ขอขอบคุณทางหลักสูตร CXO ที่เชิญไปบรรยายในหัวข้อเรื่อง อนาคตของเศรษฐกิจอาเซียนและโอกาสในการขยายธุรกิจระดับภูมิภาคนะครับ
ผมลองสรุปครึ่งแรกของสิ่งที่คุยกันวันนั้นมาแชร์เผื่อเป็นประโยชน์ครับ (แต่ครึ่งหลังขอสงวนไว้เป็นเรื่องต้องคุยกันในห้องครับ ฮ่าๆๆ)
0. Tech Winter
1 ปีที่ผ่านมาเป็นหน้าหนาวของวงการเทค เพราะ 3 เหตุผลสำคัญ
- ดอกเบี้ยสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นสูงเร็วมาก ทำให้มูลค่าหุ้น Growth แบบธุรกิจเทคร่วง
- Revenge Traveling คนคิดถึงการเดินทาง ออกมาเจอหน้ากัน ลดกิจกรรมออนไลน์
- เศรษฐกิจโดยรวมเริ่มชะลอลงจริงๆ ทั่วโลก จากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
แต่หากไปแกะดูดีๆ เทรนด์ทางธุรกิจ-เศรษฐกิจที่ถูก ‘เร่ง’ โดยคลื่นเศรษฐกิจดิจิทัลไม่ได้หยุดเดินหน้า กำลังฝังรากลงไปและกำลังกระทบทุกๆ อุตสาหกรรมไม่ใช่แค่วงการดิจิทัล
1. Digital Inclusion
ในประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนา จำนวน User ในโลกดิจิทัลเพิ่มขึ้นรวดเร็วมหาศาลในช่วงโควิด เช่น Consumer +100 ล้านคนอาเซียน แม้แต่พวกที่ไม่เคยใช้มาก่อนก็มาเริ่ม
User ใหม่ทำให้ต่อยอดบริการดิจิทัลอะไรได้อีกมาก E-Commerce ต่อไปอาจเป็น Live Commerce และ Rural Commerce, E-Payment ต่อไปอาจต่อยอดบริการสินเชื่อ ลงทุน ประกันเป็นดิจิทัล, SMEs เริ่มมาทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมากขึ้น ต่อไปเทคโนโลยี AI อาจทำให้โปรแกรมธุรกิจต่างๆ ยิ่งใช้ง่าย (อย่างที่เห็นว่าเดี๋ยวนี้ถามแผนธุรกิจจาก ChatGPT ก็ยังได้)
2. Hybrid Reality
อนาคตเทคโนโลยีพวก VR, AR, MR, Metaverse หรือ NFT จะมาหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือมนุษย์เราชินกับการใช้ชีวิต สร้างตัวตน สะสมวัตถุ มีสังคมในโลกดิจิทัลขึ้นมากในทุกวันนี้ สิ่งที่เคยแปลกอาจไม่แปลกอีกต่อไป
ซึ่ง ‘ความคุ้นเคย’ นี้จะทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ (เช่น ตลาดครีเอเตอร์คอนเทนต์ออนไลน์) และประเด็นทางสังคมใหม่มากมาย
แต่ก่อนเรานั่งล้อมทีวี ตอนนี้นั่งก้มหน้าดูโทรศัพท์ ต่อไปคนอาจใส่แว่นเจ๊ไฝ เอ๊ย VR ในห้องนั่งเล่น
3. Future of Work
รูปแบบการทำงานแห่งอนาคตจะเป็นผสมผสานระหว่างทำที่ออฟฟิศกับทำจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) แต่ละทีม แต่ละองค์กรจะเลือกต่างกัน ปรับไปมาได้ตามสถานการณ์ (Flexibility is key) แต่ที่แน่ๆ จะไม่กลับไปเหมือนเดิมอีก
ตรงนี้เป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะเราเป็นที่ที่ติดอันดับต้นๆ ของโลกว่าคนอยากมา Workation (ทำงาน x เที่ยว) เสมอ Digital Nomad ก็ชอบ หากเราใช้ตรงนี้ดึงหัวกะทิ (Talent) เข้าประเทศจะดีมาก ในยุคที่เราขาดคนมากขึ้นเรื่อยๆ
4. Talent War
‘สงครามแย่งตัวหัวกะทิ’ กำลังเข้มข้น แม้แต่ในช่วง Tech Winter จะทำให้สายเทคเบาลงมาบ้าง ทั้งอังกฤษ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ออกวีซ่าพิเศษดึงดูดคนเข้าประเทศ
Talent สร้าง Talent – ในกรณีสิงคโปร์เห็นได้ชัดว่าเมื่อมีคนเก่งๆ มาตั้งบริษัทที่ประสบความสำเร็จ พนักงานที่เคยทำงานที่นั่นพอสะสมความรู้ถึงจุดหนึ่ง ต่อไปก็มักแยกตัวออกมาทำธุรกิจใหม่ๆ ของตัวเอง จะเกิดเป็นบริษัทระดับยูนิคอร์นอีกมากมาย
5. Age of Data and AI
Generative AI จะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก ไม่ใช่เพราะมันเก่งเท่านั้น แต่เพราะ Use Case ของมัน ‘มีประโยชน์’ กับคนจริงๆ บวกกับ ‘เข้าถึงและใช้ง่าย’
ChatGPT ถึงใช้เวลาแค่ 2 เดือน มีคนใช้ 100 ล้าน User ในขณะที่ Uber เมื่อก่อนใช้เวลากว่า 5 ปี
แน่นอนเรากลัวคน x AI มาแย่งงานคนไม่รู้ AI แต่ในขณะเดียวนี่ก็อาจเป็นโอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทยที่จะเผชิญภาวะขาดแคลนแรงงานที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากสังคมสูงวัย หากคนสามารถใช้ AI มาเป็น ‘ซูเปอร์ผู้ช่วย’ ทำงานในด้านต่างๆ ได้ หัวใจคือต้อง Reskill ให้คนรู้เท่าทันและใช้เครื่องมือ AI ให้เป็นไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหน (ซึ่ง AI อาจทำให้การใช้งานง่ายขึ้นเรื่อยๆ เช่น ต่อไปอาจไม่ต้องเขียนโค้ดเป็นก็พอสั่งโปรแกรมให้ทำนู่นนี่ได้)
6. Unbundling ของธุรกิจบริการ
ในยุคดิจิทัลหลายๆ บริการที่เมื่อก่อนมักจะอยู่ที่เดียวกันหมดอาจไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไป เช่น เราเห็นในวงการการเงิน บริษัทฟินเทคแต่ละเจ้าอาจเชี่ยวชาญและทำแต่บางบริการย่อยเท่านั้น เช่น การชำระเงิน ลงทุน หรือสินเชื่อ ไม่ได้ทำทุกอย่างเหมือนธนาคารพาณิชย์
ในโลกแห่ง Unbundling สิ่งที่น่ากลัวสำหรับธุรกิจคือ ‘คู่แข่งที่มองไม่เห็น’ เพราะคู่แข่งอาจกระโดดเข้ามาจากอุตสาหกรรมอื่น เช่น Apple ที่เข้ามาทำการเงิน ตอนแรกก็แค่มี Apple Pay ช่วยเรื่องการชำระเงิน แต่ตอนนี้ก็ใช้ตรงนั้นกระโดดเข้าธุรกิจธนาคารให้ดอกเบี้ยสูง จนทำให้ธนาคารต่างๆ ต้องหนาวกัน
7. อาเซียนกำลังเนื้อหอม
ในยุคที่ยักษ์ใหญ่ทะเลาะกัน ธุรกิจขนาดใหญ่และกองทุนต่างกำลัง ‘Derisk’ หรือลดความเสี่ยงลง โดยการกระจายการลงทุนจากจีนมาที่อาเซียนมากขึ้นในเกือบทุกวงการ ไทยเองก็ได้อานิสงส์จากเทรนด์พอสมควรเลย แต่ปัจจุบันยังถือว่าไม่เป็นที่รักของนักลงทุนเท่ากับเวียดนาม อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ จึงต้องมาช่วยกันหาทางให้ไทยเด่นขึ้นมามากขึ้น
ทั้ง 7 เทรนด์เกี่ยวข้องกับดิจิทัล แต่ไม่ได้มีผลแค่กับอุตสาหกรรมดิจิทัล และไม่ได้กระทบแค่เศรษฐกิจ แต่มีผลต่อสังคมและไลฟ์สไตล์ของคนอีกด้วย
และที่ว่า ‘มหัศจรรย์’ ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องดีเสมอไป เพียงแต่มันเกิดขึ้นเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อ หากมีคนบอกเราว่าโลกจะเป็นแบบนี้ 10 ปีก่อนหลายคนคงไม่เชื่อ