1. บมจ.เชฎฐ์ เอเชีย ใช้ตัวย่อสำหรับซื้อขายหุ้นผ่านกระดานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า CHASE ทำธุรกิจหลักในด้านบริหารจัดการสินทรัพย์จากการรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ สัดส่วน 59.8% และธุรกิจติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน สัดส่วน 34.3% และธุรกิจอื่นๆ อีก 5.9%
2. หลายคนอาจจะคุ้นหูว่า CHASE เป็นหนึ่งในธุรกิจของ บมจ.อาร์เอส (RS) แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ CHASE คือกลุ่มครอบครัวชัยสุวรรณ ซึ่งจะถือหุ้นทั้งสิ้น 51.3% หลังการขายหุ้น IPO ขณะที่ RS จะถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในสัดส่วน 20.3% และที่เหลืออีก 28.3% จะเป็นกลุ่มนักลงทุนทั่วไป สถาบัน ผู้มีอุปการคุณ และพนักงานของบริษัท
3. หุ้น IPO ของ CHASE ในครั้งนี้ กำหนดราคาขายที่ 2.90 บาท คิดเป็นเงินระดมทุนทั้งหมด 1,629.8 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้ส่วนใหญ่ประมาณ 1,000-1,120 ล้านบาท จะนำไปซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มเติมในอนาคต
4. ราคา IPO ที่ 2.90 บาท กำหนดจากการสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) ของนักลงทุนสถาบันและนิติบุคคล โดยราคาที่ 2.90 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ที่ 2.82 เท่า โดยมี บล.กสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ร่วมกับผู้จัดจำหน่ายอีก 3 แห่ง คือ บล.เอเซีย พลัส, บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) และ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)
5. หากเทียบกับหุ้นที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันในตลาด ได้แก่ BAM, JMT, CHAYO และ KCC ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา BAM มีอัตราส่วน P/BV 1.17 เท่า, JMT อยู่ที่ 2.9 เท่า, CHAYO อยู่ที่ 3.46 เท่า และ KCC อยู่ที่ 3.88 เท่า
6. รายได้จากการดำเนินธุรกิจหลักของ CHASE ช่วงปี 2562-2564 ขยับขึ้นจาก 635.7 ล้านบาท มาเป็น 730.2 ล้านบาท และ 781.1 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนแรกของปี 2565 รายได้ในส่วนนี้ลดลงเล็กน้อยจาก 518.7 ล้านบาท มาเป็น 516.1 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 35% มาเป็น 332.3 ล้านบาท แต่รายได้ค่าบริการและค่าวิชาชีพ รวมทั้งกำไรจากการตัดรายการเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพลดลง 17.3% และ 88.2% มาเหลือ 177 ล้านบาท และ 6.9 ล้านบาท ตามลำดับ
7. แม้รายได้จะยังทรงตัวอยู่ได้สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2565 แต่กำไรสุทธิกลับลดลง 33.5% จาก 183.2 ล้านบาท มาเหลือ 121.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพราะ ‘ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น’ เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัว จาก 30 ล้านบาท มาเป็น 112.5 ล้านบาท รวมทั้งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 45% มาเป็น 11.1 ล้านบาท ส่วนทั้งปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 270.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ทำได้ 171.4 ล้านบาท
8. ความสามารถในการทำกำไรของ CHASE ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในช่วง 65-70% ขณะที่กำไรสุทธิส่วนมากจะอยู่ประมาณ 23-26% ยกเว้นปี 2564 ที่กำไรสุทธิพุ่งขึ้นไปถึง 34.5% ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือตัวเลข ‘ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น’ ที่ลดลงอย่างมากจากปีก่อนหน้า
9. อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ในปี 2565 ลดลงอย่างมากจากระดับ 19-21% มาอยู่ที่ 8.2% เป็นผลจากฐานทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขายหุ้น IPO ในขณะที่เงินลงทุนที่ได้มานี้ยังไม่ได้ถูกนำไปสร้างกำไรเพิ่มเติม
10. CHASE จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566
หลังจากนี้จึงต้องติดตามดูว่าเงินระดมทุนจำนวน 1,629.8 ล้านบาท จะช่วยให้บริษัทขยายธุรกิจและสร้างกำไรส่วนเพิ่มได้มากน้อยแค่ไหน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไขข้อข้องใจ ทำไม หุ้น MASTER ถึงกล้าเคาะราคา IPO ต่อหน่วยสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- หุ้นสตาร์มันนี่ เข้าเทรดใน SET วันแรก ‘บวกแรง’ เปิดตลาดวิ่ง 16.65% จากราคา IPO
- หุ้น MOSHI พุ่งแรง! เข้าเทรดใน SET วันแรกด้วยราคาเปิดที่ 35 บาท เพิ่มขึ้น 67% จากราคา IPO