ในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ซึ่งส่งผลกระทบถึงทุกมิติในการใช้ชีวิต จนเกิดเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่เราไม่เคยรับมือมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวงการสุขภาพ หลังการตื่นตัวของฝุ่น PM2.5 และไวรัส ที่ทำให้คนเราหันมาให้ความสำคัญกับสุขอนามัยของตนเองยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและการมีสุขภาพใจที่ดี
เทรนด์สุขภาพประจำปี 2021 จึงไม่ใช่แค่การออกกำลังกายรูปแบบใหม่ เฮลตี้ฟู้ดที่กำลังมาแรง สูตรการไดเอตแห่งยุค หรือการมาถึงของแก็ดเจ็ตล้ำสมัย หากแต่เป็นการใช้ชีวิตอย่างไรให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค และการเยียวยาตัวเองเพื่อให้ฟื้นคืนจากความวิตกหวาดหวั่นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
และเหล่านี้คือ 5 เทรนด์สุขภาพที่น่าจับตามองในปี 2021
- Home Wellness
ภาพ: Peloton
จากพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป เมื่อคนหันมาใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น และไม่มั่นใจที่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยเฉพาะอย่ายิ่งกับกิจกรรมที่ต้องเสียเหงื่อในสถานที่ปิดอย่างฟิตเนส หรือแม้แต่สวนสาธารณะกลางแจ้งที่มีคนพลุกพล่าน การออกกำลังกายภายในบ้านจึงถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยมากที่สุด ส่งให้ Home Wellness กลายมาเป็นเทรนด์สุขภาพใหญ่ประจำปี 2021 ที่หลายคนเริ่มปรับเปลี่ยนบ้านของตัวเองและลงทุนกับสินค้าต่างๆ เพื่อให้บ้านเป็นสถานที่ปลอดภัยและปราศจากเชื้อโรคมากที่สุด
ปีนี้จึงเป็นปีที่เราจะมีโอกาสได้เห็นเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่ทันสมัยมากขึ้น เพื่อยกระดับการออกกำลังกายภายในบ้านให้เทียบชั้นกับการเข้าฟิตเนส รวมถึงการให้บริการในรูปแบบสมาชิกรายเดือนที่ขายคอนเทนต์อย่างการไลฟ์สตรีมมิงคลาสออกกำลังกาย วิดีโอออกกำลังกายที่เอ็กซ์คลูซีฟขึ้น ฯลฯ พ่วงไปกับการขายเครื่อง เพื่อให้คนรักสุขภาพไม่ต้องออกกำลังกายนอกบ้าน แต่ยังรู้สึกคอนเน็กต์กับคนอื่นๆ ดังเช่นที่แบรนด์ Petolon หรือ Mirror ทำสำเร็จในปีที่ผ่านมา
ภาพ: Mirror
เช่นเดียวกับเทรนด์ Virtual Training แบบตัวต่อตัวกับเทรนเนอร์ Virtual Class ที่จำลองคลาสออกกำลังกายมาไว้ในบ้าน หรือแม้แต่การออกกำลังกายตามคลิปใน YouTube ที่ยังคงได้รับความนิยม เพราะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้เมื่อเทียบกับความเสี่ยงจากการออกนอกบ้าน หรือในบางประเทศที่อยู่ในช่วงล็อกดาวน์
นอกจากนั้นบ้านในอนาคตยังไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามหรือความทันสมัย แต่แนวคิดเรื่องบ้านแห่งโลกในอนาคตยังหมายรวมถึงการสร้างบ้านที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีชีวิตที่ยืนยาว และมีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ด้วยการใช้นวัตกรรมด้านสุขอนามัยใหม่ๆ เช่น เครื่องกำจัดเชื้อโรคจากเสื้อผ้า เพื่อคำนึงถึงสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก
Carlo Ratti Wardrobe Purifier สามารถกำจัดจุลินทรีย์ แบคทีเรีย และไวรัสออกจากเสื้อผ้า
- แข็งแรงอย่างเดียวไม่พอ สุขภาพจิตต้องดีด้วย
นอกจากสุขภาพกายแล้ว สุขภาพใจก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังประชาชนตกอยู่ในสภาวะเครียด กดดัน หดหู่ และหวาดกลัวจากโควิด-19 คนจำนวนมากจึงเริ่มหันมาดูแลจิตใจมากขึ้น ด้วยการทำกิจกรรมที่ช่วยขับกล่อมจิตใจ เช่น การทำสมาธิผ่านแอปพลิเคชันในมือถืออย่าง Calmand หรือ Headspace การใช้ฟังก์ชันทำสมาธิในนาฬิกาอัจฉริยะที่ปัจจุบันมีแทบทุกยี่ห้อ ในขณะเดียวกันคนจำนวนไม่น้อยก็เริ่มหาเวลามานั่งสมาธิเป็นประจำทุกวันก่อนนอนหรือตอนเช้า หลังมีผลการวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าการทำสมาธินั้นดีต่อสุขภาพกายและใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เราเผชิญหน้ากับวิกฤต
- จงออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง
อันที่จริงเทรนด์นี้เริ่มเข้าสู่บ้านเราตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่จะเด่นชัดยิ่งขึ้นในปีนี้ เมื่อปี 2021 จะเป็นปีที่คนเราให้ความสำคัญกับธรรมชาติหรือชีวิตกลางแจ้ง หลังที่ผ่านมาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้เดินทาง ไม่ได้ออกไปไหน จนเกิดเป็นกระแส COVID Gardens ที่คนปลูกต้นไม้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ก่อนที่ความสนใจในต้นไม้จะขยายใหญ่ขึ้นไปสู่กิจกรรมกลางแจ้งอย่าง การแคมป์ปิ้ง เดินป่า ปีนเขา หรือเซิร์ฟบอร์ด ฯลฯ ที่นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งแล้ว การใช้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติยังมีประโยชน์มากมาย เช่น ทำให้เราผ่อนคลาย ช่วยให้จิตใจนิ่งสงบ และตัดขาดจากความวุ่นวายภายนอก (คลิกอ่าน 5 Health Benefits of Camping เหตุผลดีๆ ของการตั้งแคมป์)
- ภูมิคุ้มกันร่างกาย จำเป็นกว่าที่คิด
เมื่อโรคติดต่อระบาด เราจึงตระหนักได้ถึงความสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เพราะสิ่งนี้เปรียบเสมือนปราการด่านแรกเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมอย่างเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ปี 2021 จึงเป็นปีที่อาหารสมุนไพร หรือซูเปอร์ฟู้ด ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายจะได้รับความสนใจอย่างสูง เช่นเดียวกับการตรวจความผิดปกติของ DNA ในยีนส์ของแต่ละบุคคล การใช้เทคโนโลยีเพื่อแฮ็กร่างกายของมนุษย์ (Biohacking) การทำทรีตเมนต์เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน (Immunity-Enhancing Treatments) และการเยียวยาบำบัดด้วยพลังงาน (Energy Healing) ฯลฯ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องไกลตัวในอดีต แต่ปัจจุบันคนจะให้ความสนใจมากขึ้น หากว่ามันจะทำให้พวกเรามีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
- บริการ Virtual Care
ไม่ต้องแปลกใจถ้าในอนาคตคนเราจะไปโรงพยาบาลกันน้อยลง หลังคุณหมอสามารถคัดกรองผู้ป่วยก่อนมาถึงโรงพยาบาล หรือประเมินความเสี่ยงในรูปแบบออนไลน์ โดยที่คนไข้ไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาลด้วยตัวเอง ผ่าน Virtual Care หรือบริการดูแลรักษาผ่านทางออนไลน์
สิ่งอำนวยความสะดวกนั้นมีทั้งอินเทอร์เน็ตที่ทั่วถึง และอุปกรณ์ใส่ติดตามตัว เช่น สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ นาฬิกาอัจฉริยะ หรือแม้แต่ 3D Body Scans สำหรับใช้ในบ้าน ที่เข้ามามีบทบาทในการทำงานร่วมกับคุณหมอ นอกเหนือจากการตามติดการเคลื่อนไหวร่างกาย การกิน และการนอน เพราะในอนาคตมีแนวโน้มว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะมีฟีเจอร์ที่ตอบรับกับเทรนด์ใหม่มากยิ่งขึ้น ด้วยการตรวจจับข้อมูลเฉพาะของผู้สวมใส่ ที่สามารถส่งต่อข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้แพทย์ใช้ในการประเมินคนไข้ได้เลย
รวมถึงการใช้วิดีโอคอลเพื่อฟังผลตรวจเลือดหรือตามติดผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องกินยาต่อเนื่อง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฯลฯ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาโรงพยาบาลให้เสียเวลา และเสี่ยงกับการติดเชื้อโรค อย่างในเมืองไทยเองก็เริ่มมีใช้บ้างแล้ว เช่น Samitivaj Virtual Hospital จากกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช ที่ใช้การรักษาแบบออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่ไปด้วยกัน (คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/telehealth/)
จะเห็นได้ว่าเทรนด์สุขภาพที่น่าจับตามองในปีนี้ล้วนเป็นผลกระทบที่เกิดจากการระบาดของเชื้อไวรัส ที่ทำให้คนใช้ชีวิตอย่างแวดระวังมากยิ่งขึ้น กลัวเชื้อโรคยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันผู้คนก็มองหากิจกรรมที่ช่วยบำบัดจิตใจและเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งไม่ว่าเทรนด์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร สิ่งที่อยากให้ทำต่อไป ได้แก่ การสวมใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ เพราะ 3 สิ่งนี้น่าจะอยู่คู่กับเราไปอีกพักใหญ่เลยทีเดียว
ภาพ: shutterstock
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: