“สิ่งที่เราเรียนรู้จากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา คือเทรนด์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป แต่ก่อนเราเห็นคนทำงานฟรีแลนซ์หรือสตาร์ทอัพชอบทำงานในคาเฟ่ แต่ตอนนี้มีบริษัทหลายแห่งที่ปรับนโยบายเรื่องการ Work from Home ทำให้คนมีความต้องการหาที่นั่งทำงานข้างนอกมากขึ้น เราเองเป็นคนทำบาร์ บาร์เองก็เปิดกลางวันได้ เราอยากให้คนมาใช้ชีวิตในบาร์ตอนกลางวันได้ ถ้ารู้สึกว่านั่งคาเฟ่มันไม่ใช่ ทำไมไม่มาลองนั่งทำงานในบาร์ดูล่ะ” มิ้ลค์-ไพลิน สัจจานิตย์ Bar Manager ของ 008 เล่าให้เราฟังถึงคอนเซปต์ใหม่ล่าสุดที่เธอและทีมงานได้สร้างมันขึ้นมาจากสิ่งที่ได้เรียนรู้และปรับตัวจากช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา
เรามักจะพูดเสมอว่าหากมองในมุมผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่ม บาร์คือหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถปรับตัวมาจัดส่งแบบเดลิเวอรีได้เหมือนร้านอาหาร เพราะมีกฎหมายห้ามอยู่ ทำให้บาร์หลายๆ แห่งอาจจะต้องเปลี่ยนกิจกรรมไปทำอย่างอื่นเพื่อเอาตัวรอดจากพิษเศรษฐกิจ การเปิดขายในช่วงกลางวันในรูปแบบร้านกาแฟก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่หลายๆ ที่เลือกทำ
แต่จากจุดเริ่มต้นตรงนั้น จริงอย่างที่บาร์เทนเดอร์ของเราเกริ่นไปข้างต้น ทุกวันนี้บริษัทหลายๆ แห่งเปลี่ยนนโยบายเรื่องของการทำงาน เพิ่มสัดส่วนการ Work from Home มากขึ้น หรือกระทั่งลดความเข้มงวดของการ ‘ทำงานในออฟฟิศลง’ ตรงนั้นคือการเพิ่มดีมานด์ให้กับสเปซข้างนอกที่เราสามารถใช้เวลาเปิดคอมนั่งทำงานหลายๆ ชั่วโมงได้ และนั่นคือที่มาของคอนเซปต์ Work From Bar จากทีมงาน 008 นั่นเอง
008 คือค็อกเทลบาร์ที่ตกแต่งในมู้ดแอนด์โทนที่เคร่งขรึม ให้ความรู้สึกแบบ Gentlemen’s Club จากโซฟาหนังสีคาราเมลตัวใหญ่วางเรียงรายล้อมบาร์ไม้ขนาดยาว ตกแต่งด้วยของสะสมที่มีเรื่องราวเกี่ยวพันกับยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเหล่านั้นคือคอนเซปต์ที่เกี่ยวพันเรื่อยลงมาถึงสไตล์ของค็อกเทลที่เสิร์ฟในเวลากลางคืนที่ร้านเปิดปกติ
ทีนี้ลองนึกภาพการตกแต่งบาร์นั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ปรับอารมณ์ด้วยแสงสว่างของพระอาทิตย์ในเวลากลางวัน คุณก็จะได้สถานที่ทำงานแห่งใหม่ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมเครื่องดื่มในมือที่เปลี่ยนจากค็อกเทลมาเป็นกาแฟ ที่มีให้เลือกทั้งแบบมาตรฐาน Americano (ราคา 75 บาทสำหรับร้อน และ 85 บาทสำหรับเย็น) หรือ Latte (ราคา 85 บาทสำหรับร้อน และ 95 บาทสำหรับเย็น) และไหนๆ ก็เป็นบาร์ค็อกเทลมาก่อน เมนูอื่นๆ ของที่นี่จึงถูกปรุงผสมผสานเหมือนกับหลักการของค็อกเทล แต่ไร้แอลกอฮอล์ อย่าง 008 Coffee (120 บาทสำหรับร้อน และ 140 บาทสำหรับเย็น) ที่มีส่วนผสมของช็อตกาแฟ น้ำสับปะรด และชาเอิร์ลเกรย์ หรือจะสั่ง Healthy Juice ของทางร้านอย่าง Red Energy (120 บาท) ที่มีส่วนผสมของน้ำมะเขือเทศสด น้ำจากแตงกวาดอง และมะนาว ก็ดูเฮลตี้ดีไปอีกแบบ
ด้วยความที่มีครัวจากทางโรงแรมอยู่แล้ว เพื่อให้ตอบโจทย์การเปิดกลางวัน ที่นี่จึงเพิ่มเมนูจานหลักเป็นทางเลือกสำหรับมื้อเที่ยง ทั้งพาสต้า เบอร์เกอร์ หรือไหนๆ ก็สั่งเครื่องดื่มเฮลตี้แล้ว จะเลือกจาก Salmon Poke Bowl ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี
ทางด้านของทานเล่นก็จริงจังไม่เบา เราสั่งมะกอกทอด ดิปกับซอส Thousand Island ผสมพริกปาปริก้าและแตงกวาดอง ทานกับ Parmesan Roasted Carrot ดิปกับซอสปาปริก้ามาโย แกล้มๆ กับ Mini Coldcut ที่ย่อส่วนโคลด์คัตจานโตมาให้หยิบทานง่ายๆ สำหรับ 1 คน
Juliet แพริ่งกับสโมกแซลมอน
ช่วงเวลา Work From Bar นั้น เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00-17.00 น. ซึ่งไหนๆ ก็ออกคอนเซปต์ใหม่แล้ว ช่วงเวลาสองชั่วโมงที่เหลือก่อนเปิดบาร์ ทางร้านเลยจัดเป็น Aperitif Hours เครื่องดื่มในราคาพิเศษเสิร์ฟมาแบบแพริ่งกับของว่าง เน้นอารมณ์เรียกน้ำย่อยตามสไตล์แอพเพอริทิฟ เราเลือกแก้วสวยที่มีชื่อว่า Juliet แก้วนี้มีส่วนผสมของลิเคอร์เอลเดอร์ฟลาวเวอร์ เวอร์มุท และโปรเซกโก เสิร์ฟมากับสโมกแซลมอน เรียกน้ำย่อยก่อนจะไปกินมื้อเย็นแล้วกลับมาดื่มต่อบาร์ก็พร้อมเปิดพอดี
Parmingia Martini
และนั่นก็ยังไม่หมด มิ้ลค์เล่าให้เราฟังว่าการเสิร์ฟมาร์ตินีในอุณหภูมิติดลบ 20 องศา เป็นเครื่องดื่มที่ฮิตมากในบาร์ที่อังกฤษ เธอจึงอยากเอาสไตล์การเสิร์ฟแบบนี้มาทำให้คนไทยได้ลองบ้างใน 008 Signature Martinis ตอนนี้เรื่องของมาร์ตินีไม่ใช่แค่ Shaken หรือ Stir แล้ว เพราะเสิร์ฟตรงจากขวดเย็นเฉียบก็ได้เช่นกัน
บรรยากาศร้าน
บรรยากาศร้าน
008
Open: 008 Work From Bar เปิดให้บริการทุกวัน 11.00-17.00 น. และ Aperitif Hours 17.00-19.00 น. ก่อนเปิดเวลาปกติในเวลา 19.00-01.00 น.
Address: ชั้น 11 โรงแรม Akyra Thonglor สุขุมวิท 55 กรุงเทพฯ
Budget: 300 บาทขึ้นไป
Page: www.facebook.com/008Bar
Map:
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
