×

ชลน่านกังวลโหวตนายกฯ รอบสอง ประวิตรได้เกิน 375 เสียง รอ 8 พรรคร่วมสรุปส่งชื่อพิธา

โดย THE STANDARD TEAM
14.07.2023
  • LOADING...
ชลน่าน ศรีแก้ว

วันนี้ (14 กรกฎาคม) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความกังวลว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นมาแข่งในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง ว่าเป็นความกังวลและห่วงใยของตัวเอง ถ้ามีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง เรามีข้อกังวลถึงผลโหวตที่จะให้กับคู่แข่งอาจเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาทันทีจาก 188 เสียง ถ้าเขารวมกันแน่นแล้วบวกกับเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ก็มีโอกาสเกิน 375 เสียง 

 

ส่วนจะดันชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังเคารพสิทธิของพรรคก้าวไกลในฐานะเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะดันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกลที่จะเสนอในการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย และระหว่างการพูดคุย 8 พรรคร่วม

 

เมื่อถามว่า ดูแล้วเสียง ส.ว. ท่าจะยาก นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่มีอะไรง่าย โดยเฉพาะการเมืองที่ไม่ปกติอย่างที่พรรคก้าวไกลพูด แต่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ถ้าคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแล้วเราสูญเสียไป คงเป็นสิ่งที่ต้องมาปรึกษาหารือกันว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอย่างไร เปรียบเสมือนว่ารู้อยู่แล้วว่าจะมีการโหวตในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ โดยไม่มีหลักหรือไม่มั่นใจแล้วมีคนแข่ง ก็จะเป็นอย่างที่ตั้งสมมติฐานกันว่าเราอาจจะแพ้ ดังนั้นต้องมาพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไร

 

ส่วนในการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะมีข้อเสนอเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการโหวตครั้งที่สองหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า อยู่ที่ข้อเสนอและการพูดคุย 

 

ส่วนหากพรรคก้าวไกลยังยืนยันจะเสนอชื่อพิธา พรรคเพื่อไทยจะแสดงท่าทีอย่างไร นพ.ชลน่านยืนยันว่าต้องให้สิทธิกับพรรคก้าวไกล พรรคอันดับหนึ่งที่เป็นแกนนำ พรรคเพื่อไทยลง MOU ไปแล้ว และชัดเจนว่าจะสนับสนุนจนสุดความสามารถ 

 

เมื่อถามถึงนิยามคำว่าสุดความสามารถ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่มีคำนิยาม ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ความเป็นเหตุเป็นผล ถ้าทำถึงที่สุดแล้วก้าวไกลเห็นชอบ ภาพรวมไม่มีผลกระทบ ไม่มีผลเสียหาย ถ้าจบได้นั่นคือนิยามคำว่าถึงที่สุด 

 

พร้อมย้ำว่าขณะนี้ที่ยังไม่พูดคุยกัน จะยังเสนอชื่อพิธาในรอบสอง แต่หากมีข้อสรุปแล้วก็จะเป็นไปตามสิ่งที่พูดคุยกัน ขณะเดียวกันมองว่าเรื่องเงื่อนไขข้อบังคับที่ว่าญัตติที่ตกไปแล้วจะเสนอซ้ำไม่ได้ ในมุมเราคิดว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นและสำคัญ แต่หากท่านอื่นจะยกมาก็เป็นเรื่องที่สภาจะต้องพิจารณา ส่วนฝ่ายเราที่มีความมุ่งมั่นจะเสนอในญัตติเดิมก็ต้องหาเหตุผลมาหักล้างให้ได้

 

นพ.ชลน่านยังกล่าวว่า เรื่องนิยามความพึงพอใจของนักการเมืองและพรรคการเมืองจะอยู่เหนือประชาชนและประเทศชาติไปไม่ได้ จะทำอะไรจนเป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อน ประเทศเสียหายคงไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมพอใจที่จะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และเกิดความเสียหาย คงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม คงไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องสนับสนุนกันในเรื่องอย่างนั้น

 

เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ถึงเวลาหรือยัง หลังพรรคอันดับหนึ่งดูเหมือนว่าน่าจะไม่ได้เสียงสนับสนุนถึงเป้า ถึงเวลาของพรรคอันดับสองแล้วหรือยัง นพ.ชลน่านกล่าวว่า 8 พรรคร่วมคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าการโหวตวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ไม่ใช่ชื่อพิธาแต่เป็นชื่ออื่น ไม่ได้อยู่ในนาม 8 พรรคร่วม นั่นคือความต้องการ ความคาดหวังของประชาชนถูกทำลายทันที ทั้งนี้ ไม่มีคำว่า 8 พรรคร่วมอาจจะเสนอชื่ออื่น อยู่ที่การพูดคุย

 

เมื่อถามถึงข้อเสนอของ ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า หากแก้ไขมาตรา 272 ไม่ได้ ให้ถอยไปเป็นฝ่ายค้าน นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล เขาจะปฏิบัติหรือไม่เราไม่ทราบ แต่เราไม่มีข้อผูกมัดอะไรที่จะเป็นหรือไม่เป็นฝ่ายค้าน เพราะประชาชนเสียงข้างมากเลือกให้มาเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้เลือกให้มาเป็นฝ่ายค้าน และไม่ขอให้ความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ปิยบุตรระบุว่า ให้ยอมเป็นแกะดำใน 4 ปีนี้ เพื่อให้ 4 ปีข้างหน้าจะได้คะแนนเสียงมากกว่า 20 ล้านเสียง 

 

ส่วนการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะชัดเจนหรือไม่ว่า 8 พรรคร่วมจะส่งชื่อใครชิงนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่านกล่าวว่า คงต้องรอข้อสรุปก่อน เพราะถ้าเราไม่ชัดเจน เมื่อถึงวันที่ 19 กรกฎาคม อีกฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะเสนอคู่แข่งและเดินเข้าไปสู่กับดักตรงนั้น เท่ากับเรายอมรับความพ่ายแพ้ เราเอาความหวังของประชาชน 25 ล้านเสียงไปทลายอยู่ตรงนั้น เชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้ 

 

เมื่อถามว่า 25 ล้านเสียงของประชาชนเป็นฉันทามติให้ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นฉันทามติเพื่อให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่านกล่าวว่า พิธาเป็นหัวหน้าพรรคอันดับหนึ่ง เป็นผู้รวบรวมได้ 312 เสียง และในเชิงสัญลักษณ์ ประชาชน 14 ล้านเสียงสนับสนุนเขา และ 27 ล้านเสียงที่รวมตัวแทนประชาชนที่เลือกเข้ามา นั่นหมายความว่าประชาชนเลือกพิธา 

 

ส่วนที่พูดกันว่าถ้ามีก้าวไกลอย่างไร ส.ว. ก็ไม่เลือก นพ.ชลน่านระบุว่า เท่าที่รู้เป็นเพียงความคิดเห็นของ ส.ว. บางคน พร้อมปฏิเสธไม่ทราบกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยไปดีล ส.ว. ได้ประมาณ 40 เสียง แต่เชื่อว่าไม่มีทางตัน ประเทศชาติต้องมีนายกรัฐมนตรี ต้องมีรัฐบาล ประชาชนต้องมีโอกาส 

 

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลไม่ลดเพดานแก้มาตรา 112 และจะเสนอแก้มาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องที่ประกาศชัดเจนเป็นนโยบาย ดังนั้นเขาต้องมีจุดยืนในตรงนี้ เราต้องเคารพสิทธิเสรีภาพในการดำเนินนโยบาย เราคงไม่ก้าวล่วงที่จะขอให้เขาลดหรือไม่ลดอย่างไร 

 

ส่วนเรื่องแก้มาตรา 272 ของพรรคก้าวไกลนั้น ต้องไปถาม ส.ว. ว่าพอใจหรือไม่ เพราะอาจจะมี ส.ว. บางคนที่สบายใจก็ได้ เนื่องจากจะมีช่องทางปลดเขาออกจากพันธนาการ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising