×

‘ทำงาน 4 วัน’ สมดุลชีวิตที่คนไทย 95% พร้อมลุย ผลสำรวจชี้ องค์กรเห็นด้วย 77% แต่พร้อมทำจริงแค่ 26%

15.11.2024
  • LOADING...
ทำงาน 4 วัน

การปฏิวัติวัฒนธรรมการทำงานครั้งใหญ่ที่ต้องอาศัยความกล้าจากทั้งองค์กรและพนักงานในการก้าวข้ามกรอบความคิดแบบเดิมที่ว่า ‘ยิ่งทำงานมาก ยิ่งได้ผลงานมาก’ ไปสู่แนวคิดใหม่ที่ว่า ‘ทำงานน้อยลง แต่ทำให้ดีขึ้น’ อาจเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในโลกการทำงานยุคใหม่

 

กระแส Work-Life Balance กำลังเปลี่ยนโฉมวงการแรงงานครั้งใหญ่ เมื่อผลสำรวจล่าสุดจากบริษัท โรเบิร์ต วอลเทอร์ส ชี้ชัดว่า คนทำงานในไทยถึง 95% พร้อมก้าวสู่การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวัฒนธรรมการทำงานในยุคที่ ‘ความสุข’ และ ‘ประสิทธิภาพ’ ต้องไปด้วยกัน

 

ผลการศึกษาจากรายงาน ‘ทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ : พร้อมเปลี่ยนหรือไม่ในเอเชีย’ ที่สำรวจบุคลากรและองค์กรกว่า 5,000 แห่งใน 11 ประเทศทั่วเอเชีย แสดงให้เห็นภาพที่น่าสนใจ แม้องค์กรในไทยถึง 77% จะมองว่าแนวคิดนี้เป็นไปได้ แต่กลับมีเพียง 26% เท่านั้นที่วางแผนจะนำไปใช้จริงในอีก 1-2 ปีข้างหน้า สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างความต้องการของพนักงานและความพร้อมขององค์กร

 

ที่น่าสนใจคือ คนไทยถึง 59% พร้อมที่จะอัดแน่นชั่วโมงการทำงานเพิ่มขึ้นวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อแลกกับการได้หยุด 3 วัน โดยที่ยังได้รับค่าจ้างเท่าเดิม และ 45% ยินดีที่จะสละการทำงานแบบไฮบริดหรือกิจกรรมทางสังคมต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัวมากกว่าความยืดหยุ่นในการทำงาน

 

ในขณะที่ 58% ของพนักงานเชื่อว่านโยบายนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ก็มีเสียงสะท้อนจากอีกด้านที่น่าสนใจ โดย 36% กังวลเรื่องความเครียดที่อาจเพิ่มขึ้นจากการบีบอัดงานให้เสร็จในเวลาที่น้อยลง และ 27% กลัวว่าจะโดนลดค่าจ้าง ที่น่าแปลกใจคือมี 18% ที่กังวลว่าการมีเวลาว่างมากเกินไปจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

 

ฝั่งองค์กรเองก็มีความกังวลที่หลากหลาย โดย 67% กลัวว่าจะกระทบต่อการให้บริการลูกค้าเพราะพนักงานไม่เพียงพอ, 50% กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นจากโครงการที่ล่าช้า และ 42% เป็นห่วงว่าการปรับใช้ทั่วทั้งองค์กรอาจนำไปสู่ความไม่พอใจในหมู่พนักงาน สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต้องการการวางแผนและการจัดการที่รอบคอบ

 

ปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ผู้จัดการประจำประเทศไทยของโรเบิร์ต วอลเทอร์ส มองว่า “ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ใดๆ ก็ตาม สิ่งสำคัญคือการพิจารณาทางเลือกที่หลากหลายที่จะได้รับประโยชน์ทั้งในมุมองค์กรและในมุมพนักงาน” สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต้องคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน

 

เมื่อมองไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าแต่ละประเทศมีมุมมองที่แตกต่างกัน ในมาเลเซีย 74% ของผู้สนับสนุนเชื่อว่านโยบายนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ขณะที่ฮ่องกง 94% ขององค์กรมั่นใจว่าจะช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานได้ดีขึ้น

 

 ส่วนอินโดนีเซียและเกาหลีกลับเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่โครงการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตและการพัฒนาทักษะมากกว่า แสดงให้เห็นว่าแต่ละประเทศมีวิธีการจัดการกับความท้าทายด้านแรงงานที่แตกต่างกันตามบริบทของตน

 

ในมุมของการวิเคราะห์ การที่องค์กรไทยถึง 90% เชื่อว่านโยบายนี้จะช่วยส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับภูมิภาคที่ 66% แสดงให้เห็นว่าองค์กรไทยเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของสมดุลชีวิตมากขึ้น แต่การที่มีเพียง 26% ที่พร้อมจะนำไปใช้จริง อาจสะท้อนให้เห็นถึงความกล้าๆ กลัวๆ ในการเป็นผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X