วันนี้ (5 พฤศจิกายน) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียกขอเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจถึง 3 ครั้ง แต่กลับไม่ได้รับ ว่าเรายินดี และยืนยันว่าเราปฏิบัติตามกฎหมาย สังคมอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากการคุมขังมี 3 ส่วน คือ 1. เรือนจำ 2. เรือนจำในโรงพยาบาล 3. ที่คุมขังอื่น อันนี้อยู่ในกฎหมาย และกฎหมายดังกล่าวถูกแก้ในสมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดความแออัด แต่ไม่ว่าอยู่ที่ใดเราจะปฏิบัติเหมือนกับอยู่ในเรือนจำ ดังนั้นตนจึงเชื่อว่า เรือนจำจะส่งหลักฐานในกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปให้ ซึ่งไม่มีสักนาทีที่ทักษิณออกจากห้องรักษาตัว เช่นเดียวกับนักโทษทั่วไปที่ออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่นๆ ทั้งไป-กลับและค้างคืน
พ.ต.อ. ทวี ยืนยันว่ายินดีจะให้ข้อมูล แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำวินิจฉัยเรื่องเดียวกัน ผู้เสียหายคนเดียวกัน ว่าไม่มีความผิด ส่วนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ ในทางกฎหมายถ้าหน่วยงานอิสระรับไว้ตรวจสอบ อีกองค์กรหนึ่งไม่ควรจะมีความเห็นต่างกัน เพราะอยู่ในเอกสาร แต่อย่างไรเราก็จะให้ความร่วมมือและพร้อมชี้แจง
เมื่อถามว่าความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่าง 2 หน่วยงานจะทำให้ได้เปรียบในการชี้แจงหรือไม่ พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่าผู้ตรวจการแผ่นดินสอบละเอียด แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไม่ได้สอบ ผู้ตรวจการแผ่นดินสอบเพียงพยาน และตามรายงานก็ได้เข้าไปพบทักษิณด้วย
เมื่อถามว่าการอนุญาตให้เข้าเยี่ยมถือว่าอยู่ในอำนาจของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ พ.ต.อ. ทวี ระบุว่าการเยี่ยมอยู่ในระเบียบของการเยี่ยม เราชี้แจงไปแล้ว แต่ก็สามารถขอหลักฐานได้ การพูดของคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เรื่องหลักฐานนั้นสำคัญ ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ เราจะไม่ทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย พร้อมย้ำว่าไม่ได้รับรายงานว่า พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าเยี่ยมทักษิณหรือไม่ และเรื่องนี้เป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์