ธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยเส้นทางบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อชัดขึ้นเรื่อยๆ ส่งสัญญาณว่าการขึ้นดอกเบี้ยก็เป็นอีกตัวเลือกในการประชุมเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเมืองในประเทศญี่ปุ่นและผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตา
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม โดยยังคงยึดมั่นในมุมมองที่ว่าธนาคารกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
มุมมองดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก คาซุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ในการแถลงนโยบายภายหลังการตัดสินใจดังกล่าว โดยเขากล่าวว่าสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันของญี่ปุ่นจะไม่หยุดยั้งเขาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากราคาและเศรษฐกิจยังคงสอดคล้องกับการคาดการณ์ของธนาคารกลาง
อุเอดะกล่าวว่า จุดยืนพื้นฐานของเราคือหากการคาดการณ์เศรษฐกิจและราคาของเราเป็นจริง เราจะตอบสนองด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้เขาเผยว่า ยังไม่จำเป็นต้องพูดว่าธนาคารมีเวลาที่จะไตร่ตรองก่อนตัดสินใจปรับนโยบายใดๆ เนื่องจากความเสี่ยงจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดลงไปมากแล้ว สกุลเงินเยนพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนตีความความเห็นของเขาว่าชี้ไปที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้คณะกรรมการมีเหตุผลมากมายที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในขณะนี้ เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนหลายประการที่มีผลต่อเศรษฐกิจ รวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นอกจากการต่อสู้ระหว่าง คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี และ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ แล้ว ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศญี่ปุ่นยังทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังผลการเลือกตั้งที่เลวร้ายที่สุดของพรรคเสรีประชาธิปไตยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผลการเลือกตั้งดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลขาดความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างมาตรการทางเศรษฐกิจกับมาตรการการคลังได้ ขึ้นอยู่กับว่า ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องทำข้อตกลงแบบใดเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยของเขา สิ่งนี้สร้างแรงกดดันต่อธนาคารกลาง ทำให้ BOJ มีโอกาสชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทางด้านจีน ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PBOC) อัดฉีดเงินมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดเงินในเดือนนี้ผ่านเครื่องมือทางนโยบายที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยเป็นก้าวสำคัญในการบรรเทาปัญหาสภาพคล่องในเศรษฐกิจที่เปราะบาง และสนับสนุนให้ธนาคารต่างๆ ปล่อยสินเชื่อ
PBOC จัดทำ ‘ข้อตกลงการซื้อคืนพันธบัตรแบบสมบูรณ์’ มูลค่า 5 แสนล้านหยวนในเดือนตุลาคม เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคาร นี่เป็นครั้งแรกที่หน่วยงานการเงินเปิดเผยถึงการใช้เครื่องมือที่เปิดตัวเมื่อต้นสัปดาห์นี้
โครงการดังกล่าวช่วยให้ PBOC สามารถซื้อหลักทรัพย์ต่างๆ จากตัวแทนจำหน่ายหลักได้เป็นเวลาสูงสุด 1 ปี หลักทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินรัฐบาลท้องถิ่น และหนี้ของบริษัท เครื่องมือนี้ช่วยเติมเต็มช่องว่างในชุดเครื่องมือของธนาคารกลางสำหรับการอัดฉีดสภาพคล่องที่มีระยะเวลายาวนานกว่า Reverse Repo 7 วันที่มีอยู่
เงินช่วยเหลือดังกล่าวช่วยให้ธนาคารต่างๆ สามารถจัดการกับสภาพคล่องสุทธิที่ระบายออกไป 4.81 แสนล้านหยวนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผ่านเงินกู้ระยะเวลา 1 ปีของ PBOC ซึ่งเรียกว่าสินเชื่อระยะกลาง ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่แรงกดดันด้านเงินทุนของผู้ให้กู้เพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินฝากออมทรัพย์ลดลง รวมทั้งเงินที่ถูกเบี่ยงเบนไปจากตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนต่ำเพื่อซื้อหุ้น
สภาพคล่องที่เพียงพอในตลาดถือเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความต้องการภายในประเทศที่ลดลงและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจีนจะออกตราสารหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อ้างอิง:
- https://asia.nikkei.com/Economy/Bank-of-Japan/Fog-is-clearing-BOJ-s-Ueda-says-as-bank-inches-toward-rate-hike-option
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-10-31/boj-holds-rates-as-japan-s-unstable-politics-raises-uncertainty?srnd=phx-economics-v2&sref=CVqPBMVg
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-10-31/china-s-central-bank-injects-70-billion-with-new-liquidity-tool?srnd=homepage-asia&sref=CVqPBMVg