×

ก้าวไกลเสนอ 2 ญัตติด่วน เร่งสภาหาความจริงปมขบวนเสด็จ-ศึกษาผลกระทบใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินร้ายแรงของรัฐ

โดย THE STANDARD TEAM
27.10.2020
  • LOADING...
ก้าวไกลเสนอ 2 ญัตติด่วน เร่งสภาหาความจริงปมขบวนเสด็จ-ศึกษาผลกระทบใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินร้ายเเรง

วันนี้ (27 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ, สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา และ นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ เปิดเผยว่า เนื่องจากการประชุมวิสามัญของรัฐสภาครึ่งวันที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลเห็นว่ายังมีข้อมูลที่เกี่ยวกับการอภิปรายออกมาฝั่ง 2 ในที่ประชุมที่ไม่ตรงกัน และส่งผลต่อความเข้าใจและคลาดเคลื่อนต่อพี่น้องประชาชน และข้อมูลแบบนี้ไม่ส่งผลดีต่อประชาชน สิ่งที่จะนำมาสู่ทางออกของประเทศไทย คือการนำเอาข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดทุกกรณี ตลอดระยะเวลาความไม่สงบที่ผ่านมา มาพูดคุยกันเป็นข้อมูลดิบด้านเดียวกัน 

 

พรรคก้าวไกลมีมติเสนอญัตติด่วน 2 เรื่องคือ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงในข้อบกพร่องการกำหนดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน และการถวายความปลอดภัยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส. จังหวัดนครปฐม เขต 4 เป็นผู้เสนอ และขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบของการใช้พระราชกำหนดกรณีฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 15-22 ตุลาคม โดยมี นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส. เชียงราย เขต1 เป็นผู้เสนอ 

 

ด้านสุทธวรรณกล่าวว่า จากข้อมูลที่ตนอภิปรายในข้อผิดพลาดในการจัดขบวนเสด็จพระราชดำเนิน และการถวายความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ตนเห็นว่ายังมีรายละเอียดข้อมูลและข้อเท็จจริงอีกจำนวนมากที่ต้องมาคุยกัน โดยข้อมูลที่ตนได้มาเป็นข้อมูลที่ปรากฏตามหน้าสื่อทั่วไป และคลิปวิดีโอต่อสื่อมวลชนในวันที่เกิดเหตุ ซึ่งนั่นยังไม่ใช่ความจริงที่รอบด้าน โดยต้องตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกรวมถึงผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่ในการอารักขาต้องรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ด้าน พล.ต.ต. สุพิศาล กล่าวว่า ประเด็นสำคัญเราต้องหาเหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะเหตุใด เกิดขึ้นจากการสร้างสถานการณ์หรือไม่ ใครเป็นผู้ควบคุมมัน ซึ่งมันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน ซึ่งรัฐเองเป็นผู้ควบคุม และมีผู้จงใจให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นหรือเปล่า  นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องค้นหา เพราะความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับภารกิจนี้เป็นภารกิจสำคัญ คำแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ใน 12 หลัก หลักแรกที่สำคัญคือ หลักการปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชน และพันธกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการถวายความปลอดภัย และถวายการอารักขบวนเสด็จพระราชดำเนินต่างๆ ตลอดจนพันธกิจของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งจะต้องสอดรับต่อภารกิจนี้เป็นภารกิจหลักที่สำคัญ มิใช่ภารกิจปกติ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติ จึงเป็นสิ่งที่ต้องค้นหาความจริง ข้อเท็จจริงตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ เกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ซึ่งที่เราจักต้องค้นหาคือพยานเอกสาร พยานบุคคล และวัตถุพยาน หรือพยานทางนิติวิทยาศาตร์ เพื่อตรวจสอบให้เห็นว่าเป็นข้อบกพร่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร รวมไปถึงภารกิจที่สำคัญ Protocol หลักคือหมายกำหนดการที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ทั้งการนัดหมายและกำหนดแผนงาน 

 

พล.ต.ต. สุพิศาล กล่าวอีกว่า ตนเคยปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวในฐานะผู้กำกับนโยบายแผนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งตนจะนำความรู้ความสามารถและองคาพยพทั้งหมดของทีมงานพรรคก้าวไกลมาตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริงว่าผู้ใดจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งในเนื้อหาของการปฏิบัตินี้ ผู้ที่จะรับผิดชอบคือรัฐบาล การตั้งกรรมาธิการนี้สำคัญ คือจะต้องรวบรวมพยานทั้ง 4 อย่างที่เกี่ยวข้องและต้องแยกแยะระหว่างมิบังควรและการกระทำความผิดในคดีอาญาให้ชัดเจน มิฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลเองลงลึกไปถึงเหยื่อที่ถูกกระทำ จะอยู่บนพื้นฐานของความอยุติธรรมอย่างแท้จริง 

 

ขณะที่เอกภพ ในฐานะผู้เสนอญัติตั้งกรรมาธิการกล่าวว่า การใช้กำลังกับผู้ชุมนุม การใช้กำลังต่อสิทธิเสรีภาพต่อผู้ชุมนุมเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักสากล มีหลักฐานที่ตนหยิบยกมาชัดเจนว่าไม่ถูกต้องอย่างไร ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไร การใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ตรงนี้ต้องมีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการที่จะตั้งขึ้นมา นอกจากจะมีการตรวจสอบในเรื่องของการใช้กำลังแล้ว ยังต้องพูดถึงในเรื่องของต้นเหตุ เหตุผลและที่มาในการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การละเมิดสิทธิ การไล่จับกุมผู้เห็นต่างกับรัฐบาลเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ 

 

การใช้งบประมาณในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีที่มาอย่างไร ทั้งในเรื่องของเบี้ยเลี้ยง การขนส่งสาธารณะ นี่คือสิ่งที่กรรมาธิการต้องทำ และที่ผ่านมามีการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในประเทศไทยหลายครั้ง มีการใช้กำลังของภาครัฐต่อประชาชนหลายครั้ง แต่ที่ผ่านมาสภาไม่ได้มีโอกาสในการตรวจสอบการใช้กำลัง การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เลย นี่เป็นโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะยื่นญัติและเชิญชวน ส.ส. ทุกพรรคมาร่วมกันหาข้อเท็จจริง หาข้อมูล และป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอนาคต 

 

ทั้งนี้ณัฐชากล่าวว่า พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้ร่วมกันตามหาความจริง หากเรานำความจริงไว้บนโต๊ะ และเป็นข้อมูลที่หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานทุกฝ่ายยอมรับได้ ที่เหลือปัญหาต่างๆ จะลดลง เราจะนำความจริงทุกเรื่องเข้ามาเปิดเผยสู่สาธารณชน และทุกฝ่ายจะต้องกล่าวถึงข้อมูลเดียวกัน เราจะได้รับทราบข้อเท็จจริง และลดความขัดแย้งในสังคม ซึ่งจาก 2 กรณีข้างต้น ทุกคนพุ่งเป้าไปโจมตีประชาชนผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ แต่ไม่มีผู้แทนของประชาชนคนใดที่คิดจะตามหาความจริง เพื่อที่จะเปิดเผยสู่สาธารณะ ให้ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าต้นเห็นของปัญหาคือสิ่งใด 

 

“นี่สาเหตุที่พรรคก้าวไกลได้เสนอญัตติด่วน 2 เรื่องนี้ เพื่อเสนอต่อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม และขอเชิญชวนให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกพรรคร่วมกัน ผลักดันญัติดังกล่าวเข้าสู่รัฐสภา เพื่อตรวจสอบ และค้นหาความจริงร่วมกัน และลดปัญหาของประเทศ” ณัฐชา กล่าว

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X