ระหว่างการเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BIMSTEC เป็นโอกาสที่ดีอย่างมากที่ THE STANDARD ได้สัมภาษณ์พิเศษ ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนุส ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ท่านเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในฐานะ ‘นายธนาคารเพื่อคนจน’ ท่านไม่เพียงเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน ซึ่งมีโมเดลสินเชื่อรายย่อยที่ช่วยยกระดับคนนับล้านให้พ้นจากความยากจน แต่ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของรัฐบาลรักษาการของบังกลาเทศหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่
การสนทนาเกิดขึ้นในขณะที่ภูมิภาคกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ การเมือง และสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น ศาสตราจารย์ยูนุสพูดด้วยความชัดเจนและเร่งด่วนเกี่ยวกับความจำเป็นในการมีกรอบความคิดใหม่ของโลก ซึ่งมีรากฐานอยู่บนความเป็นธรรม ความร่วมมือ และความคิดสร้างสรรค์
ศาสตราจารย์ยูนุสเกิดในปี 1940 ที่จิตตะกอง อีสต์เบงกอล (ปัจจุบันคือบังกลาเทศ) ยูนุสท้าทายการเงินแบบดั้งเดิมครั้งแรกด้วยการให้เงินกู้รายย่อยโดยไม่ต้องมีหลักประกันแก่ผู้สานตะกร้าในช่วงทศวรรษ 1970 แนวคิดนั้นต่อมาพัฒนาเป็นธนาคารกรามีน ซึ่งก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี 1983 และภารกิจของเขา—การมองว่าสินเชื่อเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน—ได้จุดประกายขบวนการสินเชื่อรายย่อยระดับโลก ในปี 2006 ยูนุสและธนาคารกรามีนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกัน เกือบสองทศวรรษต่อมา เขายังคงเป็นนักคิดที่ได้รับความเคารพทั่วโลกในเรื่องการขจัดความยากจน ความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ และการเสริมพลังเยาวชน
ศาสตราจารย์ยูนุส ได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2024 ให้เป็นผู้นำรัฐบาลชั่วคราวหลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีชีค ฮาสินา ลงจากตำแหน่ง ยูนุสได้กลายเป็นศูนย์กลางของความพยายามในการปฏิรูปประเทศ ในที่ประชุมผู้นำ BIMSTEC ความสนใจของยูนุส มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงระดับภูมิภาคเช่นกัน โดยเฉพาะบทบาทของ BIMSTEC (ความริเริ่มอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการ และเศรษฐกิจ) ในฐานะเวทีสำหรับเยาวชน ความร่วมมือ และนวัตกรรม
นี่คือบางช่วงบางตอนของบทสนทนาที่คัดสรรจากการสัมภาษณ์พิเศษ ศ.ยูนุส เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่กรุงเทพฯ
คำถาม: ตอนนี้ท่านอยู่ในบทบาททางการเมืองนี้มา 8 เดือนแล้ว การเปลี่ยนจากผู้นำภาคประชาสังคมเข้าสู่ใจกลางของรัฐบาลเป็นอย่างไรบ้าง
ตอบ: เป็นชีวิตอีกแบบหนึ่ง แต่ตอนนี้ที่ผมได้รับความรับผิดชอบนี้แล้ว ผมก็กำลังเผชิญหน้า ซึ่งเป็นประสบการณ์อีกรูปแบบหนึ่ง และคุ้มค่า โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตของบังกลาเทศ หากผมสามารถช่วยได้ในทางใดทางหนึ่ง และสร้างผลลัพธ์ต่อนโยบายของรัฐบาล ก็เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้น
คำถาม: ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กลับมาใช้ภาษีตอบโต้ 36% สำหรับบังกลาเทศ ซึ่งเทียบเท่ากับประเทศไทย ท่านคิดว่าการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าเช่นนี้จะเปลี่ยนวิธีการกำหนดกรอบการสนทนาทางเศรษฐกิจโลกหรือไม่
ตอบ: ผมคิดว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการสนทนา ยังไม่ใช่ข้อสรุปสุดท้าย ผมมองว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจา เป็นการเริ่มต้นของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าจะบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลทรัมป์ต้องการได้อย่างไร และเราจะรับประกันว่าธุรกิจของเรายังคงดำเนินต่อไปในระดับสูงได้อย่างไร นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
คำถาม: ท่านเป็นผู้สนับสนุนเยาวชนมาอย่างยาวนาน หลายคนกำลังรู้สึกผิดหวังกับการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์แบบดั้งเดิม ท่านจะพูดอะไรกับพวกเขาในตอนนี้
ตอบ: ผมจะบอกว่านี่คือสัญญาณของชีวิต ที่คุณกังวล คิด กระตือรือร้น และไม่ยอมแพ้ ความกังวลหมายความว่าคุณใส่ใจและคุณต้องการทำอะไรบางอย่าง ความกังวลนั้นเปลี่ยนเป็นการกระทำได้ สร้างความตื่นเต้นได้ อยู่กับคนอื่นที่มีวิสัยทัศน์เหมือนกับคุณ เปลี่ยนมุมของโลกในส่วนของคุณ และร่วมกันนำทางส่วนที่เหลือของโลก
คำถาม: ในการประชุมสุดยอด BIMSTEC ครั้งนี้ ท่านเรียกร้องให้มีความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่ลึกซึ้งมากขึ้น ท่านมองบทบาทของ BIMSTEC ในบริบทโลกที่กว้างขึ้นอย่างไร
ตอบ: BIMSTEC มีศักยภาพที่จะนำทางด้วยพลังสร้างสรรค์ทั้งหมดที่เรามีอยู่ภายในประเทศเหล่านี้ เมื่อประเทศต่างๆ มารวมกัน ก็จะมีการสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเราวางรากฐานสำหรับการสร้างวิธีคิดใหม่สำหรับโลกทั้งใบ ผมมองว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่สามารถก้าวไปไกลเกินกว่าแค่การค้า แต่สามารถเป็นการตื่นรู้ทางวัฒนธรรมและการพัฒนา
คำถาม: ท่านพูดอย่างเต็มไปด้วยความหลงใหลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเยาวชนทั่วทั้งภูมิภาค ท่านคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับโครงสร้างหรือแพลตฟอร์มสำหรับสิ่งนี้
ตอบ: ความชอบส่วนตัวของผมคือการนำประเทศต่างๆ มาร่วมกัน ไม่ใช่เพียงในระดับผู้นำเท่านั้น แต่ผ่านเยาวชนของพวกเขา ให้พวกเขาได้เชื่อมต่อ เรียนรู้จากกันและกัน เข้าใจซึ่งกันและกัน ควรมีแพลตฟอร์ม ควบคู่ไปกับการประชุม BIMSTEC ทุกครั้ง เพื่อเป็นโอกาสให้เยาวชนของประเทศสมาชิกมารวมตัวกัน และควรอย่างยิ่งที่ 50% ของเยาวชนควรเป็นผู้หญิง เพราะจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างรากฐานสำหรับสันติภาพและนวัตกรรมที่แท้จริงและยั่งยืน
คำถาม: ในยุคของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เช่น AI และ cryptocurrency เยาวชนควรเข้าถึงการพัฒนาเหล่านี้อย่างไร
ตอบ: เทคโนโลยีไม่มีจิตใจของตัวเอง เป็นเพียงเครื่องมือ จุดประสงค์ของเทคโนโลยีถูกกำหนดโดยผู้ที่ใช้ เสมือนมีดในมือของศัลยแพทย์ ถ้าตกไปอยู่ในมือที่ผิด ก็อาจจะกลับมาทำร้าย เช่นเดียวกับ AI หรือเครื่องมืออื่นๆ แต่เราต้องไม่กลัวเทคโนโลยี เราต้องควบคุมมัน อันตรายที่แท้จริงคือการที่เราปล่อยให้มันพัฒนาเกินขอบเขตไปสู่ปัญญาอัตโนมัติ
การเรียกร้องให้ลงมือทำ
ศาสตราจารย์ยูนุสเห็นพลังของคนรุ่นใหม่อย่างมาก และมักจะย้ำถึงการเพิ่มพลังให้กับคนรุ่นใหม่ โดยต้องไปไม่ลืมที่จะเชื่อมโยงหลักการเศรษฐกิจโลกกับการลงมือทำในระดับรากหญ้า เสียงของยูนุสจึงเป็นเสียงที่ชัดเจนและทรงพลังท่ามกลางโลกที่กำลังเต็มไปด้วยความท้าทาย
ติดตามบทสัมภาษณ์เต็มๆ ได้ในรายการ THE WORLD DIALOGUE เร็วๆ นี้ ทาง YouTube ของ THE STANDARD