×

‘หยวนต้า’ ห่วงแรงกดดันการเมืองปกคลุมตลาดหุ้น มองกรณี ‘รุนแรง’ ดัชนีส่อรูดแตะ 1,425-1,435 จุด แนะเลี่ยงหุ้นเล็ก โยกเข้ากลุ่มปลอดภัย-ปันผลสูง

16.08.2021
  • LOADING...
หยวนต้า

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า ประเมินว่า การชุมนุมทางการเมืองเริ่มมีน้ำหนักกดดันหุ้นไทย (SET Index) มากขึ้นจาก

 

  1. จำนวนกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวมีความหลากหลายมากขึ้น
  2. การชุมนุมเริ่มจัดบ่อยครั้งขึ้น แม้จะเป็นช่วงที่โควิดกำลังระบาด
  3. เริ่มมีการตอบโต้กันไปมาด้วยอุปกรณ์ที่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
  4. ในเชิงปัจจัยมหภาค เริ่มมีความเบ้ออกจากกันระหว่างกลไกด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ โดยมีสถานการณ์โควิดเป็นตัวเร่ง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่มีความอ่อนไหวต่อเสถียรภาพของรัฐบาล  

 

ขณะที่การเมืองในสภาจะมีความเข้มข้นมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2564 จากการลงมติงบประมาณปี 2565 วาระ 2-3 และการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ของฝ่ายค้าน ดังนั้นหุ้น Domestic Play ที่เชื่อมโยงการเมืองและงบประมาณรัฐ เช่น รับเหมาก่อสร้าง ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและผู้วางระบบ หรือผู้ที่พึ่งพารายได้จากการประมูลงานภาครัฐ รวมไปถึงกลุ่มค้าปลีก สินค้าเกษตร ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ฯลฯ​ ที่ถูกกดดันจากสถานการณ์โควิดอยู่แล้ว อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานขึ้น 

 

บล.หยวนต้า ได้แนะนำหลบภัยในหุ้น Defensive ที่มีปันผลสูง หรือ Global Play ที่ได้ผลดีจากเงินบาทอ่อนค่า เช่น ADVANC, DTAC, PTT, BCPG, BPP, BGRIM, STA, KKP เป็นต้น   

 

ส่วนประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ที่หลายสำนักวิจัยทยอยปรับลดลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เช่น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และ ม.หอการค้าไทย ให้กรอบล่างไว้ที่ -1.5% และ -2% ตามลำดับ 

 

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินไว้ที่ +7% และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินไว้ที่ +1.3% ซึ่งทั้งหมดยังไม่รวมผลกระทบจากแรงกดดันทางการเมืองที่มักมีผลทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจล่าช้ากว่าภูมิภาค จึงถือเป็นเงื่อนไขใหม่ที่เปิด Downside Risk ให้กับคาดการณ์ GDP เพิ่มเติมจากแรงกดดันของสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ถูกกระทบจากมาตรการคุมเข้มเต็มไตรมาส หากรัฐบาลไม่สามารถเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ถือเป็น High Season ตามปัจจัยฤดูกาลได้แล้ว ผนวกกับการพึ่งพาภาคส่งออกจะคาดหวังได้น้อยลง เพราะฐานปีก่อนเริ่มสูงตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ GDP ปีนี้ติดลบง่ายขึ้น ซึ่งจะถือเป็นไม่กี่ประเทศที่ GDP ชะลอตัวลง 2 ปีติดต่อกัน

 

บล.หยวนต้า ระบุด้วยว่า ถ้าเชื่อมโยงมายังตลาดหุ้นไทย ความอ่อนแอของ GDP ย่อมเปิด Downside ให้กับคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนด้วยเช่นกัน ในอดีตที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า SET Index จะ Underperform ภูมิภาคในช่วงที่มีการชุมนุมราว 5-8% แต่ปัจจัยเมืองจะกดดัน SET Index เพียงระยะสั้น และคลายตัวเร็วเมื่อมีความชัดเจนหรือเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ดังนั้นจุดเปลี่ยนสำคัญจึงอยู่ที่พัฒนาการทางการเมืองในช่วง 2 เดือนหลังจากนี้ ซึ่งเรามองไว้ 3 กรณี 

 

  1. ยืดเยื้อ

กรณีนี้จะคล้ายกับช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2563 มีโอกาสกดดัน SET Index ลงในกรอบ 1,450-1,480 จุด หรือมี Discount จากปัจจุบัน 5% คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (PER) ณ สิ้นปี 2564 ราว 17.20-17.60 เท่า และมีส่วนต่างอัตราผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร (Earning Yield Gap) ที่ระดับ 4.1-4.2% 

 

  1. รุนแรง 

โดยอิงกับเหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคม 2553 ที่ SET Index ทรุดตัวลงเร็ว -6.7% ในช่วง 2 สัปดาห์ เทียบเท่าระดับปัจจุบันที่ 1,425-1,435 จุด คิดเป็น PER ณ สิ้นปี 2564 ราว 16.90-17.10 เท่า และ Earning Yield Gap ที่ระดับ 4.3-4.4% 

 

  1. ยุบสภา 

อิงกับเหตุการณ์ 2 ครั้งล่าสุด คือ ปี 2554 และ 2556 พบว่า SET Index แกว่งออกด้านข้างเพื่อรอความชัดเจนในการเลือกตั้ง ถ้าอิงกรอบ Sideway รอบนี้ คาดว่า SET Index จะประคองตัวไม่หลุดแนวรับสำคัญที่กรอบ 1,480-1,500 จุด 

 

ส่วนเรื่องสภาพคล่องมีโอกาสลดลงชั่วคราว ซึ่ง บล.หยวนต้า ได้แนะนำให้ระมัดระวังหุ้นเล็ก เน้น Defensive และ Dividend  เนื่องจากความเสี่ยงทางการเมืองเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งทุกครั้งจะส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดทุนลดลงไปด้วย โดยกลุ่มหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อสภาพคล่องและแรงกดดันในประเทศมากที่สุดคือ หุ้นขนาดกลาง-เล็ก 

 

“เราจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงควบคู่ไปกับกลุ่ม Domestic Play ที่เชื่อมโยงการเมืองและงบประมาณ เช่น รับเหมาก่อสร้างทั้งโครงสร้างพื้นฐานและผู้วางระบบ หรือผู้ที่พึ่งพารายได้จากการประมูลงานภาครัฐ รวมไปถึงกลุ่มค้าปลีก สินค้าเกษตร ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ฯลฯ ที่ถูกกดดันจากสถานการณ์โควิดอยู่แล้ว เว้นแต่ว่ามีความแข็งแกร่งในเชิงปัจจัยพื้นฐานจริงๆ เช่น IMH, III, ORI นอกนั้นเราแนะนำให้หลบภัยในขนาดใหญ่ที่มีความ Defensive และมีปันผลสูง หรือ Global Play ที่ได้ผลดีจากเงินบาทอ่อนค่า เช่น ADVANC, DTAC, PTT, BCPG, BPP, BGRIM, STA, KKP เป็นต้น” บล.หยวนต้า ระบุ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising