×

‘เงินเยน’ ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง จับตาอาจเห็นแตะระดับ 140-150 เยนต่อดอลลาร์

09.06.2022
  • LOADING...
เงินเยน

วันนี้ (9 มิถุนายน) ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นยังคงลดลงต่อเนื่องไปอยู่ที่บริเวณ 134.45 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อปี 2002 ที่ระดับ 135.15 เยนต่อดอลลาร์ และหากย้อนไปถึงวิกฤตการเงินของเอเชียในปี 1998 ช่วงนั้นเงินเยนเคยอ่อนค่าไปถึง 145 เยนต่อดอลลาร์

 

ค่าเงินเยนเริ่มอ่อนค่าตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ธนาคารกลางของญี่ปุ่นยังคงตัดสินใจใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย สวนทางกับทางสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศที่เริ่มต้นปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลประเทศอื่นๆ สูงกว่าญี่ปุ่นมากขึ้น 

 

การอ่อนค่าของเงินเยนทำให้ต้นทุนในการนำเข้าสินค้าสูงขึ้นมาก กดดันให้ ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องกลับมาทบทวนสิ่งที่เคยกล่าวไว้ว่า ผู้บริโภคสามารถอดทนได้มากขึ้นต่อราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น 

 

ขณะที่ ชูซุเกะ ยามาดะ หัวหน้าฝ่ายอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินญี่ปุ่นของ Bank of America กล่าวว่า ความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ อาจจะทำให้เงินดอลลาร์ไม่แข็งค่าขึ้นต่อในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นักลงทุนยังคาดว่าส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จะยังสูงอยู่ในระดับนี้ต่อไปอีก 1-2 ปี 

 

เงินเยนที่อ่อนค่าลงในวันนี้ (9 มิถุนายน) เป็นการอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ทำให้โนมูระปรับมุมมองต่อค่าเงินเยนว่าอาจจะยืนสูงกว่า 130 เยนต่อดอลลาร์ นานกว่าที่คิดไว้ โดยคาดว่าเงินเยนน่าจะอยู่ที่ราว 132 เยนต่อดอลลาร์ ในเดือนมิถุนายน สูงกว่าเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 125 เยนต่อดอลลาร์ 

 

ทั้งนี้ มีการประเมินว่าเงินเยนมีโอกาสจะอ่อนค่าไปได้ถึง 140-150 เยนต่อดอลลาร์ ด้าน นิโคลาส สมิธ นักกลยุทธ์ของ CLSA ระบุว่า จากการสำรวจความเห็นของบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งก่อนหน้านี้ คาดว่าเงินเยนจะอยู่ที่เฉลี่ย 110.05 เยนต่อดอลลาร์ ทำให้หลายบริษัทอาจจะรายงานกำไรของไตรมาสนี้ออกมาดีกว่าคาด

 

“บริษัทค้าปลีกเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด สวนทางกับผู้ผลิตยานยนต์ที่เป็นผู้ได้ประโยชน์หลัก”

 

อย่างไรก็ตาม จากการเปิดเผยของ Bloomberg ซึ่งสำรวจความคิดเห็นจากนักธุรกิจ 249 ราย พบว่า 74% มองว่าการอ่อนค่าของเงินเยนกำลังส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และกระทบต่อกำไรของธุรกิจ ขณะที่อีก 26% มองว่าจะช่วยทำให้กำไรสูงขึ้น 

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising