กรณีที่แอปพลิเคชัน TikTok ของจีน กำลังเข้าสู่กระบวนการชั้นศาลในสหรัฐอเมริกา ได้ดึงดูดความสนใจว่าแอปพลิเคชันสัญชาติจีนนั้นสามารถเข้าถึงชีวิตคนหนุ่มสาวชาวอเมริกันได้อย่างไร และสาเหตุใดที่ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ผลสำรวจในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพบว่า 4 ใน 5 แอปที่ร้อนแรงที่สุดในสหรัฐอเมริกาล้วนแล้วแต่เป็นของจีน หลายฝ่ายมองว่าสูตรลับที่ทำให้แอปจีนได้รับความนิยมคืออัลกอริทึมที่ชาญฉลาด และการแข่งขันด้วยกันเองภายในจีนกระตุ้นให้แอปมีการพัฒนาอยู่เสมอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- BBC สั่งลบ TikTok ออกจากอุปกรณ์ของบริษัท ตามรอยรัฐบาลตะวันตก
- นิวซีแลนด์เตรียมแบนใช้ TikTok ในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายรัฐสภา ตามรอยชาติพันธมิตรตะวันตก
- สหรัฐฯ ขู่แบน TikTok กดดัน ByteDance ขายกิจการ
ข้อมูลของ Sensor Tower พบว่า ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม Temu ซึ่งเป็นแอปที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว กลายเป็นแอปที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดในสหรัฐฯ ตามมาด้วย CapCut แอปตัดต่อวิดีโอของ TikTok และตัวแอป TikTok เอง ด้าน SHEIN ผู้ค้าปลีกฟาสต์แฟชั่นมาเป็นอันดับสี่ และท้ายสุดคือ Facebook ซึ่งเป็นแอปเดียวที่เป็นสัญชาติสหรัฐฯ ในห้าอันดับแรก
กระแสความนิยมของแอปจีนในหมู่ผู้ใช้งานชาวอเมริกัน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z เห็นได้จากแฮชแท็ก #temuhaul หรือ #sheinhaul ขณะที่วิดีโอบนแอป TikTok ก็ได้มีเทรนด์การถ่ายคลิปช้อปปิ้งสินค้าแบบสุ่มเพียง 50 ดอลลาร์สหรัฐ บนแอป Temu
ซึ่งแอปเหล่านี้มาจากบริษัทที่ก่อตั้งโดยผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ที่กำลังมองหาการเติบโตในระดับโลกในจังหวะที่ตลาดภายในจีนเริ่มอิ่มตัว บริษัทเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่มผู้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีจำนวนมากของจีน อย่างกรณีของ Temu แม้ว่าจะเป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้ง แต่พนักงานมากกว่าครึ่งเป็นวิศวกรที่พัฒนาแอป
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ประสิทธิภาพองค์กรของบริษัทอินเทอร์เน็ตจีนมักถูกคู่แข่งในสหรัฐฯ มองข้ามอยู่เสมอ บริษัทจีนใช้จ่ายอย่างหนักเพื่อผลักดันแอปของตนในสหรัฐฯ และใช้ประโยชน์จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่าพันล้านคนในจีน เพื่อทดสอบความต้องการของผู้ใช้และปรับแต่งโมเดล AI ให้เหมาะสม จากนั้นจึงนำผลลัพธ์ทางเทคโนโลยีไปใช้ในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ
แต่ความนิยมของแอปเหล่านี้อาจทำให้แอปดังกล่าวตกอยู่ในภวังค์แห่งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยเฉพาะกรณีล่าสุดอย่าง TikTok ที่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขู่ว่าจะแบนแอป หาก ByteDance ไม่ขายหุ้นใน TikTok โดยอ้างถึงปัญหาด้านความปลอดภัยของประเทศ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 มีนาคม) ส.ส. ของสหรัฐฯ โจมตี โจวโซ่วจือ (Shou Zi Chew) ซีอีโอของ TikTok ถึงความเป็นไปได้ที่ทางการจีนอาจมีอิทธิพลภายในแอปนี้
ด้าน SHEIN และ Temu ต่างพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหมือนกรณี TikTok โดยพยายามทำตัวให้ห่างจากรากเหง้าของชาวจีน ในปี 2021 SHEIN ได้เปลี่ยนบริษัทแม่จากบริษัทที่จดทะเบียนในฮ่องกงเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ ขณะที่สำนักงานใหญ่ของ Temu ตั้งอยู่ในบอสตัน และดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ผ่านบริษัทในเมืองเดลาแวร์
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของบริษัทจีนในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป ตลาดออนไลน์ของ Alibaba ที่มีชื่อว่า AliExpress เกิดขึ้นมา 13 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันยังห่างไกลจากผู้ให้บริการรายหลักของสหรัฐฯ อยู่ดี ส่วนผลิตภัณฑ์แรกของ ByteDance ที่พยายามปูตลาดต่างประเทศในนาม TopBuzz ซึ่งเป็นแอปรวบรวมข่าว ก็ต้องล้มเหลวและเลิกกิจการในเวลาต่อมา
สำหรับ Temu การเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงคำชมเชยเท่านั้น แต่ยังได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคถึงการจัดส่งที่ล่าช้าและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์อย่าง Earbuds แบบมีสายหรือสายจูงสุนัขของ Temu ที่ขายในราคาต่ำกว่า 2 ดอลลาร์ กำลังได้รับความสนใจจากชาวอเมริกันที่เบื่อหน่ายกับเงินเฟ้อ
อ้างอิง:
