จากกรณีทีมฟุตบอลเยาวชนพร้อมโค้ชรวม 13 ชีวิต สูญหายบริเวณถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายอนุกูล สอนเอก นักสำรวจและนักภูมิศาสตร์ที่เคยทำการสำรวจถ้ำดังกล่าวเมื่อประมาณปี 2535 เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก Anukoon Sorn-ek เมื่อประมาณ 21.29 น. ของวันที่ 24 มิถุนายนว่าถ้ำดังกล่าวมีความลึกประมาณ 6 กิโลเมตร หลายช่วงของถ้ำมีเพดานต่ำ ช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปจะมีน้ำท่วมทุกปี บางส่วนน้ำจะท่วมจนมิดเพดาน ระยะทางยาวนับร้อยเมตร อีกทั้งยังมีทางเข้าออกทางเดียว ระบบระบายอากาศไม่ดี หากจะใช้วิธีสูบน้ำออกควรติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ด้านนอก ไม่เช่นนั้นคาร์บอนไดออกไซด์ภายในถ้ำจะสูงขึ้น ทำให้การช่วยเหลือทำได้ยากและมีความเสี่ยงมากขึ้น
นอกจากนี้ยังแนบแผนที่ของถ้ำ พร้อมระบุว่าทั้ง 13 คนน่าจะอยู่ในจุดที่ลึกที่สุด “ถ้าเด็กๆ ถอดรองเท้าและวางเป้ไว้ แสดงว่าพื้นถ้ำมีน้ำท่วมออกมาถึงด้านนอกแล้ว แต่ยังไม่ลึกมาก นั่นหมายถึงเซกชันด้านในจะมีน้ำท่วมแล้ว มีโคลนมาก เขาคงไม่เข้าไปลึกมากครับ อาจจะมีปัญหาเรื่องแสงสว่าง ไฟฉายดับ หรือไฟฉายมีน้อย เลยหาทางออกจากถ้ำไม่ได้และระดับน้ำขึ้นเสียก่อน ส่วนอันตรายที่สุดสำหรับทีมดำน้ำที่จะดำเข้าไปเป็นเซกชันแรกที่ผมวงสีน้ำเงินเอาไว้ เนื่องจากเส้นทางเข้าแคบ ต้องมุดเข้าไป และน้ำจะอัดผ่านช่องนี้ออกมา อันตรายสำหรับทีมที่ดำน้ำขาออก แต่ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้แล้วเส้นทางด้านในจะกว้างขึ้น สามารถเดินได้ครับ ข้อมูลเผื่อทีมช่วยเหลือจะนำไปใช้ในการวางแผนได้นะครับ”
พร้อมยังแนะนำวิธีช่วยเหลือว่าต้องทำให้พื้นที่น้ำท่วมที่เพดานถ้ำลดลงก่อน โดยระดมเครื่องสูบน้ำให้น้ำที่สูบออกมามีปริมาณมากกว่าน้ำธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้พื้นที่ส่วนเพดานถ้ำที่จมอยู่ลดลง แต่ทั้งนี้ต้องไม่มีปริมาณน้ำฝนเข้ามาเพิ่ม
“ต้องรีบสูบน้ำออกในระดับที่ปลอดภัยต่อผู้ช่วยเหลือ อย่าสูบน้ำออกโดยไม่มีหลักการครับ เวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปมันกลายเป็นเวลาที่สูญเปล่า ตอนนี้ประมาณ 36 ชั่วโมงหลังคนเข้าไปติดค้างอยู่ด้านใน เขายังรอดชีวิตและรอการช่วยเหลืออยู่ครับ ตอนนี้ข้อมูลของผมจะถึงมือผู้บัญชาการเหตุการณ์แล้ว ภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยครับ”
