×

อัปเดต 26 คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะทั่วกรุงเทพฯ 2023 ฮีลใจและเติมคาเฟอีนไปพร้อมกัน

27.02.2023
  • LOADING...
คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

อัปเดต 26 คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะทั่วกรุงเทพฯ 2023 ฮีลใจและเติมคาเฟอีนไปพร้อมกัน 

 

เป็นระยะเวลากว่า 3 ปีที่วัฒนธรรมการดื่มชาได้กลายมาเป็นกระแส และความนิยมในสังคมไทยมากขึ้น เห็นได้ชัดจากคาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ คอร์สทีเทเบิล (Tea Table) ร้านขนมหวานญี่ปุ่นอย่างวากาชิ (Wagashi) หรือแม้กระทั่งคอร์สชาแพริ่งคู่กับอาหาร (Tea Experience) ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วกรุงเทพฯ 

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง: 

 


 

สำหรับในปี 2023 ความนิยมของการดื่ม ‘มัทฉะ’ ก็ยังคงไม่ได้ห่างหายจากเราไปไหน มีแต่จะเพิ่มความน่าตื่นเต้น รวมถึงความรู้ใหม่ๆ ที่ลงลึกและใส่ดีเทลยิ่งขึ้น และด้วยความเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น จึงทำให้ ‘มัทฉะ’ กลายมาเป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มในชีวิตประจำวันของใครหลายๆ คนไปแล้ว

 

ถ้าใครกำลังมีแพลนจะออกไปนั่งดื่มชา กินขนม และดื่มด่ำบรรยากาศที่ดีต่อใจ มาลองดูกันดีกว่าว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จนถึงในปี 2023 จะมีร้านไหน หรือคอร์สแพริ่งที่ไหนให้ได้ไปอัปเดตเมนูใหม่ๆ นั่งฮีลใจ และรับคาเฟอีนไปพร้อมๆ กันบ้าง

 

1. Chaya Teahouse

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘ชญา ทีเฮ้าส์’ คาเฟ่ในรูปแบบห้องชาญี่ปุ่น ที่ถึงแม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยมวลความอบอุ่น พร้อมประสบการณ์และวัฒนธรรมการดื่มชาบนเสื่อทาทามิในสไตล์ญี่ปุ่น

 

โดยทางร้านจะเน้นเสิร์ฟเมนูมัทฉะ และชาเขียวญี่ปุ่นแบบออร์แกนิก ทั้งในรูปแบบดั้งเดิมอย่างเมนูอุสุฉะ (Usucha) และโคอิฉะ (Koicha) รวมถึงเมนูในรูปแบบประยุกต์ เช่น หมวดหมู่เมนูเครื่องดื่มเย็น เมนูฟิวชันกับน้ำผลไม้ หรือเมนูใส่นม อีกทั้งยังมีเมนูขนมหวานญี่ปุ่นแบบโฮมเมดจากฝีมือเชฟชาวญี่ปุ่น ให้ได้เลือกสั่งมากินคู่ไปกับตัวเครื่องดื่มกันอีกด้วย 

 

หากใครได้แวะมาเยือนห้องชาแห่งนี้สักครั้ง บอกเลยว่ามีกลับไปแบบอิ่มท้อง และอิ่มใจอย่างแน่นอน

 

ด้วยความเรียบง่าย แต่หลากหลายในเมนูของที่นี่ เราจึงอยากแนะนำให้ได้ลองสั่งเมนูดั้งเดิมอย่าง Usucha (เริ่มต้นที่ 250 บาท) กันสักถ้วย เมนูเครื่องดื่มฟิวชันอย่าง Sparkling Matcha Rosé (170 บาท) มัทฉะสปาร์กลิงไซรัปสตอว์เบอร์รีและกุหลาบ ที่ท็อปด้วยกลีบกุหลาบอบแห้งแบบปลูกเองของร้านกันสักหน่อย 

 

ในส่วนเมนูของหวานนั้น ต้องห้ามพลาดเซ็ตไอศกรีมมัทฉะ Tenryu Ice Cream (180 บาท) ไอศกรีมมัทฉะสกู๊ปใหญ่ๆ เสิร์ฟพร้อมโมจิและถั่วแดง หรือจะเป็นเมนูขนม Mitarashi Dango (110 บาท) เมนูดังที่ใครหลายๆ คนเป็นต้องแวะกลับมาซ้ำที่นี่

 

Chaya Teahouse 

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น. อยู่ในซอยประดิพัทธ์ 14 (มีที่นั่งจำกัด แนะนำให้สำรองที่นั่งก่อนล่วงหน้า)

 

2. MTCH™

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘เอ็มทีซีเฮช- Contemporary Matcha Bar’ คาเฟ่มัทฉะสเปเชียลตี้สไตล์คอนเทมโพรารี ที่เพียงแค่อ่านชื่อร้านก็สามารถบ่งบอกได้ถึงคาแรกเตอร์ หรือความ ‘ร่วมสมัย’ ของทั้งตัวร้านเอง รวมไปถึงหมวดหมู่เมนูภายในร้านได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเมนูมัทฉะลาเต้หลากหลายสายพันธุ์ที่มีให้เลือกสั่งตามระดับความเข้มข้นที่ต้องการ เมนูมัทฉะเย็นไม่ใส่นม เมนูมัทฉะฟิวชันกับน้ำผลไม้ เมนูมัทฉะปั่น ตลอดจนเมนูขนมหวาน และเจลาโตมัทฉะที่มีให้เลือกสั่งกันถึง 4 เลเวลความเข้มข้น 

 

ก่อนช่วงปลายปี 2022 ทางร้านเริ่มเสิร์ฟเมนูมัทฉะแบบดั้งเดิมอย่างอุสุฉะ ในแก้วเซรามิกสไตล์โมเดิร์น พร้อมๆ ไปกับการเปิดสาขาแฟลกชิป หรือสาขาล่าสุดอย่างสุขุมวิท 23 (นับเป็นสาขาที่ 3) ในรูปแบบสโลว์บาร์ เจาะกลุ่มลูกค้าให้กว้างขวาง และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม 

 

ด้วยความร่วมสมัยของเมนู เราจึงอยากแนะนำให้ได้ลองกันทั้งตัวเมนูเครื่องดื่ม และขนม เช่น เมนูมัทฉะลาเต้ OYT (150 บาท) หรือมัทฉะเฮาส์เบลนด์ของทางร้าน ดื่มง่าย กลิ่นหอม เข้มแต่ไม่ขม เมนู Matcha Banoffee (180 บาท) ขนมขายดีอันดับ 1 ประจำร้าน และเมนู Matcha Panna Cotta (135 บาท) หนึ่งในเมนูขนมหวานมัทฉะต้นตำรับ หรือจะเรียกว่าเป็นเมนูสร้างชื่อของทางร้านก็ว่าได้

 

MTCH

  • สาขาอารีย์ ซอยพหลโยธิน 5 และสาขาสุขุมวิท 23 เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 09.00-18.00 น. เฉพาะสาขาในโครงการเดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ เปิดเวลา 11.00 -20.00 น. ไม่มีวันหยุด

 

3. KATE Artisan Japanese Tea

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘เคทอาร์ติซัง เจแปนนิสที’ คาเฟ่มัทฉะสเปเชียลตี้หลังเล็กๆ ย่านเหม่งจ๋าย ขุมทรัพย์เรื่องมัทฉะ ขนมหวาน และเมนูสุดครีเอทีฟที่หลายๆ คนอาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

 

สำหรับ KATE Artisan Japanese Tea ถือเป็นคาเฟ่มัทฉะแห่งหนึ่งที่มุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบชั้นดี และความโฮมเมด เพราะไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบหลัก ซอส หรือครีมสดในเมนูไหนๆ ทางร้านก็จะทำสดๆ ให้ได้ดูกันต่อหน้าต่อตา หรือในบางครั้งเราอาจจะได้ลิ้มรสเมนูมัทฉะบานอฟฟี่ฉบับที่สดใหม่ พร้อมเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าอีกด้วย

 

เมื่อคำว่า ‘โฮมเมด’ กลายเป็นกิมมิกหลักของร้าน เมนูที่ห้ามพลาดเลยก็คือ  Autumn Forest (189 บาท) มัทฉะลาเต้ที่จัดหนักจัดเต็มไปด้วยซอสเฟรนช์ช็อกโกแลต กับซอสคาราเมลสูตรพิเศษของร้าน หวานกำลังดี ได้รสชาชัด และให้เท็กซ์เจอร์เคี้ยวหนึบหนับ หรือจะเป็นเมนูมัทฉะลาเต้อีกสักแก้วอย่าง Cashew Nut Caramel (175 บาท) มาพร้อมซอสคาราเมลที่ถูกตกแต่งไว้ทั่วทั้งบริเวณรอบแก้ว และขอบแก้ว ก่อนจะโรยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์เพิ่มเท็กซ์เจอร์แบบกรุบกรอบปิดท้ายกันไป ในส่วนของสายขนม เราขอแนะนำเป็นมัทฉะบานอฟฟี่อย่าง Banocha (170 บาท) หรือ Sticky Kroffle Cup (255 บาท) แก้วที่ประกอบไปด้วยครอฟเฟิล บิสคอฟ ครีมสด ซอสคาราเมล และซอสเฟรนช์ช็อกโกแลต หนึ่งในเมนูยอดฮิตของร้านที่มาแบบครบครันสู้เมนูมัทฉะลาเต้ไปได้เลย

 

KATE Artisan Japanese Tea

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 10.00-17.30 น. ตั้งอยู่หน้าโครงการ J Park เหม่งจ๋าย ติดกับสถานทูตกัมพูชา

 

4. Grow tea.studio

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘โกรว ทีสตูดิโอ’ ร้านชาสเปเชียลตี้ห้องเล็กๆ ย่านสุทธิสาร ที่มีสไตล์แนวคิดแบบตะวันตกผสมผสานตะวันออก เชื่อมกันด้วยหลักการหรือคอนเซปต์วะบิ-ซะบิ (Wabi-sabi) ในรูปแบบ ‘ร่วมสมัย’ (New Traditional Design)

 

หากพูดถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของร้าน ก็คงหนีไม่พ้นเสน่ห์และบรรยากาศของบทสนทนาระหว่างผู้ดื่มและผู้ชงผ่านเคาน์เตอร์สโลว์บาร์ 4 ที่นั่งแห่งนี้ อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับหมวดหมู่เมนูที่มีประเภทของชาให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูมัทฉะที่ทางร้านเลือกใช้ตัวชาจากเมืองอูจิโดยเฉพาะ (Ujicha) ชาเขียวญี่ปุ่น ชาจีน ชาไต้หวันที่ล้วนออกแบบมาให้ตรงตามคาแรกเตอร์ของร้าน เมนูม็อกเทลชา และเมนูขนมหวานเพื่อสุขภาพอีกด้วย ก่อนช่วงปลายปี 2022 ทางร้านยังได้ร่วมพัฒนา และส่งเสริมวงการชาไทยด้วยการออกเมนูเครื่องดื่มภายใต้โปรเจกต์ ‘Thai Tea Run Away’ ด้วยการใช้ชาที่ได้ผลผลิตจากไร่ทางภาคเหนือของไทย

 

แต่สำหรับสายมัทฉะแล้วนั้น หากได้แวะมาที่นี่ ขอแนะนำเป็นเมนูมัทฉะลาเต้ God Uji! (190 บาท) ให้รสโทนหวาน ดื่มง่าย แซมความเปรี้ยวแบบ​ฉ่ำๆ หรือจะเป็นเมนูมัทฉะลาเต้อีกสักตัวอย่าง Glowing-Milk Vol.2 (185 บาท) ที่จะพาไปทำความรู้จักกับรส ‘อูมามิ’ ในทุกๆ โทน และ ‘Dorayaki 03’ (120 บาท) โดรายากิไส้เฮเซลนัท และครีมสดสูตรพิเศษให้ได้กินคู่กับเครื่องดื่มกันแบบเพลินๆ

 

Grow tea.studio

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) เวลา 10.00-18.00 น. อยู่ในซอยอุดมสุข แยก 4 (ใกล้ MRT สุทธิสาร ทางออก 3)

 

5. RURU sense

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘รูรุ เซนส์’ คาเฟ่มัทฉะสเปเชียลตี้ที่หลบซ่อนอยู่ในซอยลาดพร้าว 18 กลมกลืนไปกับย่านที่พักอาศัย แต่โดดเด่นด้วยเหล่าเมนูมัทฉะลาเต้ ทั้งในรูปแบบปกติ ไปจนถึงเมนูมัทฉะลาเต้ในสไตล์ฟิวชันที่จะคอยสร้างความประทับใจให้กับสายชาได้อยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูมัทฉะลาเต้น้ำมะพร้าวหรือ Ocean Wave (165 บาท) เมนูออริจินัล และยอดฮิตของร้าน ที่แฝงกิมมิกเล็กๆ อย่างการเล่นสีของน้ำมะพร้าวอยู่เนืองๆ ทั้งน้ำมะพร้าวสีใสปกติ ไปจนถึงสีชมพูหวานแหวว สู่น้ำมะพร้าวอัญชันสีฟ้ากับชื่อเมนู Blue Ocean ก็ยังมี!

 

สำหรับเมนูแนะนำของร้านในช่วงนี้คือ Spring Hana 0% fat (175 บาท) เมนูมัทฉะลาเต้นมไขมัน 0% ที่นำมาเบลนด์ด้วยผงซากุระ ดื่มง่ายแบบบอดี้ไลต์ หอมกลิ่นชา และซากุระที่ให้ความสดชื่นเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ และเมนู Hanaru (150 บาท)  มัทฉะลาเต้ บอดี้แน่นๆ ด้วยนมไขมันเต็ม มาในโทนช็อกโกแลตแซมด้วยความอูมามิชัดเจน หรือจะเป็นเมนูมัทฉะฟิวชันอีกสักเมนูอย่าง Summer Scent (165 บาท)  มัทฉะยูซุโซดา ก็ช่วยคลายวันร้อนๆ ได้อย่างดี

 

RURU sense

  • เปิดวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00-18.00 น. อยู่ในซอยลาดพร้าว 18 ข้างคอนโดไลฟ์ ลาดพร้าว (เวลาเปิดให้บริการ และตัวเมนูอาจมีการปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ)

 

6. Peace 和 Oriental Teahouse

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘พีซ​ โอเรียนทอล ทีเฮ้าส์’ บาร์ชาตะวันออกสเปเชียลตี้ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูชาญี่ปุ่น ชาจีน ชาไต้หวัน ควบคู่ไปกับเหล่าเมนูขนมหวานแบบฟิวชันที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนเช่น 3 เมนูซิกเนเจอร์ยอดฮิตตลอดกาล Idealist Pastel Matcha (145 บาท) มัทฉะลาเต้รสชาติเข้มข้น หวานมันแซมอูมามิที่ถูกเอจไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ เซ็ต Matcha Extremist (245 บาท) ไอศกรีมมัทฉะรสเข้มข้นเคลือบชาร์โคล เสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียวดำสูตรพิเศษ และ Yuzu Mocheezu (285 บาท / 4 ชิ้น) โมจิชีสเฮาส์เมดรสยูซุ ชวนให้สายชา สายขนมหวานได้ไปดื่มด่ำการดื่มชา และบรรยากาศบาร์ชาที่แตกต่างกันในแต่ละสาขาทั่วกรุงเทพฯ

 

สำหรับ Peace 和 Oriental Teahouse นับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวงการคาเฟ่มัทฉะสเปเชียลตี้ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยได้ลิ้มลองหลากหลายเมนูของที่นี่มาก่อนแล้ว 

 

อีกทั้งในช่วงปลายปี 2022 ทางร้านเพิ่งวางจำหน่ายเมนูใหม่ๆ ด้วยวิธีการชง และตัวชาใหม่ๆ เจาะกลุ่มผู้ดื่มชาสายต่างๆ อย่างกว้างขวางขึ้น ด้วยเมนูอย่าง The all-new Clear Sencha (135 บาท) เซนฉะชงเย็นให้ความสดชื่น อูมามิทุกครั้งที่ได้ดื่ม 

 

และอีกหนึ่งไลน์โปรดักต์ใหม่ ‘Matchless’ ที่เน้นการนำเสนอมัทฉะจากโปรไฟล์ หรือการให้ความร้อน 3 ระดับ (Firing) ของใบเทนฉะมาเป็นปัจจัยหลักในการรังสรรค์ ทั้งเมนูเครื่องดื่มมัทฉะ และสกู๊ปไอศกรีมอีกด้วย

 

Peace 和 Oriental Teahouse

  • เปิดทุกวัน (ช่วงเวลาการเปิด-ปิด ขึ้นอยู่กับแต่ละสาขา และโครงการที่ร้านอยู่ภายใต้) มีทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาสุขุมวิท 49 / G Tower / คิง เพาเวอร์ รางน้ำ / Velaa หลังสวน และอารีย์ซอย 1

 

7. Chaseki Teahouse

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘ชาเซกิ ทีเฮ้าส์’ อีกหนึ่งคาเฟ่มัทฉะหลังเล็กๆ ในย่านอารีย์ ส่งตรงจากห้องชา ‘Chaseki’ จังหวัดเชียงใหม่ มาพร้อมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้านที่ใครๆ เห็นเป็นต้องจำได้ อย่างกระปุกชาสีขาว-เขียวแบรนด์ ‘โชเกียวคุเอ็น’ (Shogyokuen) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทั่วทุกมุมร้าน หรือมัทฉะแบรนด์หลักๆ ที่ Chaseki เลือกใช้เป็นส่วนประกอบของทุกๆ เมนูภายในร้าน ทั้งการชงมัทฉะรูปแบบดั้งเดิมอย่างอุสุฉะ และโคอิฉะ เมนูมัทฉะลาเต้เย็น-ปั่น มัทฉะใส มัทฉะฟิวชันน้ำผลไม้ ตลอดจนเมนูขนมหวานโฮมเมด ก็ล้วนมาจากการคัดสรรเกรดต่างๆ ของมัทฉะในแบรนด์มาใช้ให้เหมาะสมนั่นเอง


หากใครได้แวะมาดื่มชาที่ Chaseki Teahouse ก็ยังเปรียบเสมือนได้ค้นหาความหลากหลายในรสชาติของมัทฉะแบรนด์ Shogyokuen โดยเมนูแนะนำของร้าน คือ Toyo Mukashi Matcha Latte (215 บาท) เมนูมัทฉะลาเต้ซิกเนเจอร์สูตรเฉพาะของ Chaseki หรือจะลองลิ้มรสมัทฉะในแบบต้นตำรับกันสักถ้วย กับเมนู Usucha (เริ่มต้น 130 บาท) และเมนูขนมหวานขายดีของทางร้านอย่าง Matcha Cheesecake (เริ่มต้น 129 บาทสำหรับชีสเค้กธรรมดา) สารพัดชีสเค้กมัทฉะที่มีกิมมิกและรสชาติที่แตกต่างกันไป

 

Chaseki Teahouse

  • เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. อยู่ในโครงการสนั่นนภา ซอยอารีย์ 1

 

ภาพ: Chaseki Tea House – Ari in Bangkok

 

8. Spring matcha

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘สปริง มัทฉะ’ คาเฟ่มัทฉะสไตล์โฮมมี่เพื่อคอมัทฉะในย่านรามคำแหง และละแวกใกล้เคียง หนึ่งในผู้บุกเบิกวงการคาเฟ่มัทฉะสเปเชียตี้ที่ถึงแม้ตัวร้านจะไม่ได้อยู่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ แต่ด้วยโลเคชันที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านสัมมากร จึงทำให้ Spring matcha  เปรียบเสมือนทั้งสถานที่ดื่มชา พบปะ และทำงานสำหรับผู้คนทั่วๆ ไปอีกด้วย

 

สำหรับ Spring matcha แล้ว การสรรหามัทฉะที่มีความหลากหลายทางด้านสายพันธุ์ แหล่งปลูก โทนโน้ต รวมไปถึงคาแรกเตอร์ของชาแต่ละตัวที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในกระแส ถือเป็นเสน่ห์อันน่าจดจำให้กับทั้งตัวร้านเอง และผู้คนที่ได้แวะเวียนมาในช่วงเวลานั้นๆ

 

เพราะกลุ่มลูกค้าที่อาจจะไม่ใช่คอชาเสมอไป จึงทำให้หลักการในการพัฒนาเมนูแต่ละตัวภายในร้าน คือการเน้นหาความสมดุลของตัวชา-เมนูเครื่องดื่มเพื่อให้ผู้คนทุกๆ กลุ่มสามารถเข้าใจ และเอ็นจอยกับการดื่มมัทฉะแต่ละแก้วได้อย่างเท่ากันๆ 

 

เช่น เมนู Ristretto Matcha (140 บาท) มัทฉะลาเต้ที่ราดด้วยช็อตเอสเพรสโซ หรือ Matcha Caramel Frappe (140 บาท) เมนูมัทฉะลาเต้ปั่นที่ตกแต่งแก้วด้วยไซรัปคาราเมล ซึ่งถ้าหากใครที่เป็นสายมัทฉะ สามารถสั่งเมนู Bata (145 บาท) มัทฉะลาเต้ให้สัมผัสที่หอมมันเนย และมัทฉะลาเต้บอดี้เข้มข้น รสคล้ายโกโก้ ติดขมนิดๆ อย่าง Flying Wing (140 บาท) ได้

 

Spring matcha

  • เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. อยู่ในหมู่บ้านสัมมากร ซอยรามคำแหง 110

 

9. nita.bakeandbrew

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘นิตาเบคแอนด์บริว’ คาเฟ่ขนมหวานและเครื่องดื่มมัทฉะ ที่ถึงแม้จะไม่ใช่คาเฟ่มัทฉะสเปเชียลตี้ตามคำบอกกล่าวของทางร้าน แต่ nita.bakeandbrew ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากความรัก และแพสชันที่มีต่อทั้งการทำขนม และการดื่มมัทฉะในชีวิตประจำวัน


จริงอยู่ที่ทางร้านได้จำกัดนิยามของตัวเองเอาไว้ด้วยคำว่า ‘มัทฉะเลิฟเวอร์’ แต่เมนูขนมหวานในทุกๆ เมนูก็ล้วนผ่านการพัฒนา คิดค้นองค์ประกอบ และคัดสรรตัวชาที่เหมาะสมกับเมนูนั้นๆ นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มมัทฉะพร้อมเสิร์ฟ ทั้งในหมวดหมู่ลาเต้เองก็ดี เมนูมัทฉะใส หรือมัทฉะฟิวชันน้ำผลไม้ก็มีให้เลือกกันมากกว่าเมนูเครื่องดื่มในหมวดหมู่ Non-Tea อีกด้วย

 

โดยปกติแล้วเมนูเบเกอรีของ nita.bakeandbrew จะเน้นสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  เช่น เมนูเอ็กซ์คลูซีฟประจำเดือน หรือเมนูที่วางขายเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ นอกเหนือไปจากเมนูเหล่านี้แล้ว ทางร้านยังมีเมนูของหวานที่เป็นดั่งซิกเนเจอร์ให้เราได้แวะเวียนกลับไปซ้ำได้ในทุกๆ ครั้ง

 

อย่าง Shizuoka Matcha Banoffee (150 บาท) เมนูขายดีของร้าน ให้รสหวานนวลจากครีมสด ครัสต์โอริโอที่กรุบกรอบ ตัดด้วยชั้นมัทฉะกานาชที่ให้รสขมเล็กๆ หรือจะเป็นเมนูชีสเค้กหน้าไหม้ Twotone Basque Burnt Cheesecake (150 บาท) ให้ที่รสหวานอมเปรี้ยว หอมมัทฉะและชีสเคล้ากันไปใน 2 เลเยอร์ ก่อนไปเติมความสดชื่นกันด้วยเมนูเครื่องดื่ม Uji Matcha Peach Collagen (140 บาท) หรือมัทฉะสปาร์กลิงพีช


nita.bakeandbrew (แท็ก web.facebook.com/nita.bakeandbrew/) 

  • เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. เฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดเวลา 08.00-18.00 น. อยู่ในซอยปุณณวิถี 11

 

ภาพ: อาทิตติยา ทรายมูล

 

10. MILEY Matcha Bar

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘ไมลีย์ มัทฉะบาร์’ คาเฟ่มัทฉะสเปเชียลตี้ตกแต่งสไตล์เท่ๆ ด้วยสีดำตัดกับสีเขียวสะท้อนแสง ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางโครงการสวนดอกลำเจียกในโซนราชพฤกษ์ เจาะกลุ่มสายมัทฉะฝั่งนนทบุรีอย่างแท้จริง 

 

โดยคอนเซปต์ของ MILEY Matcha Bar คือการนำเสนอเมนูมัทฉะ และตัวผงชาที่ร้านหรือในฐานะมัทฉะเลิฟเวอร์คนหนึ่งชื่นชอบ และอยากที่จะแลกเปลี่ยน รวมไปถึงแบ่งปันความชอบสู่มัทฉะเลิฟเวอร์คนอื่นๆ ผ่านเมนูในทุกๆ หมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นเมนูมัทฉะลาเต้ที่ใครๆ ต่างก็เข้าถึงได้ง่าย เมนูมัทฉะใส รวมไปถึงการเสิร์ฟมัทฉะในรูปแบบดั้งเดิม หรืออุสุฉะ เมนูมัทฉะฟิวชันน้ำผลไม้ และเครื่องดื่มโซดาต่างๆ ก่อนจะมีเมนูใบชาญี่ปุ่นอย่างเซนฉะให้เลือกดื่มคู่ไปกับการสั่งเมนูขนมหวานฉบับโฮมเมดของร้านด้วย

เมนูแนะนำ เช่น Toyo Mukashi (เริ่มต้น 150 บาท) ที่ตั้งตามชื่อผงมัทฉะแบบเป๊ะๆ ตัวนี้สามารถเลือกสั่งได้ทั้งเมนูมัทฉะใส ลาเต้ ฟิวชัน และอุสุฉะ หรือจะลองเป็น Tofu Panna Cotta x Koicha (120 บาท) เมนูขนมขายดีประจำร้าน มาพร้อมซอสมัทฉะแบบเข้มข้น กับเมนู Ceremonial Matcha Ice Cream (120 บาท) ไอศกรีมรสชาติหวานน้อยที่ได้รสมัทฉะเต็มๆ

 

MILEY Matcha Bar

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) เวลา 10.30-19.00 น. อยู่ในโครงการสวนดอกลำเจียก ราชพฤกษ์

 

11. Tanuki261cha

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘ทานูกิ 261’ อีกหนึ่งคาเฟ่มัทฉะสเปเชียลตี้บรรยากาศเป็นกันเองย่านเจริญกรุง  พร้อมส่งตรงชาชงสดทุกๆ แก้วสู่มือของทีเลิฟเวอร์ทุกๆ คนที่ได้มาเยือน

 

เมื่อพูดถึง ‘ทีเลิฟเวอร์’ แน่นอนว่าคาเฟ่แห่งนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่หมวดหมู่เมนูมัทฉะ แต่ยังมีเมนูใบชาญี่ปุ่นอย่างเซนฉะ รวมไปถึงเมนูชาจีน และชาไต้หวันให้ได้เลือกสั่งกันทั้งในรูปแบบดั้งเดิม กับฟิวชันในรูปแบบของม็อกเทลดริงก์อีกด้วย 

 

โดยอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญที่ต้องพูดถึง ก็คงเป็นฝีมือในการทำเมนูขนมหวานแบบโฮมเมด และเมนูเครื่องดื่มมัทฉะสุดเอ็กซ์คลูซีฟ หรือ Tanuki’s Drink (185 บาท) ที่ร้านได้นำวัตถุพื้นบ้านของไทยมารังสรรค์จนเกิดเป็นเมนูใหม่ๆ ชวนให้ได้ไปลิ้มลองกันแบบเดือนต่อเดือน อย่างเช่นเมนู Hot Love Military Latte (185 บาท) มัทฉะลาเต้ช็อกโกแลตพริก เมนูเอ็กซ์คลูซีฟประจำเดือนกุมภาพันธ์

 

สำหรับใครที่ไม่ทันในเดือนนี้ เราขอแนะนำให้ลองเมนู Saemidori Sencha (155 บาท) เซนฉะเย็นๆ รสชาตินุ่มนวลที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของทะเล และความอูมามิ หรือถ้าไม่รีบร้อนสักเท่าไร ก็จะแนะนำให้ติดตามเมนูประจำเดือนถัดไปๆ ในส่วนของขนมหวานต้องห้ามพลาด Matcha Dirty Toast (185 บาท) โชคุปังโทสต์หอมๆ สอดไส้ลาวาคัสตาร์ดมัทฉะแบบเยิ้มๆ

 

Tanuki261cha 

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) เวลา 09.30-17.30 น. อยู่ต้นซอยเจริญกรุง 72

 

ภาพ: Tanuki261.cha

12. Katsute Matcha

   

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘คัทซึเตะ มัทฉะ’ อีกหนึ่งคาเฟ่มัทฉะย่านสาทร-เจริญราษฎร์ ที่ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าตัวเองเป็นคาเฟ่แบบสเปเชียลตี้ แต่เป็นเพียงร้านมัทฉะที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการชงมัทฉะขายแบบเดลิเวอรีด้วยฝีมือของผู้เสพติดมัทฉะ หรือ ‘Matchaholic’ ศัพท์ที่ร้านนิยามตัวเองเอาไว้นั่นเอง

 

ด้วยตัวแปรสำคัญอย่างการขนส่ง และรสชาติที่คงที่ จัดเก็บได้ สดใหม่อยู่เสมอ เมนูมัทฉะที่ร้านริเริ่มขายคือ ‘Cold Brew Matcha Latte’ ซึ่งนับเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านมาจนถึงปัจจุบัน

 

และเพื่อการเจาะกลุ่มสายชาที่กว้างขวางขึ้น การมีพื้นที่ให้ได้พูดคุยกันเล็กๆ การเปิดหน้าร้านของ Katsute Matcha จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยเฉพาะหมวดหมู่เมนูที่หลากหลายขึ้น อย่างเมนูมัทฉะลาเต้ชงสดพร้อมดื่ม Oburi (180 บาท) ให้โน้ตโทนข้าวโพดย่าง มันหวานญี่ปุ่น และถั่วเขียวอบกรอบ หรือจะเป็นเมนูประจำเดือนแห่งความรัก Di-Ichi Strawberry Sparkling (130 บาท) มัทฉะสปาร์กลิงที่มาพร้อมชั้นเลเยอร์แยมสตรอว์เบอร์รีสด ไปจนถึงเมนูขนมหวานโฮดเมด เช่น Nama Matcha (170 บาท) นามะเนื้อนุ่มฐานบิสคอฟฟ์ และโอริโอกรุบกรอบ เมนูขายดีที่สุดของร้าน กับ Matchanofee (160 บาท) มัทฉะบานอฟฟี่แบบ 6 เลเยอร์

 

Katsute Matcha 

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันพฤหัสบดี) เวลา 07.30-19.00 น. เฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดเวลา 09.00-19.00 น. อยู่ใน Blossom Condo สาทร-เจริญราษฎร์ ตึก B

 

ภาพ: Katsute_Matcha

 

13. Origami Teahouse

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘โอริกามิ ทีเฮ้าส์’ ร้านชาขนาดหนึ่งห้องที่หลบซ่อนตัวอยู่ในย่านทองหล่อ มาพร้อมกับความตั้งใจนำเสนอเมนูชาเขียวญี่ปุ่นที่หลากหลาย ตั้งแต่เมนูร่วมสมัยอย่างมัทฉะลาเต้ ชาสกัดเย็น เมนูมัทฉะฟิวชันน้ำผลไม้ ไปจนถึงการชงชาในรูปแบบดั้งเดิม หรืออุสุฉะ และเมนูใบชาชงร้อน ในคาแรกเตอร์ที่ต่างกันไป เปรียบเสมือนการพับกระดาษเป็นรูปร่างต่างๆ ดังชื่อร้านนั่นเอง

 

Origami Teahouse นับได้ว่าเป็นคาเฟ่มัทฉะสเปเชียลตี้ที่ค่อนข้างใหม่ เพราะเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยเมนูแนะนำอย่าง Day Break มัทฉะลาเต้รสชาติเข้ม บอดี้มันนัวออกโทนดาร์กช็อกแลตติดอูมามิเบาๆ (150 บาท) Ocean (140 บาท) เมนูใบเทนฉะสกัดเย็น บอดี้เบาๆ ดื่มง่ายสดชื่น แต่อูมามิแบบเต็มขั้นเหมาะสำหรับสายชาญี่ปุ่น หรือสายมัทฉะแบบดั้งเดิมก็สามารถลองเมนู Evergreen (220 บาท) อุสุฉะร้อนๆ ที่ให้รสคล้ายซุปผักหวานๆ หอมกลิ่นดอกไม้แทรกความอูมามิชัด 

 

Origami Teahouse 

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 09.00-18.00 น. อยู่ใน Thonglor Tower ตึก B ซอยทองหล่อ 18

 

14. ChaEn Tea Experience

 

 

‘ชาเอ็น ที เอ็กซ์พีเรียนซ์บาร์น้ำชาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางทองหล่ออันวุ่นวาย พร้อมด้วยบรรยากาศร้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ผสมผสานความร่วมสมัยที่จะช่วยฮีลใจได้ในวันยุ่งๆ

 

จริงๆ แล้ว ChaEn Tea Experience นั้นเปรียบเสมือนอีกก้าวหนึ่งของ ‘ChaEn Matcha’ แบรนด์ชาเขียวปลูกในไทยที่มีเจ้าของไร่เข้ามาลงมือทำ และเปิดร้านชาในกรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง อย่างป๊อปอัพร้านชา ChaEn Matcha สาขาสยามสแควร์ วันที่ใครหลายๆ คนอาจจะคุ้นหูคุ้นตากันดี ก่อนที่ในวันนี้หลากหลายชาท้องถิ่นของไทยถูกนำมาพัฒนา และรังสรรค์เป็นเมนูใหม่ๆ ควบคู่ไปกับชาญี่ปุ่นและชาไต้หวันภายใต้บาร์น้ำชาแห่งนี้ด้วย

 

หากใครได้แวะมาที่นี่ เราแนะนำให้ลองเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน อย่าง เมนูมัทฉะลาเต้ Milk Asanoka (180 บาท) บอดี้แน่น สัมผัสครีมมี่ และรสชาติที่คล้ายเกาลัดญี่ปุ่นแทรกความอูมามิเล็กน้อย

 

หรือจะเป็น Basic Wazuka Matcha Latte (150 บาท) โดดเด่นเรื่องกลิ่นหอม ดื่มง่าย ไม่เข้มจนเกินไป นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนู Matcha Ice Cream (เริ่มต้น 120 บาท) 4 คาแรกเตอร์ 4 รสชาติ และความเข้มให้ได้ลอง รวมถึงเมนูขนมหวานอย่าง Matcha Panna Cotta (120 บาท) สูตรโฮมเมดของร้านอีกด้วย

 

ChaEn Tea Experience

  • เปิดทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น. เฉพาะวันศุกร์ เปิดเวลา 09.00-18.00 น. อยู่ท้ายซอยสุขุมวิท 57

 

15. SO! MATCHA

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘โซ! มัทฉะ’ คาเฟ่มัทฉะสเปเชียลตี้ที่ตั้งอยู่บนทำเลทองใจกลางเมืองอย่างออฟฟิศ T-One Building ทองหล่อ อีกทั้งยังเป็นคาเฟ่มัทฉะที่มาในคอนเซปต์ ‘FARM TO HERE’ โดยมีเจ้าของฟาร์ม ‘คาวาเนะ’ (Kawane) รุ่นที่ 13 เป็นผู้ดูแลร้าน และส่งตรงมัทฉะจากไร่ในจังหวัดชิซึโอกะอีกด้วย

 

สำหรับ SO! MATCHA แล้ว เมนูภายในร้านโดยส่วนใหญ่ เช่น มัทฉะลาเต้ อุสุฉะ มัทฉะปั่น (Matcha Frozen) รวมไปถึงเมนูพิเศษอย่าง Matcha Nitro (150 บาท)  มัทฉะอัดก๊าซด้วยไนโตรเจน ให้สัมผัสที่นุ่มฟูเหมือนดื่มนมนั้น ทางร้านจะเลือกใช้เป็นมัทฉะออร์แกนิกที่ดีต่อสุขภาพชงเสิร์ฟให้ในทุกๆ แก้ว 

 

ในบางเมนูที่ต้องใช้ Tencha ใบเทนฉะที่นำมาบดด้วยโม่หินให้ได้เป็นผงมัทฉะ และเมนูใบชาญี่ปุ่นอย่าง Gyokuro Ice Brew (120 บาท) ที่ต้องใช้ระยะเวลา และขั้นตอนที่พิถีพิถันกว่าเมนูไหนๆ ทางร้านแนะนำให้ทำการสั่งจองล่วงหน้า 2 ชั่วโมง จึงจะได้ชาที่มีรสชาติสดใหม่อยู่เสมอ หรือถ้าหากใครว่างๆ อยากจะเห็นวิธีการเตรียมเครื่องดื่มกันแบบชัดๆ ก็สามารถมานั่งรอชมกันได้แบบชิลๆ พร้อมสั่ง Nama Warabi Mochi (70 บาท) อีกหนึ่งเมนูขนมที่ร้านทำกันแบบสดๆ ไว้มากินเป็นออเดิร์ฟก่อนก็ได้

 

SO! MATCHA 

  • เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. เฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดเวลา 10.00-18.30 น. อยู่ในตึก T-One Building ทองหล่อ (ใกล้ BTS ทองหล่อ)

 

ภาพ: SO MATCHA

16. Niche Tea

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘นีช ที’ คาเฟ่ที่เป็นทั้งบาร์มัทฉะและขนมหวาน ตั้งอยู่ในโซนชั้น 1 ของโครงการ Blue Wild Space ทองหล่อ มาพร้อมการตกแต่งที่ยังคงเอกลักษณ์อย่างความเรียบหรูเอาไว้ดังในโลเคชันแรก (ชั้นบนของโครงการเดียวกัน) เสริมด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีไม้อบอุ่น สบายตา ล้อมรอบด้วยกระจกใสที่มองเห็นวิวสวนของโครงการอีกด้วย

 

จุดเด่นของ Niche Tea คือการเลือกใช้มัทฉะเกรดพรีเมียมมาครีเอตให้กลายเป็นเมนูใหม่ๆ อย่าง Matcha Nitro (เริ่มต้น 160 บาท) เมนูมัทฉะอัดก๊าซไนโตรเจนที่ใครๆ ก็อยากมาลิ้มลองตั้งแต่สมัย Niche Tea เพิ่งเปิดหน้าร้านกันใหม่ๆ หรือเมนู Matcha Dirty (130 บาท) ให้ค่อยๆ ยกซดชั้นเลเยอร์มัทฉะพร้อมไปกับชั้นนมที่เย็นจัดแบบจิบต่อจิบ และ Matcha Passion (185 บาท) มัทฉะน้ำเสาวรสกับน้ำสับปะรดคั้นสดแบบสกัดเย็น ที่ยังคงเป็นเมนูขายดีตลอดกาลของทางร้านอีกด้วย

 

ในส่วนของบาร์ขนมหวานก็เด่นไม่แพ้กัน อย่างเมนู Mini Choux Puff (100 บาท) เซ็ตชูครีมไซส์มินิ กรอบนอกนุ่มในไส้ทะลัก มีให้เลือกทั้งรสชาติมัทฉะ วานิลลา ช็อกโกแลต และเมนู Matcha Terrine (145 บาท) เทอรีนเนื้อเนียนๆ เสิร์ฟคู่มากับแครกเกอร์ พร้อมชิ้นพีชสด

 

Niche Tea 

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 08.00-17.00 น. เฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดเวลา 10.00-18.00 น. อยู่ในโครงการ Blue Wild Space ชั้น 1 ซอยสุขุมวิท 36 ซอยย่อยนภาศัพท์ แยก 1 

 

ภาพ: Niche Tea BKK

 

17. Matcha & more

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘มัทฉะแอนด์มอร์’ มัทฉะโอเพนบาร์ขนาดเล็กที่ตั้งใจนำเสนอตัวร้านไว้ให้เป็นพื้นที่พูดคุย และแลกเปลี่ยนเรื่องราว ประสบการณ์ในการดื่มมัทฉะจากผู้ชงสู่ผู้ดื่ม 

 

โดยความตั้งใจนี้ทำให้ Matcha & more มีทั้งสาขาที่อยู่นอกตัวเมืองกรุงเทพฯ ไปอีกนิดอย่างบางมด ก่อนจะค่อยๆ เข้ามาเจาะกลุ่มสายชาไลฟ์สไตล์คนเมืองในสาขาที่ 2 หรือดิเอ็มควอเทียร์นั่นเอง


และไม่ว่าจะเป็นสาขาไหนของ Matcha & more เมนูชูโรงที่ต้องห้ามพลาดเลยก็คือ เมนูขนมหวานโฮมเมดอย่าง Matcha Pudding (85 บาท) เนื้อพุดดิ้งเนียนนุ่ม พร้อมรสมัทฉะเข้มข้น และ Matcha Banoffee (180 บาท) เมนูขายดีที่ต้องสั่งจองเอาไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเมนูมัทฉะลาเต้ซิกเนเจอร์ของร้าน เช่น Haku (150 บาท) หอมกลิ่นคั่ว โน้ตโทนถั่ว และ Kiki (150 บาท) รสเข้มแต่สัมผัสนุ่ม รสชาติคล้ายโกโก้และเนย

 

Matcha & more 

  • เปิดทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น. อยู่ใน The EmQuartier ชั้น 4 โซน The Helix Building A เฉพาะสาขาบางมด (ปิดวันจันทร์) เวลา 12.30-20.30 น.

 

ภาพ: Matcha & more

 

18. Time’s House Tea Room

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘ไทม์ เฮ้าส์ ที รูม’ โรงน้ำชาขนาดใหญ่โซนพระราม 9 มาพร้อมสไตล์การตกแต่งแบบญี่ปุ่น เพียงแค่ก้าวเข้าไปก็จะพบกับโต๊ะบาร์ขนาดยาว พร้อมเบาะที่นั่งวิวสวนหย่อมเซน เสาโทริอิ (Torii) อันโดดเด่น และสะพานแดงชินเคียว (Shinkyo) ทางเดินเข้าร้าน ตลอดจนการตกแต่งภายในร้านก็ยังมีสไตล์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละโซนที่นั่ง โดยสามารถเลือกดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ถูกใจได้แบบตามใจชอบ

 

จุดเด่นของ Time’s House Tea Room คือเมนูโฮมเมดเบเกอรีที่เสิร์ฟคู่มากับเมนูชาแบบพรีเมียม ดังคอนเซปต์ของร้านที่ว่า ‘Tea room where great pastries meet great teas’ โดยมีเมนูที่ชวนให้ไปลองอย่าง Mochi (เริ่มต้น 50 บาท) โมจิสไตล์ญี่ปุ่นที่ถูกทวิสต์มาให้มีทั้งไส้คาว-หวานรวมกว่า 9 รสชาติ Gokou Wazuka Latte (280 บาท) เซ็ตเมนูมัทฉะลาเต้ที่จะมาสร้างประสบการณ์การชงชาสักแก้วด้วยตัวเอง หรือจะให้ร้านชงให้ก็ได้นะ และอีกหนึ่งเบเกอรีที่เป็นดั่งความภาคภูมิใจของร้าน หรือเมนู The Emerald Swiss Roll (240 บาท) ก็ห้ามพลาด

 

Time’s House Thailand

  • เปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. อยู่ในซอยพระราม 9 ซอย 41 แยก 14

 

ภาพ: Time’s House Tea Room

 

19. Homematcha

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘โฮมมัทฉะ’ บ้านชาหลังเล็กๆ ย่านพระราม 9 ที่เปรียบเสมือนสถานที่ฟื้นฟูใจของทั้งสายมัทฉะและสายเบเกอรี อีกหนึ่งคาเฟ่สเปเชียลตี้ผู้ซึ่งมาก่อนเทรนด์มัทฉะ

 

ด้วยคอนเซปต์ของร้านอย่าง ‘Let matcha make you feel like home’ ความหลากหลายของเมนูขนมหวานโฮมเมด และเมนูเครื่องดื่มมัทฉะที่มีมายาวนาน จึงทำให้ Homematcha เป็นคาเฟ่สเปเชียลตี้ที่มีรสชาติดั่งเซฟโซนของใครหลายๆ คนไปแล้ว 

ทั้งเมนูซิกเนเจอร์ Matcha Banoffee (240 บาท) ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ยังคงขายดีเสมอ Matcha Brownie (150 บาท) ชิ้นหนาๆ เนื้อหนึบหนับ ได้รสชาเข้มข้น และเมนูขนมหวานที่จัดเต็มๆ ในทุกองค์ประกอบอย่าง KOI Matcha x Kumamoto Cheesecake Lava (255 บาท) เมนูชีสเค้กไส้ลาวาโคอิฉะ รองด้วยฐานโอริโอกรุบกรอบ หรือจะสั่งเมนูมัทฉะลาเต้โฟลตอย่าง KOI Matcha Ice Cream (215 บาท) ก็อิ่มท้องเหมือนกันนะ

 

Homematcha

  • เปิดวันศุกร์ถึงวันจันทร์ เวลา 10.00-17.00 น. อยู่ในซอยพระราม 9 ซอย 21

 

ภาพ: Homematcha

 

20. Hidden leaf matcha

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘ฮิดเด้น ลีฟ มัทฉะ’ บ้านชามัทฉะบรรยากาศสุดน่ารักย่านคันนายาว มาพร้อมที่นั่งเสื่อทาทามิแบบอินดอร์ และที่นั่งเอาต์ดอร์วิวสวนหย่อมสไตล์ญี่ปุ่นไซส์กะทัดรัด ชวนให้ไปสัมผัสประสบการณ์การดื่มชาญี่ปุ่นที่สมจริงขึ้นไปอีกระดับ


สำหรับ Hidden leaf matcha คาเฟ่ที่ตั้งห่างออกมาจากตัวเมืองกรุงเทพฯ ด้วยตัวชาที่มีความสเปเชียลตี้ รวมไปถึงเมนูขนมโฮมเมดที่พร้อมเสิร์ฟแบบหลากหลาย ก็ยิ่งจะทำให้บรรยากาศภายในร้านนั้นมีความเงียบสงบ เหมาะสำหรับสายชาที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายเล็กๆ ในตัวเมือง มานั่งฮีลใจ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์กันบ้างสักวัน อีกทั้งยังเจาะกลุ่มคนรักมัทฉะในย่านนี้ ด้วยราคาเมนูเครื่องดื่มและขนมหวานที่ย่อมเยาอีกด้วย

 

เมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ต้องสั่งคือ Yoruichi (135 บาท) เมนูมัทฉะลาเต้สไตล์ดื่มง่าย แต่ยังคงรสสัมผัสที่เข้มข้น ให้โน้ตโทนช็อกโกแลต หรือจะเป็นมัทฉะลาเต้อีกหนึ่งตัว อย่าง Matsu (135 บาท) โดดเด่นด้วยกลิ่นชาที่หอมฟุ้ง และให้โน้ตโทนถั่วคั่ว แล้วอย่าลืมสั่งเมนูขนมหวานมาลองกินกัน จะเป็นเมนู Japanese Rare Cheesecake (90 บาท) ชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่นเนื้อนุ่มๆ ก็ดี หรือจะเป็น Kinako Dango (75 บาท) ดังโงะเด้งๆ เสิร์ฟคู่มากับผงถั่วคินาโกะ และซอสคุโรมิตสึก็ได้นะ

 

Hidden leaf matcha

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 08.00-17.00 น. 

 

21. Samatea Cafe

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘สมาธิคาเฟ่’ คาเฟ่มัทฉะบรรยากาศสุดอบอุ่นในย่านพระราม 2 ที่ให้ฟีลคล้ายกับการมานั่งจิบชาในบ้านเพื่อน ด้วยโลเคชันอย่าง ‘บ้าน’ ที่ถูกนำมารีโนเวตให้กลายมาเป็นคาเฟ่สไตล์โฮมมี่ พร้อมเปิดต้อนรับคนรักมัทฉะทุกๆ คนให้ได้มาลิ้มลองทุกๆ เมนูเครื่องดื่ม และขนมหวานสุดพิเศษของทางร้านนั่นเอง

 

สำหรับ Samatea Cafe แล้ว เมนูขนมหวานนั้นก็เปรียบเสมือนตัวชูโรงของร้านที่ใครๆ ก็ติดใจจนต้องกลับมาซ้ำกันอยู่บ่อยๆ เช่น Matcha Cheesecake (155 บาท) ชีสเค้กรสมัทฉะตกแต่งด้วยครีม และคุกกี้ดอกไม้ที่ร้านทำเอง หรือจะเป็นเมนูเครื่องดื่มแนะนำ Okumidori Cold Whisk Latte (180 บาท) มัทฉะลาเต้บอดี้หอมมัน และให้โน้ตโทนถั่ว ในเดือนมีนาคมนี้จะมีเมนูขนมหวานสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง Mt.Fuji (205 บาท) มูสเค้กมัทฉะที่ผสานหลากหลายเลเยอร์เข้าด้วยกัน ให้ได้คอยติดตามอีกด้วย

 

Samatea Cafe

  • เปิดทุกวัน เวลา 10.00-17.00 น. เฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดเวลา 08.00-17.00 น. ตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 ในซอย 37

 

ภาพ: Samatea Cafe しゅうちゅう สมาธิคาเฟ่

 

22. PRESENT Tea Specialty

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘เพรซเซ่นท์ ที สเปเชียลตี้’ คาเฟ่มัทฉะร้านเล็กๆ ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในย่านทองหล่อ มาพร้อมกับชื่อสุดเก๋อย่าง ‘PRESENT’ ที่สามารถอ่านและแปลความหมายได้ทั้งคำว่าปัจจุบันและของขวัญ


โดยเอกลักษณ์ของ PRESENT Tea Specialty คือเมนูเครื่องดื่มมัทฉะแบบฟิวชันสุดครีเอทีฟในแบบฉบับที่เราจะไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย จนกว่าจะได้ลองดื่มด้วยตัวเอง ทั้งเมนู Matcha Shiraz (175 บาท) มัทฉะกับน้ำองุ่นชีราสที่ให้ความหอมหวานอมเปรี้ยวกำลังดี Limitless (195 บาท) เมนูมัทฉะสไปซี หลากหลายมิติในแก้วเดียว มาพร้อมกับความเผ็ดในลำคอเล็กๆ หรือจะเป็นสองเมนูซิกเนเจอร์ที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่เปิดร้านอย่าง Believe (180 บาท) มัทฉะลาเต้นมถั่วเหลืองน้ำผึ้ง ดื่มง่าย สบายท้อง และมัทฉะโซดาอย่าง Good Vibes (145 บาท) เมนูสุดคลาสสิกของใครหลายๆ คน

 

นอกจากเมนูเครื่องดื่มแล้ว ทางร้านก็ยังมีเบเกอรี ไอศกรีม และอาหารเล็กๆ น้อยๆ เช่น ทาร์ตเลมอนน้ำผึ้ง ขนมปังซาวโดวจ์แบบโฮมเมด และตอร์ติญา เมนูของคาวก็มีด้วยนะ 

 

PRESENT Tea Specialty

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00-17.00 น. อยู่ในซอยแสงเงิน ทองหล่อ 25

 

ภาพ: Present BKK

 

23. YUME Matcha ゆめ

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘ยูเมะ มัทฉะ’ คาเฟ่มัทฉะน้องใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ในโซนแบริ่ง มาพร้อมบรรยากาศภายนอกร้านที่ตกแต่งคล้ายกับเมืองจำลองญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นทั้งเสาแดงโทริอิ (Torii) ทางม้าลาย หรือโต๊ะที่นั่งภายนอกร้านที่ให้ความรู้สึกคล้ายร้านอาหารญี่ปุ่นแบบสตรีทฟู้ดอย่างเด่นชัด แต่การตกแต่งภายในร้านกลับเรียบง่าย และรายล้อมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีโทนสีน้ำตาลและเซ็ตโต๊ะกลม ม้านั่งยาว รวมไปถึงเคาน์เตอร์บาร์ ให้บรรยากาศที่เป็นกันเอง

 

ด้วยไซส์ร้านที่มีขนาดเล็กๆ น่ารัก และความเป็นสโลว์บาร์ ทำให้เราได้มีโอกาสพูดคุย นั่งชมขั้นตอนการเตรียมเครื่องดื่ม รวมถึงขนมในทุกๆ เมนูของร้าน เช่น Warabi Mochi (95 บาท) ที่ร้านกวนแป้งให้ดูกันสดๆ หรือจะเป็นเมนู Matcha Banoffee (150 บาท) เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ พร้อมเสิร์ฟเลยก็ได้ 

 

สำหรับเมนูเครื่องดื่มมัทฉะนั้น เราขอแนะนำเป็นมัทฉะลาเต้ Kumami (180 บาท)  ให้โน้ตโทนช็อกโกแลต ติดขมนิดๆ และความอูมามิที่ค่อยๆ โผล่มาในท้ายจิบ และ Matcha Yuzu (140 บาท) ช่วยเติมความเปรี้ยวสดชื่นระหว่างวัน และปิดท้ายเมนูอื่นๆ ได้ดี 

 

YUME Matcha 

  • เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 10.00-20.00 น. ตั้งอยู่ปากซอยแบริ่ง 29 ติดกับร้านสุโก้ยยซูชิ (ใกล้โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา)

 

24. Koto Tea Space – 琴

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘โคตะทีสเปซ’ ทีสเปซในย่านเจริญกรุง หรือพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับเหล่าคนรักชา ที่สามารถแวะเวียนกันเข้ามานั่งจิบชาชิลๆ ด้วยเหล่าเมนูเพื่อคนวอล์กอิน อย่างเซ็ต Hot Houjicha x Warabi Mochi (350 บาท) โฮจิฉะร้อนๆ เสิร์ฟคู่กับวาราบิโมจิเนื้อนุ่มๆ ละลายในปากที่ทำสดใหม่ หรือจะเป็นเซ็ตเมนูมัทฉะใส กินคู่กับขนมหวานญี่ปุ่นอย่างโยกังในเมนู Matcha on the Rock x Yokan (450 บาท) ก่อนจะไปให้สุดกับเซ็ต Gyokuro 3 Courses (650 บาท) ราชาแห่งชาเขียวญี่ปุ่น

 

หากใครที่ไม่ใช่สายวอล์กอิน ก็สามารถเลือกจองคอร์สแพริ่งชา-อาหารโฮมเมดเพื่อสุขภาพในสไตล์ญี่ปุ่นแบบฟิวชัน (Tea Experience) ที่ร้านหยิบเอาวัตถุดิบประจำฤดูกาลนั้นๆ ของญี่ปุ่นมารังสรรค์ให้เป็นเมนูใหม่ๆ กว่า 5 คอร์สในแต่ละธีมได้


โดยนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ทาง Koto Tea Space กำลังจะเริ่มคอร์ส Tea Experience ของฤดูใบไม้ผลิภายใต้ธีมที่มีชื่อว่า ‘Hana 春’ (1,390 บาท)

 

นอกจากคอร์สดื่มชาแบบปกติแล้ว ในบางครั้งสถานที่แห่งนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ใช้สำหรับการจัดงานเลี้ยงน้ำชาฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น (Chakai) พื้นที่จัดงานศิลปะ และพื้นที่ขายสินค้าต่างๆ อย่างมัทฉะ ใบชาญี่ปุ่น ตลอดจนอุปกรณ์​ชงชาแบบครบจบในที่เดียวด้วย

 

Koto Tea Space 

  • เปิดวันศุกร์-วันอาทิตย์ เวลา 12.00-17.00 น. และเปิดตามคอร์สหรือเวิร์กช็อปที่กำหนด อยู่ในซอยเจริญกรุง 49 ฝั่งตรงข้ามกับตึก Lebua at State Tower

 

ภาพ: Koto Tea Space – 琴

 

25. Chomcha Tea Studio

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘ชมชา ทีสตูอิโอ’ คอร์สโอมากาเสะชาจีน-ญี่ปุ่น ที่เสิร์ฟคู่มากับอาหารสไตล์โฮมเมดถึง 5 คอร์ส 10 เมนู พร้อมบอกเล่าการเดินทาง และการคิดค้นเมนูแพริ่งอันน่าค้นหาให้ได้ฟังกัน

 

ด้วยบรรยากาศและสถานที่ที่เป็นกันเอง Chomcha Tea Studio จึงเปรียบเสมือนการแวะมานั่งดื่มชาทั้งในรูปแบบม็อกเทลดริงก์ กับค็อกเทลดริงก์ที่ผสมแอลกอฮอล์แบบเล็กๆ น้อยๆ และการกินข้าวบนเคาน์เตอร์บาร์ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่บ้านเพื่อนย่านกัลปพฤกษ์เสียมากกว่า 

 

โดยตัวคอร์สทีโอมากาเสะนี้ ก็จะถูกเปลี่ยนซีซันไปเรื่อยๆ ในทุกๆ 3-5 เดือน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบไทยที่สามารถนำมารังสรรค์เป็นเมนูได้ในฤดูกาลนั้นๆ รวมไปถึงเรื่องราวการเดินทางในช่วงช่วงหนึ่งของเจ้าของคอร์สอีกด้วย 

 

สำหรับตอนนี้ คอร์สทีโอมากาเสะของ Chomcha Tea Studio ก็ได้เดินทางมาถึงซีซันที่ 5 หรือ ‘Simply Happiness’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากใครสนใจสามารถหาวันว่างๆ แล้วจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าได้ยาวๆ ถึงเดือนเมษายน 2023 เลย

 

Chomcha Tea Studio 

  • เปิดทุกวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (เวลาตามตารางคอร์สที่กำหนด) อยู่ในหมู่บ้าน Sixnature ถนนกัลปพฤกษ์

 

26. minimalmeal

 

คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

‘มินิมอลมีล’ คอร์สทีเทเบิลแบบไพรเวตจำนวนไม่เกิน 4 ที่นั่งของเชฟพีท-พีท วรศานต์ ที่เสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มชา และขนมหวานจำนวนกว่า 8 คอร์ส (เครื่องดื่ม 5 คอร์ส และของหวาน 3 คอร์ส) พร้อมมอบองค์ความรู้เกี่ยวกับการรังสรรค์ และทวิสต์เครื่องดื่มในรูปแบบดั้งเดิมให้มีความทันสมัยและไม่จำเจ

 

เพื่อการดื่มชาให้สนุก อร่อย และดึงเสน่ห์ของชาออกมาให้มากที่สุด คำว่า ‘minimal’ จึงสามารถสื่อได้ถึงเครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ของเชฟที่คุมโทนด้วยสีดำสนิท ตลอดจนการเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มด้วยแก้วใสที่ต่างรูปทรงอีกด้วย

ในช่วงนี้คอร์สทีเทเบิลของ minimalmeal ได้ดำเนินเข้าสู่ซีซันที่ 3 อย่าง Spring Snow (2,500 บาท) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่สนใจสามารถจองที่นั่งล่วงหน้ากันได้ยาวๆ ก่อนเดือนกรกฎาคม 2023 หรือช่วงของการเปลี่ยนซีซันใหม่นั่นเอง

 

minimalmeal 

  • เปิดตามวันของคอร์สที่กำหนด เวลา 13.00-16.00 น. อยู่ในซอยสุขุมวิท 19 คอนโด Noble Recole

 

ภาพ: Courtesy of Cafes

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising