×

เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 : ถนนทุกสายมุ่งสู่เพนซิลเวเนีย กับสนาม End Game ที่อาจตัดสินว่าใครเป็นประธานาธิบดีคนใหม่

30.10.2024
  • LOADING...
เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024

เป็นที่ทราบกันดีว่าในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ทั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และ คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ต่างพากันทุ่มเทสรรพกำลังเพื่อหาเสียงใน 7 รัฐสีม่วงที่ผลการเลือกตั้งอาจออกได้ 2 หน้า รัฐเหล่านี้ประกอบด้วย เนวาดา, แอริโซนา, วิสคอนซิน, มิชิแกน, เพนซิลเวเนีย, นอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจีย

 

ซึ่งในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ผลโพลชี้ว่าทรัมป์มีคะแนนนำเล็กน้อยที่รัฐสีม่วงทางภาคใต้ (เนวาดา, แอริโซนา, นอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจีย) ในขณะที่แฮร์ริสมีคะแนนนำเล็กน้อยที่รัฐสีม่วงทางภาคเหนือ (วิสคอนซิน, มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย) ซึ่งถ้าผลการเลือกตั้งออกมาอย่างที่โพลทำนายจริงๆ จะแปลว่าแฮร์ริสจะชนะเลือกตั้งไปอย่างฉิวเฉียด ได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปด้วยคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) 270 ต่อ 268 คะแนน

 

แต่คะแนนยังห่างกันไม่มาก

 

อย่างไรก็ดี ในบรรดา 3 รัฐที่แฮร์ริสมีคะแนนนำนั้น ผลโพลระบุว่าเธอมีคะแนนนำไม่มาก คือแค่ประมาณ 1% โดยเฉพาะที่เพนซิลเวเนียซึ่งคะแนนนำของเธอดูจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผลโพลจากสำนักข่าว CBS ที่ออกมาในวันที่ 29 ตุลาคมระบุว่าคะแนนของเธอตกลงมาเสมอกับทรัมป์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าเธอพลิกกลับมาแพ้ที่เพนซิลเวเนีย นั่นจะทำให้ตำแหน่งประธานาธิบดีตกเป็นของทรัมป์ทันที เพราะเขาจะมีคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งขึ้นไปที่ 287 คะแนน

 

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เพนซิลเวเนียจะเป็นสนามเลือกตั้งที่ทั้งคู่ต่างใช้เวลาและทรัพยากรในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงมาให้ได้ โดยที่ทรัมป์ขึ้นปราศรัยหาเสียงที่เพนซิลเวเนียแล้วถึง 18 ครั้ง ในขณะที่แฮร์ริสขึ้นปราศรัยแล้ว 9 ครั้ง และทั้งคู่ก็มีแผนที่จะขึ้นเวทีหาเสียงอีกในช่วงสัปดาห์สุดท้าย

 

ภูมิศาสตร์การเมืองของเพนซิลเวเนีย

 

เพนซิลเวเนียมีเมืองใหญ่ 2 เมือง คือ ฟิลาเดลเฟียทางตะวันออก และพิตต์สเบิร์กทางตะวันตก ซึ่ง 2 เมืองใหญ่นี้คือฐานเสียงที่สำคัญของพรรคเดโมแครต ในขณะที่เขตชนบทซึ่งอยู่ระหว่าง 2 เมืองนี้เป็นที่อาศัยของชนชั้นแรงงานผิวขาว ฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ส่วนเขตชานเมืองของทั้ง 2 เมืองคือสนามต่อสู้ที่สำคัญซึ่งคะแนนโอนเอนไปมาระหว่าง 2 พรรค

 

อันที่จริงในการเลือกตั้งปี 2016 ฮิลลารี คลินตัน สามารถเอาชนะทรัมป์ที่เขตชานเมือง โดยเฉพาะที่ชานเมืองของฟิลาเดลเฟีย แต่คลินตันกลับมีปัญหากับฐานเสียงของตัวเอง โดยเฉพาะคนผิวสีในฟิลาเดลเฟียที่ออกมาใช้สิทธิน้อยเกินคาด ในขณะที่ทรัมป์สามารถเอาชนะใจคนผิวขาวในเขตชนบทได้มากกว่าผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันคนก่อนๆ แถมพวกเขายังออกมาใช้สิทธิกันอย่างถล่มทลาย ทำให้สุดท้ายแล้วทรัมป์ชนะคลินตันไปได้กว่า 40,000 เสียง

 

ในส่วนของการเลือกตั้งในปี 2020 นั้น โจ ไบเดน พลิกกลับมาชนะทรัมป์ได้ประมาณ 80,000 เสียง โดยชัยชนะของเขาเกิดจากคะแนนเสียงที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเขตชานเมือง อันเป็นผลจากชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในแถบชานเมือง (ซึ่งมักจะเป็นคนมีการศึกษาระดับปริญญา) ไม่พอใจกับพฤติกรรมหลายอย่างของทรัมป์ที่พวกเขามองว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่เหมาะสมต่อการเป็นผู้นำประเทศ (เช่น การพูดโกหก การพูดจาเหยียดคนผิวสี การใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วง) รวมถึงความล้มเหลวในการจัดการบริหารการระบาดของโรคโควิด นอกจากนั้น ไบเดนยังแพ้ทรัมป์ที่เขตชนบทน้อยลงกว่าสมัยคลินตัน เพราะเขามีภาพลักษณ์ของการเป็นนักการเมืองสายกลางติดดิน ที่เข้าถึงชาวอเมริกันผิวขาวชนชั้นแรงงานได้มากกว่านักการเมืองจากพรรคเดโมแครตคนอื่นๆ

 

การต่อสู้ในปี 2024

 

ข้อได้เปรียบของแฮร์ริสในการเลือกตั้งครั้งนี้คือการที่ชาวอเมริกันในเขตชานเมืองที่เคยโหวตให้พรรครีพับลิกันหันมาโหวตให้พรรคเดโมแครตมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีในสมัยแรก ด้วยเหตุที่พวกเขาไม่ชอบความโกลาหลที่มาพร้อมกับรัฐบาลของทรัมป์ รวมทั้งปัญหาพฤติกรรมส่วนตัวของเขาเอง

 

อย่างไรก็ดี แฮร์ริสไม่ได้มีภาพของการเป็นนักการเมืองสายกลางแบบไบเดน เพราะเธอเคยวางตัวไว้ว่าเป็นนักการเมืองแบบซ้ายขนานแท้ในสมัยที่เธอลงเลือกตั้งขั้นต้น เพื่อเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งปี 2016 (ซึ่งในที่สุดแล้วไบเดนเป็นผู้ชนะ) ทำให้คะแนนนิยมของเธอน่าจะแพ้ไบเดนในเขตชนบท

 

เมื่อปัจจัย 2 อย่างนี้สวนทางกัน นั่นก็จะทำให้คะแนนของทั้ง 2 ผู้สมัครนั้นสูสีกันมาก และเพนซิลเวเนียก็น่าจะเป็นสนาม End Game ซึ่งอาจตัดสินว่าใครจะได้เป็นผู้นำทำเนียบขาวคนต่อไป

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X