางสำหรับพรีเมียร์ลีกให้เหมือนกับ beIN SPORTS ซึ่งเมื่อคลิกเข้าไปก็จะเป็นการถ่ายทอดสดฟุตบอลคู่นั้นๆ ทันที
นอกจากนี้ยังมีการยืนยันความต้องการให้เกมแต่ละคู่สามารถรับชมได้ตั้งแต่ต้นเกม เผื่อกรณีที่แฟนบอลบางคนเข้าชมการถ่ายทอดสดช้าก็สามารถชมเกมได้ตั้งแต่ต้น
ซึ่งช่องทางการรับชมผ่าน MONOMAX เป็นช่องทางเดียวในตอนนี้ที่ได้รับการยืนยันการถ่ายทอดสด และในตอนนี้ก็มีการยืนยันว่าจะไม่มีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube หรือเคเบิลทีวี แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตเช่นกันหากมีการพูดคุยกับพันธมิตรเพิ่มเติม
โดยปัจจุบันการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกจะมีเพียง AIS PLAY ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ดร.โสรัชย์ ยืนยันว่ายินดีพูดคุยกับทุกฝ่ายเพื่อให้มีพันธมิตรในการถ่ายทอดสดเพิ่มเติมด้วย
ราคาเท่าไร
ในการพูดคุยในวันนี้ไม่มีการเปิดเผยราคาแบบเป็นตัวเลขที่แน่นอนออกมา แต่มีการยืนยันว่าตัวเลขสำหรับแพ็กเกจการดูพรีเมียร์ลีกน่าจะมีราคาไม่เกิน 400 บาทต่อเดือน
โดยมีการตั้งเป้าประมาณไว้ว่าต้องการให้มียอดผู้ Subscribe ราว 1,500,000 และสามารถมองยอด Subscribe สูงสุดได้ถึง 3,000,000 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่าแพ็กเกจพรีเมียร์ลีกราคาราว 400 บาทดังกล่าวนี้จะสามารถดูคอนเทนต์อื่นๆ ของ MONOMAX ได้หรือไม่ โดยตรงนี้ ดร.โสรัชย์ เปิดเผยว่าต้องกลับไปทำการบ้านก่อนจึงจะสามารถให้คำตอบได้
นั่นรวมถึงแพ็กเกจอื่นๆ ที่ได้รับการเสนอมาด้วย เช่น แพ็กเกจดูทีมเดียวตลอดฤดูกาล หรือแพ็กเกจอื่นๆ ก็ต้องนำกลับไปศึกษาอีกครั้งเช่นกัน
ปลดล็อกลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกให้ครีเอเตอร์สายฟุตบอล
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ แนวทางในการปลดล็อกการทำคอนเทนต์สำหรับครีเอเตอร์สายฟุตบอล นั่นคือ JAS ต้องการพูดคุยกับพรีเมียร์ลีกเพื่อให้มีฟุตเทจไปทำรายการวิเคราะห์เกมในช่องทางอื่นๆ อย่าง YouTube
โดยจากการพูดคุย ดร.โสรัชย์ เชื่อว่าการเปิดทางให้ครีเอเตอร์นำฟุตเทจภาพบางส่วนไปใช้ นอกจากจะทำให้รายการเกี่ยวกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกน่าดูขึ้นแล้ว ยังถือเป็นการส่งเสริมคอนเทนต์เกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกไปในตัว ซึ่งเป็นการโปรโมตทางอ้อมเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยแนวคิดอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย โดย ดร.โสรัชย์ ยืนยันว่า หลังจากนี้ใน MONOMAX อาจมีคอนเทนต์รายการเชิงวิเคราะห์ฟุตบอลเพิ่มเติม โดยอยากทำให้เป็นคอนเทนต์สำหรับแฟนตัวจริงอย่างรายการ Match of the Day ของ BBC เป็นต้นด้วย