ต้องบอกว่าการเป็น ICO (Initial Coin Offering) ซึ่งเป็นการระดมทุนแบบดิจิทัลด้วยการเสนอขายดิจิทัลโทเคน (Digital Token) ผ่านระบบบล็อกเชนต่อสาธารณชนตัวแรกของไทย ทำให้ ‘โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ’ (SiriHub Investment Token) นั้น ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ล่าสุดในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้อนุญาตให้เสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้ XSpring ซึ่งเป็นเจ้าของ ICO ดังกล่าวเตรียมที่จะเปิดขายเร็วๆ นี้
อัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ระบุว่า เป้าหมายสำคัญของการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ (SiriHub Investment Token) คือการเปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงได้ และสามารถเริ่มต้นจากเงินลงทุนจำนวนน้อยด้วยมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10 บาท (1 โทเคน)
โดยสามารถเลือกได้จากโทเคนดิจิทัล 2 กลุ่ม คือ 1. สิริฮับ A (SiriHubA) เสนอขายจำนวน 160 ล้านโทเคน มูลค่า 1,600 ล้านบาท และ 2. สิริฮับ B (SiriHubB) เสนอขาย 80 ล้านโทเคน มูลค่า 800 ล้านบาท รวมมูลค่าการเสนอขาย 2,400 ล้านบาท
“โทเคนดิจิทัลสิริฮับ เป็นการลงทุนในกระแสรายรับจากค่าเช่าของกลุ่มอาคารสำนักงาน สิริ แคมปัส โครงการที่มีศักยภาพซึ่งตั้งอยู่ภายใน T77 คอมมูนิตี้แห่งการอยู่อาศัยยุคใหม่ใจกลางอ่อนนุช โดยมี บมจ.แสนสิริ เป็นผู้เช่าอาคารสำนักงานสิริ แคมปัส เต็มพื้นที่ 100% เพียงรายเดียว และเป็นสัญญาเช่ายาวถึง 12 ปี โดยจ่ายค่าเช่าปีละ 149.4 ล้านบาท ในขณะที่โครงการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ มีอายุโครงการ 4 ปี ดังนั้นนักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่าโครงการนี้จะมีรายรับที่ต่อเนื่อง”
ผู้ถือสิริฮับ A จะได้รับส่วนแบ่งรายได้รายไตรมาส 4.5% ต่อปี และได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินเมื่อสิ้นสุดอายุโครงการจำนวนไม่เกิน 1,600 ล้านบาท ขณะที่ผู้ถือสิริฮับ B จะได้รับส่วนแบ่งรายได้สูงถึง 8% ต่อปี และยังได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการเมื่อสิ้นสุดอายุโครงการเฉพาะส่วนเกิน 1,600 ล้านบาทเป็นต้นไป
อัฏฐ์ระบุว่า จากการวิเคราะห์มูลค่าตลาดทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของสิริ แคมปัส โดยบริษัทประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. จำนวน 2 ราย คาดการณ์ว่าในอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาดของโครงการนี้จะมีมูลค่าประมาณ 2,600 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากรายงานการวิเคราะห์ราคาที่ดินของศูนย์วิจัยและประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้สรุปข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุช ซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียง โดยในปี 2564 มีราคาอยู่ที่ 1.1 ล้านบาทต่อตารางวา และมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทำเลที่ตั้งของทรัพย์สินโครงการมีศักยภาพที่ดี และมีโอกาสเติบโตค่อนข้างสูง
เบื้องต้นยังไม่ได้มีการกำหนดวันที่จะเปิดขาย โดยบอกแต่เพียงว่าจะเปิดให้ซื้อผ่านแอปพลิเคชัน XSpring เท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: